หลังจากที่ AIS ได้ร่วมมือกับ Google ประเทศไทย นำเอา Chromecast เข้ามาวางจำหน่าย ทำให้หลายๆคนเริ่มให้ความสนใจกับเจ้าอุปกรณ์เสริมชิ้นนี้มากขึ้นว่ามันคืออะไร ทำงานอย่างไร และมันดีหรือไม่ดีกว่า Android Box ที่วางจำหน่ายอย่างดาษดื่นในตลาดอย่างไร ก็แน่นอนว่าวันนี้เราจะมาอธิบายถึงความแตกต่างของทั้งสองอุปกรณ์นี้ให้ได้อ่านกัน และคุณควรจะเลือกซื้ออุปกรณ์ชิ้นไหนมาติดกับโทรทัศน์ที่บ้านดี
สำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก Chromecast เลย เราขอแนะนำให้ไปอ่านรีวิวที่นาย Akexorcist ได้เคยเขียนเอาไว้อย่างละเอียดดีแล้ว หรืออ่านบทความที่เราเคยเขียนแนะนำ Chromecast เอาไว้มันเริ่มๆวางจำหน่ายได้เลย ที่ https://droidsans.com/chromecast-newest-toy-from-google
ถ้าสรุปสั้นๆคือ Chromecast คือตัวที่ทำให้เรานำเอาภาพ เสียง คลิปที่เราต้องดูจากในมือถือจอเล็กๆขึ้นไปแสดงผลจอใหญ่ๆบนทีวีได้เลย โดยที่หลังจากเราสั่งว่าให้มันเล่นคลิปไหน ไฟล์อะไร แอปตัวใดแล้ว เราก็สามารถปิดมือถือ หรือสลับไปเล่นแอปอื่นได้เลย เพราะ Chromecast ทำงานแยกเป็นเอกเทศ รับคำสั่งมาเล่นด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ชิ้นอื่นแต่อย่างใด
Chromecast เริ่มวางจำหน่ายในต่างประเทศตั้งแต่ปี 2013 ผ่านไปเกือบ 4 ปีกว่าจะเข้ามาถึงบ้านเรา ทำให้ช่วงเวลาระหว่างนี้ก็จะมีเหล่า Android Box มาเป็นตัวเลือกให้คนที่ต้องการใส่สมองให้ทีวีจับเอา Android ยัดใส่เข้าไป เสียบสาย HDMI ใช้ทีวีแทนหน้าจอมือถือ ก็จะทำให้ทีวีนั้นๆกลายเป็น Smart TV ได้ทันที โหลดแอพมาเพิ่มความสามารถได้ทันควัน
ฟังคร่าวๆก็จะรู้สึกว่า Chromecast กับ Android Box จริงๆมันต่างกันไม่น้อย แต่หากยังมึนๆอยู่มาดูตารางเปรียบเทียบด้านล่างนี้เลยครับ
ตารางเปรียบเทียบ Chromecast vs Android Box
Chromecast | Android Box | |
ราคา | 1,490 | ตั้งแต่ 1,xxx ขึ้นไป |
CPU | Marvell Armada 1500 Mini Plus 88DE3006, Dual-core, ARM Cortex-A7 | ขึ้นกับรุ่นที่วางจำหน่าย |
ขนาด | ขนาดเล็ก เสียบและซ่อนหลังทีวีได้เลย น้ำหนัก : 39.1 กรัม | เป็นกล่องต้องหาที่วางและสายต่อเข้าหลังทีวี |
