เราได้เห็น 10 ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของทั้ง Huawei P10 และ P10 Plus กันมาแล้ว แต่ว่าเป็นการนำฟีเจอร์ของทั้ง 2 รุ่นมารวมกันซะมากกว่า แต่เหตุผลที่ Huawei นั้นใช้ชื่อต่างกันก็เพราะว่ามันมีจุดที่แตกต่างกันอยู่พอสมควร และเชื่อว่าหลายๆ คนก็คงอยากจะรู้เหมือนกันว่าทั้ง 2 รุ่นนี้มันต่างกันยังไง และรุ่นไหนน่าซื้อกว่ากัน เราก็เลยจับ P10 และ P10 Plus มาเปรียบเทียบให้ดูกันชัดๆ ให้หมดข้อสงสัยกันไปเลย

ตารางเปรียบเทียบสเปคระหว่าง Huawei P10 และ P10 Plus

Huawei P10

Huawei P10 Plus

ราคา649 ยูโร699 ยูโร / 799 ยูโร
OSAndroid 7.0 (Nougat) with EMUI 5.1
หน้าจอIPS LCD 5.1 FullHD นิ้ว 1080 x 1920 พิกเซลIPS LCD 5.5 นิ้ว QuadHD 1440 x 2560 พิกเซล
CPUHiSilicon Kirin 960 64-bit octa-core 2.4GHz
GPUMali-G71 MP8
RAM4GB4GB / 6GB
หน่วยความจำภายใน64GB (รองรับ microSD สูงสุด 256GB)64GB / 128GB (รองรับ microSD สูงสุด 256GB)
กล้องหลัง20 MP (mono) + 12 MP (RGB) dual-sensor, F2.2, OIS, 2x Hybrid Zoom20 MP (mono) + 12 MP (RGB) dual-sensor, F1.8, OIS, 2x Hybrid Zoom
วิดีโอรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K
ระบบโฟกัสPDAF + CAF + Laser + Depth
กล้องหน้า8 ล้านพิกเซล autofocus, F1.9
SIM2 ซิม (Nano-SIM) dual-standby รอรับสายได้พร้อมกัน (แชร์ช่องกับ microSD) FullNetcom 3.0
LTEรองรับ 4G LTE ทุกเครือข่ายทั่วโลกรองรับ 4.5G LTE Quad-Antennas (4×4 MIMO) ทุกเครือข่ายทั่วโลก
การเชื่อมต่อUSB-Type C, Bluetooth 4.2, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac dual-band Dual-Antennas (2×2 MIMO), NFC
SensorsFingerprint Sensor, G-Sensor, Gyroscope Sensor, Compass, Ambient Light Sensor, Proximity Sensor, Hall SensorFingerprint Sensor, G-Sensor, Gyroscope Sensor, Compass, Ambient Light Sensor, Proximity Sensor, Hall Sensor, IR Blaster
GPSGPS / Glonass / Galileo / BDS
แบตเตอรี่3,200 mAh ถอดเปลี่ยนแบตไม่ได้ + Huawei Super Charge3,750 mAh เปลี่ยนแบตไม่ได้ + Huawei Super Charge
สัดส่วน145.3 x 69.3 x 6.98 มิลลิเมตร153.5 x 74.2 x 6.98 มิลลิเมตร
น้ำหนัก145 กรัม165 กรัม

 

ขนาดและหน้าจอ

อย่างแรกที่เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนที่สุดเลยก็คือขนาดหน้าจอ โดย P10 นั้นมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.1 นิ้ว ส่วน P10 Plus ก็ขยายขึ้นมาเป็น 5.5 นิ้ว แต่ไม่ใช่แค่ขนาดอย่างเดียวเท่านั้นที่ต่าง แต่ความละเอียดก็ยังแตกต่างกันด้วย โดยหน้าจอของ P10 มีความละเอียดอยู่ที่ Full HD 1080p แต่หน้าจอของ P10 Plus มาพร้อมความละเอียด Quad HD  1440p

แต่เรื่องของขนาดก็ขึ้นอยู่กับความถนัดและความชอบของแต่ละคนนะครับ.. อย่าคิดลึก.. ซึ่งอันนี้ต้องลองไปเล่น ไปจับกันเอาเอง.. อย่าคิดลึกรอบสอง..

