[updated] เปลี่ยนภาพประกอบเนื่องจากมีสมาชิกหลายท่านทักท้วงมานะครับ
เรื่องเศร้าและน่าตกใจนี้เกิดขึ้นที่เมืองโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีรายงานว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาสถานพินิจฯ เมืองโบลเดอร์ ได้รับตัวเด็กสาววัย 12 ขวบเข้ามาดูแลหลังถูกจับในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น 2 ครั้ง ซึ่งจากการสอบสวนของตำรวจเชื่อว่า เด็กสาวคนนี้พยายามวางยาพิษเพื่อฆ่าแม่ของตัวเองถึง 2 ครั้ง เนื่องจากต้องการจะแก้แค้นที่ผู้เป็นแม่ริบ iPhone ของเธอไป มีรายละเอียดหลังเบรก…
ความพยายามครั้งที่ 1 เด็กสาวได้แอบใส่ “สารฟอกขาว” ลงไปในน้ำปั่นของผู้เป็นแม่และเธอก็ดื่มเข้าไป แต่โชคดีที่เธอได้กลิ่นสารฟอกขาวจึงดื่มไม่หมด และคิดในแง่ดีว่าลูกสาวคงจะล้างแก้วไม่สะอาด จึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลและสามารถกลับบ้านได้
ความพยายามครั้งที่ 2 เด็กสาวได้แอบใส่สารฟอกขาวลงในเหยือกน้ำดื่มของแม่อีกครั้ง แต่คราวนี้เธอได้กลิ่นโชยออกมาจากเหยือกน้ำชัดเจนจึงไม่ได้ดื่มน้ำลงไป และทำให้เธอรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติซะแล้ว
ผู้เป็นแม่ได้เรียกลูกสาวมาถามตรงๆ ถึงสาเหตุที่ทำแบบนี้และก็ต้องช็อคเมื่อลูกสาวยอมรับว่า “โกรธแม่ที่ริบ iPhone ของตัวเองไป” ผู้เป็นแม่จึงตัดสินใจแจ้งตำรวจ และหลักฐานก็ชัดเจนเพียงพอให้เจ้าหน้าที่นำเด็กส่งสถานพินิจฯเพื่อดัดนิสัยต่อไป
เรียกได้ว่าเป็นอุธาหรณ์อย่างหนึ่งสำหรับคนที่กำลังเลี้ยงลูกและให้เด็กใช้มือถือของตัวเอง ไม่ใช่เฉพาะ iPhone แต่รวมถึง Android, Windows Phone หรือ Blackberry ด้วย การใช้งานให้เกิดประโยชน์นั้นมีมากมาย แต่การใช้งานจนทำให้เสพติดมือถือนั้น ไม่ดีแน่ เพราะเด็กยังขาดวุฒิภาวะและความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในหลายๆเรื่อง ดังนั้นผู้ปกครองที่มีบุตรหลานควรจะระวังในเรื่องพวกนี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสมาชิกคิดเห็นหรืออยากจะเสนอแนะอะไรเพิ่มเติมก็เชิญได้เลย
ที่มา: PhoneArena
น่าคิดว่าพ่อแม่ของเด็กคนดังกล่าวเลี้ยงดูเด็กมาอย่างไร ทำไมเด็กถึงคิดและทำได้ถึงขนาดนี้
ปล.ภาพประกอบคุ้นๆนะ
จากหนังเรื่อง Orphan ครับ
นัง เอสเธอร์ ตัวแสบ
เออใช่ๆนึกออกละ จำได้ว่ามาจากหนังแต่นึกชื่อเรื่องไม่ออก จริงๆน่าจะใส่ที่มากับคำอธิบายเพิ่มเติมตั้งแต่แรกนะ เดี๋ยวเข้าใจเนื้อหา+รูปผิดไป
พ่อ-แม่ ไม่สามารถคอยดูแลสั่งสอนได้ตลอด 24 ชั่วโมงหรอก
เด็กไปรู้ไปเห็น ไปเจออะไรมา แล้วพ่อแม่ไม่รู้ พ่อแม่ก็ไม่มีทางชี้แนะได้หรอก
-*- เอ่อ ถ้าเป็นอย่างที่ท่านว่ามา นั่นคือพ่อแม่ไม่เลี้ยงดูสั่งสอนแล้วครับ
สมมุติ เด็กนั่งรถโรงเรียนกลับบ้าน ระหว่างทางเห็นคนตีกัน หรืออาจจะเห็นข่าวฆาตกรรม
พ่อแม่เด็กจะรู้ไหม ว่าเด็กไปเห็นอะไรมา เว้นแต่ว่าจะมาถามลูกทุกวัน ว่าวันนี้เจออะไรมาบ้าน เห็นอะไรมาบ้าง
ใน 100 ครอบครัว จะมีซักกี่ครอบครัวที่ทำแบบนี้ได้
เลี้ยงเด็กมันไม่ง่ายหรอกนะ
คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องถามสารทุกสุขดิบซิครับ ว่าลูกวันนี้เป๋นไงบ้าง อ.สอนอะไร ฯลฯ เลี้ยงเด็กไม่ยากหรอกครับ แค่ใส่ใจ กี่ครอบครัวไม่รู้หรอกครับ แต่ครอบครัวผมเป็นแบบนี้
ok ยอมแพ้ครับ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันละกันครับ ขอบคุณครับ
เคยมีลูกป่ะครับ ?? หรือโตมาในครอบครัวโลกสวย ?