การทำงาน | เป็นตัวรับคำสั่งจากมือถือ ว่าเราต้องการให้เล่นเนื้อหาจากแหล่งใด เช่น คลิปยูทูป รายการทีวีย้อนหลังจากแอพ ซีรีย์ต่างๆ หรือวิดีโอของเฟซบุ๊ค ไม่สามารถสั่งงานอย่างอื่น หรือโหลดแอปเพิ่มเติมได้ | เหมือนเสียบ Android เข้าแสดงผลบนจอทีวี ทำทุกอย่างได้เกือบเหมือน Android ทั้งหมด จะโหลดแอป เล่นเกม หรือดูหนัง ก็ทำได้เกือบเหมือนบนมือถือเลย |
การควบคุม | ผ่านมือถือ, แทบเล็ต, PC, | รีโมท, คีย์บอร์ด, เม้าส์, จอยเกม |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi, สาย LAN (ต้องซื้อ Adapter เพิ่ม) | Wi-Fi, สาย LAN |
แหล่งพลังงาน | ช่อง USB ของ TV | ใช้หม้อแปลงเสียบกับไฟบ้านเข้า Android Box |
การอัพเดท | มีการอัพเดทจาก Google อยู่เรื่อยๆ ใช้งานร่วมกับ Android & iOS ได้ | มีการอัพเดทแค่บางยี่ห้อ และเพื่อแก้บั๊กเท่านั้น ไม่มีการอัพข้ามเวอร์ชั่น |
ความทนทาน | ไม่มีประวัติว่าเสียง่าย หลายคนบอกว่าใช้งานได้ทนทาน | บางรุ่นเสียง่าย ไม่กี่เดือน หรือปีเศษๆก็พัง ควรเลือกที่ประกันยาวๆ ร้านน่าเชื่อถือ |
ความยาก-ง่ายเมื่อเริ่มใช้งาน | ต้องโหลดแอป Google Home และตั้งค่า Chromecast ก่อนการใช้งานในครั้งแรก | สามารถเริ่มใช้งานได้ทันที พร้อมหน้าตาการใช้งาน UI/UX ที่คล้ายคลึงกับการใช้งานทีวีทั่วไป |
เนื้อหาที่รองรับ | เนื้อหามีจำกัด เพราะต้องรอให้แอปต่างๆรองรับ แต่ปัจจุบันในไทยมีแอปที่เราสามารถใช้ Chromecast ดูทีวี ดูหนัง ซีรีย์ หรือเลือกเล่นไฟล์จาก network drive ได้แล้ว หรือเราจะเลือกเอาภาพบนหน้าจอเราไปแสดงบนทีวีก็ได้ผ่านฟีเจอร์ Screen Mirroring | Android Box สามารถดาวน์โหลดแอปจาก Google Play ได้ แต่จะเจอปัญหาในบางแอปที่ไม่ได้รองรับหน้าจอโทรศัพท์ ทำให้ควบคุมหรือรับชมได้ลำบาก เราจะได้เห็นกล่องแอนดรอยด์จะใส่ความสามารถดูหนัง และรายการทีวีต่างๆที่ปกติต้องเสียเงินมาให้ แต่โดยมากจะเป็นเนื้อหาที่ผิดลิขสิทธิ์ อาจจะโดนตัดสัญญาณเมื่อไหร่ก็ได้ |
การเชื่อมต่อกับหน่วยความจำภายนอก | ไม่รองรับการเชื่อมต่อภายนอก เน้นการสตรีมข้อมูลจากแหล่งอื่นมากกว่า | MicroSD Card, Flash Drive, External HDD (ในบางรุ่น) |
สรุปซื้ออะไรดี Chromecast vs Android Box