 

แรมและหน่วยความจำภายใน

ในส่วนของ แรมและหน่วยความจำภายใน ก็จะเห็นว่า ทั้ง P10 และ P10 Plus มีรุ่นที่ใช้ RAM 4GB และ หน่วยความจำภายใน 64GB เท่ากันอยู่ แต่ว่า P10 Plus ยังมีอีกหนึ่งตัวเลือกที่เพิ่มเข้ามา นั่นก็คือรุ่น RAM 6GB และ หน่วยความจำภายใน 128GB

ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว RAM 4GB ก็ยังเพียงพอกับการใช้งานในปัจจุบันอยู่แล้ว ส่วนเรื่องของ หน่วยความจำภายในก็สามารถใส่ microSD การ์ดเพิ่มได้อีก 256GB ทั้งคู่ ทำให้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าหน่วยความจำภายในจะไม่พอเลยครับ

อย่างไรก็ตาม สเปคเหล่านี้อาจจะเป็นรุ่นที่วางจำหน่ายในฝั่งยุโรปเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เวลาเข้ามาบ้านเราอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้อยู่ครับ

 

กล้องหลังคู่ Leica Dual Camera 2.0

ถึงแม้ว่าทั้ง P10 และ P10 Plus จะมาพร้อมกับกล้องหลังคู่ที่ผ่านการยอมรับจาก Leica เหมือนกัน และมีความละเอียดเท่ากันที่ 20 ล้านพิกเซล (mono) + 12 ล้านพิกเซล (RGB) แต่ว่าที่จริงแล้วก็มีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร โดย P10 นั้นยังคงใช้เป็นเลนส์ SUMMARIT ที่มีค่ารูรับแสงอยู่ที่ F2.2 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ใช้ใน Mate 9 ที่ Huawei เรียกว่าเป็น Leica Dual Camera 2.0 ส่วน P10 Plus นั้นใช้เป็นเลนส์ SUMMILUX ที่มีค่ารูรับแสงอยู่ที่ F1.8 แต่รอบนี้ Huawei นั้นเสริมชื่อเรียกมาอีกเป็น Leica Dual Camera 2.0 Pro Edition

ถ้าหากว่าพูดกันตามทฤษฎีแล้ว ยิ่งค่า F น้อย รูรับแสงก็จะยิ่งกว้างขึ้น ทำให้การละลายหลังนั้นดีกว่า ดังนั้นเมื่อนำมาค่า F ของ P10 และ P10 Plus มาเทียบกัน ก็เห็นได้ชัดเจนว่า P10 Plus นั้นมีเลนส์กล้องที่อัพเกรดกว่าของ P10 อยู่พอสมควร อย่างไรก็ตามเรื่องรายละเอียดลึกๆ ของเลนส์แต่ละตัวนั้นแตกต่างกันมากขนาดไหน ก็คงต้องรอดูในส่วนของรีวิวกันอีกทีครับ

 

ลำโพง

เรื่องเสียงอาจจะไม่ได้ถูกกล่าวถึงภายในงานเปิดตัวของ Huawei ที่ผ่านมา แต่ที่จริงแล้ว P10 Plus นั้นมาพร้อมกับลำโพงคู่แบบเดียวกับของ Mate 9 โดยการทำงานนั้นเมื่อตัวเครื่องอยู่ในแนวตั้ง เสียงจะออกเพียงแค่ลำโพงด้านล่างเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อเราถือตัวเครื่องเป็นแนวนอน เสียงจะออกมาทั้งลำโพงสนทนาด้านบน และลำโพงด้านล่างพร้อมๆ กัน ทำให้ได้อรรถรสในการดูวิดีโอ หรือฟังเพลงมากขึ้น

 

เสาสัญญาณ

ภายในงานเปิดตัว P10 และ P10 Plus นั้นทาง Huawei ได้ทำการอวดว่าเป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกที่รองรับการใช้งาน 4.5G LTE โดยมาพร้อมกับเสาสัญญาณ 4 เสา หรือ Quad-Antennas ซึ่งช่วยให้จับสัญญาณได้ดีขึ้นถึง 60% แต่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ว่าที่จริงแล้วมีเพียงแค่รุ่น P10 Plus เท่านั้นที่ได้ฟีเจอร์นี้ ส่วน P10 นั้นยังคงเป็น Dual-Antennas หรือมีตัวรับสัญญาณเพียงแค่ 2 เสา เช่นเคย

โดยการเพิ่มเสาสัญญาณเข้ามา ไม่ใช่แค่ให้การจับสัญญาณนั้นดีขึ้น แต่ว่ายังช่วยให้การดาวน์โหลดข้อมูลนั้นเร็วขึ้นอีกด้วย และนับว่าเป็นเทคโนโลยีที่จะกลายเป็นเทคโนโลยีสากลในอนาคตอันใกล้นี้ด้วยครับ

 