ไม่มีทางสอดส่องลูกได้ 100% หรอกครับ ไม่ใช่พ่อแม่ไม่สั่งสอน
คนนะไม่ใช่หมาในกรง จะได้เหนทุกพฤติกรรม
ตอนเข้าไปนั่งส้วม เด็กกดรีโมททีวี เลื่อนไปเจอละครน้ำเน่าตบกัน
อิตัวร้ายกะลังใส่ยานอนหลับพระเอก เด็กมันเลื่อนช่องดูเองได้
ก่อนไปปลดทุกข์ ตอนทำกับข้าวในครัว พ่อแม่ ต้องเอาทีวีไปซ่อนลูกไหมครับ
อย่ามาแถ
ขอบคุณครับ
+1 ท่าน WhiteCat ครับ ปกติจะเข้ามาอ่านอย่างเดียวตลอด ครั้งนี้ขอ log in มาคอมเม้นหน่อยนะ ผมเคยเลี้ยงหลาน 2 คน ยากมากนะครับ ที่จะจับตาดูเด็กได้ 24ชม ลูกหลานเรา พอโตมา ออกไปข้างนอก เราไม่รู้หรอกครับ ว่าเค้าไปเจอไปซึมซับอะไรมาบ้าง
ผมไม่รู้นะว่าท่าน rasbighead เคยเลี้ยงเด็กหรือเปล่า แต่ไม่มีพ่อแม่คนไหนเค้าจะถามลูกไปทุกเรื่องหรอกครับ ไอ้เรื่องเรียนเรื่องไปทำอะไรมาน่ะ เป็นเรื่องปกติที่ต้องถามอยู่แล้ว แต่ถ้าหากอย่างสมมติ ลูกเราไปตบ ผญ มา เราจะรู้มั้ยครับ???? ถ้าลูกเราไม่บอกเอง หรือเราสงสัยจนต้องถาม -*-
ผมว่า แม่ลูกไม่ได้คุยข้อตกลงกันก่อนใช้สิ่งของ หรือการตั้งกฏของบ้าน
แม่อาจใช้อำนาจยืดสิ่งของที่คิดว่า ไม่สมควร โดยลูกไม่ยินยอม หรือไม่เห็นด้วย (เหมือนตัวเองไม่เคยเป็นเด็กมาก่อน)
ลูกอาจจะซึมซับพฤติกรรมมาจาก หนัง ทีวี อินเตอเน็ต สื่อต่างๆ และอาจมากจากพฤติกรรมของตัวแม่เองเมื่อสมัยเด็ก
เพราะส่วนใหญ่แล้ว ลูกนิสัย(ดันดาร) ก็คงไม่ต่างจาก พ่อแม่ของตนนัก
เพราะเป็นสิ่งที่ลูกเห็นทุกวัน แม้กระทั่ง สำเนียงการพูด ความเร็วช้าในการพูด
ยังได้มาจากพ่อแม่เลย(อันนี้ ข้างบ้านผม เขาพูดเร็วเหมือนพ่อเขา ทั้งๆที่ ไปเรียนในตัวเมือง พฤติกรรมการพูดไม่เปลี่ยนไป)
ยังไม่มีลูกครับ แต่เคยเลี้ยงหลาน ขอบคุณที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นครับ
วัตถุนิยมเอฟเฟ็ค
น่าใช้รูปอื่นน่าจะดีกว่าครับ เป็นสัญลักษณ์แทนก็ได้ บางคนไม่ได้อ่านหรอกครับว่าภาพไม่เกี่ยวกับเนื้อข่าว
ถ้ารูปไม่เกี่ยวกับข่าว อยากให้เอาออก
ทำเบลอก็ยังดี
ลองคิดถ้าใครเอารูปลูกเรามาลงจะคิดอย่างไร
แม้จะบอกว่าภาพประกอบไม่เกี่ยวกับข่าวก็ตาม
แต่ไอ้ตัวหนังสือสีเหลืองในรูปนะ มันชัดเจนขนาดนั้น อะไรมันชัดกว่ากัน
เห็นด้วยเช่นกัน เอารูปอย่างอื่นที่ไม่ใช่คนมาใช้แทนก็ได้…เดี๋ยวเห็นหน้าดาราเด็ก แล้วคนจะเข้าใจผิด
