ตอนนี้แวดวงการไอทีถือว่ากำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตชิปเซ็ตขาดแคลนระบาดอย่างหนัก ส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรมที่ต้องใช้หน่วยประมวลผลขนาดเล็กเป็นตัวขับเคลื่อน โดยล่าสุด CEO ของ Intel ได้ออกมาเปิดเผยว่าปัญหานี้น่าจะอยู่กับวงการไอทีเป็นอีกราว ๆ หนึ่งถึงสองปีกว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ

Pat Gelsinger แม่ทัพของ Intel ได้ให้สัมภาษณ์กับ BBC บอกว่า คนในแวดวงไอทีน่าจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับวิกฤตชิปเซ็ตขาดตลาดขาดแคลนให้ได้ไปอีกประมาณหนึ่งถึงสองปี ก่อนที่สถานการณ์การผลิตและการส่งออกของหน่วยประมวลผลจะกลับมาเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุของวิกฤตนี้ มาจากความต้องการของอุปกรณ์สื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงโรคระบาด COVID-19 ที่โดนแรงกระแทกกันทั่วทุกมุมโลก

ทำไมชิปเซ็ตถึงขาดแคลน เกิดจากสาเหตุอะไร กระทบแวดวงไหนบ้าง จะอยู่กับเราไปจนถึงอีกเมื่อไหร่

นอกจากนี้ CEO คนเก่งของ Intel ยังเสริมขึ้นมาอีกว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องรักษาความสัมพันธ์ที่มีกับคู่ค้าฝั่งจีนให้ได้ เพราะจะส่งผลดีต่อพวกเขาในระยะยาว เนื่องจากหากไม่ทำเช่นนั้น จีนอาจลุกขึ้นยืน พยายามสร้างโรงงานผลิตชิปเซ็ตขึ้นมาเป็นของตัวเองขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งขั้วอำนาจแข่งกับสหรัฐฯ เหมือนกับที่ HUAWEI กำลังพยายามทำอยู่ในตอนนี้ 

ยิ่งไปกว่านั้น Pat Gelsinger ได้ระบุเพิ่มเติมว่า Joe Biden อาจจะต้องกลับไปเจรจารื้อฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป ไปแก้ไขอดีตที่ประธานาธิบดีคนก่อน Donald Trump ทำเอาไว้

โดย Intel ได้วางแผนที่จะลงทุนเม็ดเงินกว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อที่จะสร้างโรงงานผลิตชิปเซ็ตใหม่สองแห่งในรัฐ Arizona อีกทั้งจะไปเปิดโรงงานใหม่ในยุโรปอีกด้วย เพื่อที่จะกลับมาต่อกรกับสองคู่ปรับตลอดกาลอย่าง TSMC และ Samsung ที่พักหลัง ๆ Intel ถือว่าพลาดท่าโดนแซงหน้าไปเยอะพอสมควร

 

ที่มา: Android Headlines