แบตเตอรี่

แน่นอนว่าขนาดที่ต่างกันของ P10 และ P10 Plus ทำให้ขนาดของแบตเตอรี่ก็มีความแตกต่างกันไปด้วย โดยแบตเตอรี่ของ P10 นั้นมีความจุอยู่ที่ 3,200 mAh ส่วน P10 Plus นั้นมีความจุอยู่ที่ 3,750 mAh ทั้งคู่นั้นมาพร้อมกับระบบชาร์จเร็วที่ทาง Huawei เรียกว่า SuperCharge แต่ว่า Huawei ไม่ได้บอกว่าชาร์จได้เร็วขนาดไหน บอกแค่ว่าสามารถใช้งานได้ 1 วัน ในการชาร์จแค่ 30 นาที

ภายในงานเปิดตัว ทาง Huawei ก็มีพูดถึงเรื่องระยะเวลาในการใช้งานของทั้ง 2 รุ่น โดย P10 นั้นสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 1.8 วัน หรือประมาณ 43 ชั่วโมง แต่สำหรับ P10 Plus นั้นสามารถใช้งานได้ยาวนานเกิน 2 วันเลยทีเดียว นับว่าเป็นการแก้ไขจุดด้อยของรุ่นก่อนอย่าง P9 ที่ไม่สามารถจะใช้งานได้เต็มๆ วันซักที

 

IR Blaster

Huawei ได้ใส่เซนเซอร์มาให้กับ P10 และ P10 Plus แบบจัดเต็ม แต่ดูเหมือนว่าก็ยังคงมีการแบ่งแยกในเรื่องของเซนเซอร์ IR Blaster อยู่เช่นเคย ซึ่งตอนสมัย P9 และ P9 Plus ก็ใส่เซนเซอร์ IR Blaster มาให้กับ P9 Plus อย่างเดียวเท่านั้น และมาตอนนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้นอยู่ เพราะว่า Huawei ไม่ได้ใส่เซนเซอร์ IR มาให้กับทาง P10 แต่ใส่มาให้กับ P10 Plus อย่างเดียว

โดยตัว IR Blaster หรือเซนเซอร์อินฟราเรด นั้นสามารถที่จะเอาไว้ใช้แทนรีโมทคอนโทรลทั่วไปได้ ไม่ว่าจะเป็น รีโมททีวี หรือ รีโมทแอร์ เป็นต้น ถึงแม้ว่าหลายๆ คนอาจจะคิดว่าไม่ค่อยได้ใช้ แต่เชื่อว่าคงจะต้องมีคนเคยเจอกับสถานการณ์ที่ วางรีโมทแล้วลืมว่ามันอยู่ตรงไหน อย่างแน่นอน.. ผมก็คนนึงละ

 

การกันน้ำ

ทั้ง P10 และ P10 Plus ได้รับการเคลือบ nano coating เพื่อป้องกันละอองน้ำมาตั้งแต่ต้น แต่ว่า P10 Plus ดูเหมือนจะมีความสามารถเพิ่มเติมในเรื่องของการ รองรับมาตรฐาน IPX3 ที่สามารถป้องกันน้ำได้ในระดับหนึ่ง ทำให้เราใจชื้นขึ้นมาอีกนิดว่าเวลาโดนน้ำแล้วจะไม่เป็นอะไร แต่ๆๆ ถึงแม้ว่าจะกันน้ำได้ แต่เราก็ไม่ควรที่จะนำสมาร์ทโฟนของเราไปเล่นน้ำอยู่ดีนั่นแหละครับ เพราะยังไงของเหล่านี้ก็ไม่ถูกกับน้ำอยู่แล้วหล่ะ อย่าลองของดีกว่านะ

 

สรุปซื้อรุ่นไหนดี?

ก็คงจะเห็นภาพกันแล้วนะครับว่า P10 หรือ P10 Plus รุ่นไหนเจ๋งกว่ากัน ซึ่งก็คงเดาไม่ยากกันอยู่แล้ว่าเป็น P10 Plus อย่างแน่นอน บอกตามตรงเลยก็คือ เหมือน Huawei นั้นพยายามผลักดันให้เราไปเล่น P10 Plus ซะมากกว่า ด้วยฟีเจอร์ที่เสริมเข้ามามากขนาดนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของกล้องที่ดูเหมือนว่าจะโดดเด่นกว่า P10 อยู่พอตัว

แต่อย่าให้ฟีเจอร์เหล่านี้เป็นตัวตัดสินใจในการซื้ออย่างเดียวนะครับ เพราะว่า ราคา ก็นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนเหมือนกัน แต่ถ้าราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักก็คงตอบได้แค่คำเดียวว่า “P10 Plus” แบบไม่ต้องคิดเลยครับ