เม้นๆกันเคยดูหนังเรื่องนี้รึยังครับ
ผมไม่คิดจะให้ลูกใช้มือถือก่อน 8 ขวบหรอกครับ
แต่ผมไม่มีลูกนะ ยังโสด
เชื่อเถอะว่าทำไม่ได้
พี่สาวผม บ่นผมมากว่าชอบเล่นคอม ไม่อยากให้ลูกติดคอมเหมือนผม
(ผมเล่นคอมเป็นตอน 11 ขวบ ยันปัจจุบัน)
ตอนนี้ พี่สาวผม ซื้อมือถือ ให้ลูกสาวอายุ 2 ขวบ เล่นเกมส์ ครับ
โห แย่เลยแบบนี้
น่าสงสัยหลายประเด็น 1.คือเลี้ยงดูมายังไงถึงทำแบบนั้นได้ 2.แจ้งตำรวจจับลกตัวเอง อืมม ต่างคนต่างวัฒนธรรมเนาะ
ผมว่าการเลี้ยงดู การอบรมสั่งสอน มันเป็นอะไรที่พูดยากมาก บางครอบครัวพ่อแม่สอนดี อบรมดี แต่ลูกทำตัวเลวๆมีถมไป … ส่วนเด็กวัยรุ่นก็มีมากมาย ที่พออยู่บ้านเรียบร้อย พออยู่ข้างนอกเป็นคนก้าวร้าว… การดูแลเลี้ยงดู การอบรมสั่งสอนก็มีส่วน แต่อย่าลืมมองจิตใต้สำนึกและสันดารด้วย เพราะแต่ละคนมีไม่เท่ากัน ^^
นี่ถ้าแม่ทำมือถือพังมันไม่ฆ่าแบบโหดเลยหรอเนีีย น่ากลัวเด็กแบบนี้
จะโทษเด็กว่าพ่อแม่ไม่สอนก็ไม่ถูกครับ
สมัยอยุธยา ท้าวศรีสุดาจันทร์ก็เคยวางยาพิษพระสวามีตัวเอง(พระไชยราชาุธิราช) มาแล้วครับเพื่อให้ชู้ขึ้นครองราชย์
แสดงว่า ถึงผู้ใหญ่ที่มีการอบรมมาดีแล้วก็ยังวางยาพิษคนที่รักได้เช่นกัน
เอาไว้มีโอกาสเป็น พ่อ หรือ แม่ จริงๆ
คงได้นำมาใช้กับลูกๆ
จะเป็นประโยชน์ แก่ครอบครัวมากเลย
เรื่องนี้คือ เด็กรักมือถือมากกว่าแม่ตัวเองครับ
ถามว่าเพราะอะไร? อันนี้ต้องลองคิดดู
ถ้าแม่ตายขึ้นมาจริงๆ ซักพักเด็กจะรู้เลย ว่าได้ทำอะไรที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต และเป็นบาปในใจไปจนตาย แถมตายแล้วก็ยังไปนรกนานจนประมาณมิได้อีก ส่วนตายแล้วไปไหน ก็อยู่ที่ว่าเชื่อในศาสนาไหนนั่นแหล่ะ (นั่นแค่ความเชื่อ ส่วนจริงๆ จะไปไหนก็ว่ากันอีกที)
เหตุการณ์ในข่าวเปนแค่เสี้ยวอณูเล็กๆของการใช้ชีวิตภายในครอบครัวนี้ ปลีกย่อยอาจจะมีบางอย่างที่เปนแรงผลักดันให้เด็กทำยังงี้ …ที่คนอื่นเราๆท่านๆไม่ได้เข้าไปสัมผัสคลุกคลี รับรู้ด้วยตัวเอง
ผมชอบคอมเม้นนี้ นะ เราไม่รู้หรอก แม่เขาอาจจะทำมากกว่านั้น ลูกถึงคิดจะฆ่าให้ตาย
เพราะเวลาที่คนถูกจับเข้าคุก เขาไม่ค่อยถูกสัมพาษ โดยนักข่าวหรอก
มีแต่คนนอกคุกกับตำรวจเท่านั้นที่ให้ข่าว
กลายเป็นฟังความข้างเดียว
เคสนี้ น่าจะมาจากการเลี้ยงดูมากกว่า ถ้าเลี้ยงลุกมาดี หายากที่ลูกจะตอบแทนกลับแบบนี้