Chromecast (ง่าย สะดวก) – เหมาะกับคนที่ไม่ได้อยากเพิ่มความวุ่นวายให้ชีวิต แค่อยากหาตัวที่ช่วยนำเอาเนื้อหาที่อยู่บนมือถือไปแสดงบนทีวีได้อย่างสะดวก ไม่ต้องต่อสายระโยงระยาง ไม่ต้องหาที่วางกล่องให้ลำบาก ไม่ต้องกลัวตกรุ่นเพราะ Google Support ให้ใช้งานได้อีกยาวๆ แต่ความสามารถก็จะทำได้แค่นี้แหละ
Android Box (อรรถประโยชน์) – เหมาะกับคนที่อยากได้ Android มาทำงานคล้าย PC desktop ต่อเข้าทีวี ใช้งานได้อรรถประโยชน์ โหลดแอปเพิ่มเติมจาก Play Store ได้ หากหาแหล่งไฟล์ภาพยนตร์หรือเพลงได้เอง ก็เซฟลง HDD เพื่อเชื่อมต่อกับ Android และเล่นขึ้นทีวีได้เลย ไม่มีปัญหากับการต้องเพิ่มคีย์บอร์ดและเม้าส์ หรือรีโมท ในการควบคุมทีวี
เสริม
เอาจริงๆ Chromecast นี่มีการติดตั้งเอาไว้ในสมาร์ททีวีหลายๆรุ่นหลายๆยี่ห้อ ในนามของ Google Cast อยู่แล้ว เราจึงไม่จำเป็นต้องซื้อมาต่อเพิ่มอีกตัวก็ได้ถ้าเจอว่าเครื่องเรามีนะ
และนอกเหนือจาก Chromecast และ Android Box แล้วก็ยังมีกล่อง Android TV อีก เรียกได้ว่ามันคือ Android Box รวมร่างกับ Chromecast ที่ Google เป็นคนทำเอง ซึ่งจะเป็นมาตรฐานมากกว่า และมีการอัพเดทเวอร์ชั่นเรื่อยๆจาก Google โดยตรง แต่พอดีว่ามันไม่ขายเมืองไทย ถ้าถามว่าจะซื้ออะไรดีระหว่าง Chromecast กับ Android TV ผมก็คงจะเลือก Android TV แหละแม้ว่ามันจะแพงนิดนึงก็ตาม
ใช้ chromecast ตัวแรกแล้วชอบมาก เลยขายทิ้งแล้วซื้อ nvidia shield tv มาแทน เพิ่มความสามารถมากขึ้นอีกหน่อย อัพเป็น 7.0 ไวกว่า P9 อีก
ถ้ามีงบหน่อยจัด Android box จะไม่ผิดหวัง ทำได้ทุกอย่างที่อยากจะเล่น สตรีมหนังจากมือถือลื่นๆ ยิ่งใช้กับมือถือ samsung ยิ่งสบายเพราะ ss ใส่แอพสตรีมมาให้เลย ผมใช้ HiMedia Q10 Pro เล่นไฟล์ 4k เสียง 7.1ch สบายๆ แถมรอมโมเพียบ 55
ผมนิยม Android Box / Mini PC
เคยใช้แต่ขายไปแล้วเพราะจะซื้อ TV ใหม่ม้นมี Screen Cast มาอยู่แล้วอย่างของ Samsung หรือถ้าเป็น SONY ก็มี Google Cast มาให้ในตัวในรุ่นใหม่ ๆ
ตอนนี้ถ้าจะซื้ออีกอยากลองซื้อแบบ PC STICK มากกว่า เอามาเสียบ HDMI แล้วใช้งานได้จริงจัง
พวก TV ที่มี Google Cast นั้นเป็น Android TV ครับ
คนละแบบกับ Screen Mirroring ที่อยู่บน Smart TV ที่ไม่ใช่ Android TV
แหล่งพลังงานของchromecast ก็ต้องพึ่งอแดปเตอร์ไม่ใช่หรอครับ ผมใช้อยู่เหมือนกัน หรือต่อUSB ก็ได้
ใช้ไฟจาก USB ของ TV ได้เลยครับ (5V. 500mA.)
