แต่ไหนแต่ไรมา เราเคยชินกับสินค้าจากเมืองจีนที่ลอกนวัตกรรมและดีไซน์ชาวบ้านมาผลิตเองและปล่อยขายในตลาดในราคาที่ต่ำกว่าเป็นสิบเท่า หลายคนก็ตราหน้าสินค้าจากจีนว่าไม่ต่างอะไรกับโจรขโมยความคิดคนอื่นมาโกยเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่วันนี้จีนกำลังจะก้าวข้ามภาพลักษณ์เดิมๆ เพราะสามารถสร้างนวัตกรรมของตัวเอง จดสิทธิบัตรระดับนานาชาติรวมนำหน้าประเทศอื่นๆทั่วโลกขึ้นแท่นเป็นอันดับ 3 เรียบร้อยแล้ว
โดยทาง Economist ได้เปิดเผยว่าเมืองที่จดสิทธิบัตรมากที่สุดในประเทศจีนนำโด่งขึ้นมา ก็คือ เสิ่นเจิ้น คิดเป็นจำนวนมากกว่า 40% ตามมาด้วยปักกิ่ง โดยที่เสิ่นเจิ้นได้เตรียมงบประมาณมากกว่า 4% ของ GDP ในการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) มากกว่ามาค่าเฉลี่ยของประเทศ เงินที่ลงทุนนี้ส่วนมากก็มาจากบริษัทเอกชน และบริษัทเหล่านี้ก็ไม่ได้จดสิทธิบัตรแบบกเฬวรากไม่มีคุณภาพอย่างที่หลายๆคนอาจจะเคยได้ยิน แต่เป็นสิทธิบัตรที่ยอมรับได้ระดับนานาชาติ และจำนวนทั้งหมดนี้ก็มากกว่าที่มาจากฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรอีกด้วย
เห็นประเทศจีนเป็นแบบนี้ แต่บริษัทอย่างหัวเว่ยก็ลงทุนด้าน R&D มากกว่าที่ Apple ใช้ซะอีก โดยรายได้ของบริษัทในปี 2016 มากกว่า 2.5 ล้านล้านบาทนั้น แบ่งให้กับด้าน R&D นี้ไปถึง 15% และมีจำนวนพนักงานราว 82,000 คนจาก 180,000 คน (คิดเป็นจำนวนราว 45%) ที่ทำงานด้าน R&D เลยทีเดียวครับ
ความเปลี่ยนแปลงในเรื่องการสร้างสรรค์นวัตกรรมนี้ก็เป็นสัญญาณที่ดีที่จะได้เห็นประเทศที่ยิ่งใหญ่และมีคนเก่งอยู่มากอย่างจีนหันมาสร้างสรรค์นวัตกรรมมากกว่าการลอกเลียนแบบไปวันๆ แต่อย่างไรก็ดีการที่จีนมีการจดสิทธิบัตรมากขึ้นนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าต่อไปเราจะไม่ได้เห็นการขโมยความคิดอีกต่อไป เพราะก็ยังมีอีกหลายบริษัทที่ยังสามารถกอบโกยสร้างความมั่งคั่งจากการลอกไอเดียคนอื่นอยู่อีกมากนั่นเอง แต่อย่างน้อยเราก็เห็นทิศทางที่ดีขึ้นจากประเทศนี้ เปลี่ยนจากการสักแต่ลอกเป็นลอกแล้วพัฒนา(C&D) ตามรอยประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศนั่นเอง แต่จากบางประเทศที่กี่ปีกี่ชาติผ่านมาก็ยังคงติดนิสัยการลอกแบบไม่รู้จักจบจักสิ้น และไม่คิดพัฒนาเสียที…
อ่านบทความเรื่องนี้จาก Economist ต่อได้ที่ Shenzhen is a hothouse of innovation
บางประเทศก็พัฒนาแล้ว แต่มันพัฒนาได้แค่นี้จริงๆ
แบบกเฬวราก
คำนี้ช่างสะดุดตามากครับ
ได้ยินบ่อย แต่ให้เขียนเองก็เขียนไม่ถูก
ถ้าบอกว่า Huawei ลงทุน R&D มากกว่า Apple อันนี้ผมเชื่อ
ดูจากมือถือตัวท็อปรุ่นล่าสุดก็น่าจะพอเข้าใจได้ไม่ยาก
ผมว่ายังเทียบกันไม่ได้นะ ถ้าแนวหน้าด้านนวัตกรรมของจีนผมยกให้ Xiaomi
ขอถามเป็นวิทยาทานหน่อยครับว่านวัตกรรมของ xiaomi นี่มีอะไรบ้าง
ตอบแบบกลางๆ นะครับ เพราะข่าวนี้ไม่ได้เน้นเจาะว่าแค่ นวัตกรรม smartphone
Huawei เน้นการสื่อสารและโทรศัพท์ครับ หรืออาจจะมีอย่างอื่นแต่ไม่โดดเด่น
Xiaomi มีผลิตภัณฑ์สารพัด นอกจากมือถือครับ แอร์ ทีวี หูฟัง สายรัดข้อมือ โดรน ล้วนมีนวัตกรรมลูกเล่นแตกต่างไปจากเจ้าอื่นในตลาด
ลองไปดูเอานะครับ http://www.mi.com/en/list/
ย่อหน้าสุดท้ายนี่ ถ้าจะขนาดนั้นแล้วก็ระบุชื่อประเทศเลยก็ได้ครับ ถถถ
555
ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนเทคโนโลยี อะไหล่เครื่องกลมากมาย
แม้กระทั่งญี่ปุ่นยังยอมรับกับมาตราฐานการผลิตของไทย
แต่กลับไม่ได้ Know-how มาพัฒนาต่อยอดเป็นของตัวเองเลยเนี้ยสิ แปลก
เราคงเป็นประเมศที่ก้าวทันเทคโนโลยีต่อไป แต่จะก้าวนำคง ????
ปี 2557
อีกก้าวคนไทยส่งหุ่นยนต์ดูแลคนแก่ญี่ปุ่น http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9570000047734
ปี 2560
ว้าว ! ธุรกิจหุ่นยนต์ไทย ใครว่าคนไทยทำไม่ได้ http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/749708