ผ่านการใช้งานมาทั้ง chromecast ตัวเก่า (มี 2 อันแหนะ ตอนนี้นอนแอ๋งแม้งในกล่อง)
android box (AIS Playbox) และ android tv (Mi box)
ตัด android box ทิ้งไปก่อนได้เลยเรื่องการใช้งาน ไม่รู้ว่าเพราะเจอของกากด้วยหรือเปล่านะ แต่การใช้งานมันเป็น stand alone ใช้งานลำบาก ต้องหาแอพ chromcast reciver มาลงแต่แอพเองก็ไม่ค่อยเสถียรตัว playbox มันรับ DLNA กับ Airplay ซึ่งฟังชั่นมันน้อยกว่า Chromecast มาก อาจจะเพราะเป็นคนไม่ชอบ cast หน้าจอมือถือขึ้นไป แต่ก็เห็นมีคนที่ใช้แบบดูหนัง iflix แล้วก็ cast จอจากมือถือเข้า tv ซึ่งมันก็จะเป็นการปิดตายมือถือไปเลย สำหรับเราไม่ผ่าน
ต่อมาที่
chromecast กับ android tv
ฟังก์ชั่น cast มีเหมือนกัน ดีงาม แอพเดี๋ยวนี้รองรับเพิ่มขึ้นเยอะมาก เมื่อก่อนเราจะลงแอพ video caster ไว้ในมือถือ เอาไว้ส่งพวก line tv หรือเว็บอื่นๆ ที่ไม่รับการแคสโดยตรงขึ้นจอ แต่เดี๋ยวนี้มี crome extention ที่ส่งวีดีโอใดๆ ขึนจอก็สะดวกสะบายดี ไม่ต้อง mirror หน้าจอโครมไป
ข้อดีของการ cast คืออุปกรณ์ในมือเราเป็นอิสระ แค่ส่งข้อมูลไป แล้วมือถือเราก็กลายเป็นเหมือนรีโมท ไว้ควบคุม
ยิ่งเมื่อก่อนติด just dance now นี่คือดีเลย ลงแอพในมือถือเท่านี้ก็พร้อมเล่นบนทีวีทันที
ข้อเสียที่สำคัญของเราคือเวลา cast youtube อยู่นั้น จะกดดูคลิปอื่นๆ ไม่ได้เลย เพราะกดไปมันก็จะถามว่าจะส่งขึนจอเลยไหมหรือให้ลงในคิว บางทีเราก็อยากจะอ่านคอมเมนท์ หรือลองดูคลิปก่อน
mi box มันก็ขยับขึ้นมาอีกขั้น ชอบรีโมทที่สั่งงานด้วยเสียงมาก อยากได้อะไรก็พูดเอา เสียอย่างที่ไม่มีคีย์บอร์ดไทย เลยจำเป็นต้องพูดอย่างเดียว
และไม่รู้เปนอะไร ต่อมือถือกับทีวีด้วย android tv remote ไม่ได้ เห็นกันนะ แต่คลิกต่อแล้วหลุดตลอด ทั้งเน็ต ais fiber เอามาลองกับ tot ก็เป็น
UI เหมือนจะดีนะ แต่แอพที่เราลงอยู่แถวเดียวนี่นรกมาก ไม่ทราบว่าคิดว่าคนเราจะลงแอพแค่ 4 แอพทั้งชีวิตเหรอ คือต้องกรอเขาไปดานในตลอด เพราะแอพมาน้อยเกิน
store ก็แปลกๆ ถ้าเข้าผ่านตัวกล่องนี่มีแอพน้อยมากถึงมากที่สุด ต้องโหลดจากเว็บ play store เอาถึงจะได้ลงพวก iflix ไรงี้
ไม่มี browser คือถ้ามือถือต่อกันได้สมบูรณ์บางทีก็ไม่จำเป็น แต่นี่มันเชื่อมกันไม่ได้ไง! ต้องลงแอพ tv browser แล้วกดรีโมทลากไปลากมา แต่เมาท์ลากลื่นลากง่ายกว่าของ playbox เยอะ ถ้าอยากใช้งานสะดวกนี่เหมือนบังคับให้ตองใช้เมาส์ข้างนอก
ซึ่งเราไม่ชอบให้มันมีอุปกรณ์ input มากมายล้านแปด แค่ต้องเข้า mibox มาดูทีวี แล้วจะดูทีวีต้องกลับไป DTV นี่ก็น่ารำคาญมากๆ แล้ว
ถ้าให้เลือก chromecast กับ android tv นี่สูสีมาก คือ android tv ยอมรับว่าเจ๋งจริง แต่มูลค่าที่เพิ่มมาจาก chromecast แบบเสียบหลังจอตอนนี้ยังไม่เห็นมันมากเท่าไหร่
แต่ด้วยความที่ใช้ mibox ราคาเพิ่มมานิดเดียวยังรู้สึกคุ้มอยู่
<3
เอาอแดปเตอร์ไปชาร์จมือถือแล้วเสียบโครมแคสเข้า USB ทีวีไดครับ
เราทำแบบนั้น = =
ลบ
เลือก Mi Box ต้องเป็นรุ่นรอม Global ด้วย ไม่งั้นพลาดแบบผมแน่ เพราะลง Youtube ไม่ได้ ถูกบังคับใช้แต่แอพจีน ซึ่งมีโฆษณาจีนตรึม
อีกอย่าง โปรแกรมเล่นเน็ต Puffin ใน Play Store ดีมาก ใช้แล้วไม่บวม ไม่กินพื้นที่เครื่องมากแบบ Chrome กับ Firefox เล่นเกมออนไลน์ไฟล์ Flash ได้ด้วย ทำให้มือถือ Android กับ Android Box คุ้มค่าตัวได้มากขึ้น
รอม global นี่ดูยังไงอะ แต่มี youtube นะเพราะซื้อที่ไต้หวัน
Android Box มันก็ Cast ได้ไม่ใช่หรือ? กล่อง Playbox ของ AIS ก็ Cast ได้ ผมคาดว่ากล่องรุ่นใหม่ๆ Android 5.1 6.0 Cast ได้กันหมดล่ะ
ไม่ได้นะครับ
ถ้าตัวที่ใช้อยู่ทำได้ ฝากช่วยบอกรุ่น หรือถ่ายมาให้ดูหน่อยครับ เผื่อจะได้เติมลงไปในเนื้อหาให้ครับ
ใช้ playbox อยู่ chromecast ไม่ได้นะฮะมีแค่ AirPlay กับ DLNA
จากปัญหาที่ตอนนี้คือ ในห้องพ่อมี led tv อยู่ ก็คือว่าจะให้เกิดยูทูปให้หลาน ผมก็ไปต่อ android box ให้ อล้วก็เสียบคีย์บอร์ดตัวเล็กให้เอาไว้พิมพ์ ก็มีปัญหาเวลาใช้งานเพราะมันไม่เหมือนทัชจอ
พอโคมแคชมาขายผมรีบไปซื้อมาใช้แทนเลย จะได้หมดปัญหาตรงนี้ครับ เพราะเค้าใช้สมาร์ทโฟนเค้าดูยูทูปอยู่แล้ว แต่สอนกดแคชขึ้นจอเท่านั้นเองครับ
Cast ได้ครับ AIS Playbox มี MiraCast
ลักษณะการทำงานของ Google Cast (ใน Chromecast) กับ MiraCast จะแตกต่างกันนะครับ Google Cast จะสั่งแล้วปล่อยให้ตัวรับทำงานต่อ มือถือเราไม่ได้ทำงานแล้ว
เคยใช้ทั้ง cast และ andriod box, ถ้า cast เปิดมาราคานี้ซื้อ android box ดีกว่าครับ spec รองรับอะไรหนักๆได้ดีกว่า cast เพราะราคา box ก็ไม่ต่างจากนี้เท่าไหร่.
ตัดสินใจเลือกระหว่าง Android box กับ cromecast ยังไม่ได้เลยครับ สรุปอันไหนดีกว่ากัน เคยใช้ cromecast ตัวเก่าโคตรอึด คือผมต้องการ ดูหนังออนไลน์และดูyoutube แค่นั้น และไม่อยากต่อเม้ากับคีย์บอร์ด
อยากทราบว่าดูหนังออนไลน์นี่ดูภาพตัวเล่นหนังของอะไรหรอครับ เพราะมีหลายตัวที่รองรับการ Cast ด้วย Chromecast แล้ว, ส่วน YouTube นี่เข้ากับ Chromecast ได้ดีมาก สามารถตั้งคิวลำดับการเล่นได้ด้วย