ถ้าหากว่าพูดถึงกล้องสมาร์ทโฟนที่เป็นกระแสมากที่สุดในปัจจุบัน ก็คงจะหนีไม่พ้น กล้องของสมาร์ทโฟน Huawei เพราะว่าได้ทำการร่วมกันพัฒนากับทาง Leica แบรนด์กล้องระดับต้นๆ ของวงการ โดยการจับมือนั้นเริ่มมาตั้งแต่ตอนสมัยตระกูล P9 เมื่อปีทีแล้ว และมาปีนี้ Huawei ก็ได้ทำการเปิดตัว P10 และ P10 Plus ซึ่งก็ยังคงจับมือกับทาง Leica อยู่เหมือนเดิม แต่ว่ารอบนี้ต่างจากเดิมตรงที่มีการนำเลนส์อีกรุ่นมาใส่ให้กับ P10 Plus ด้วย นั่นก็คือ Summilux ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะสงสัยว่ามันแตกต่างเลนส์ Summarit ของ P9 และ Mate 9 อย่างไร รวมไปถึงตัวหนังสือและตัวเลขที่เขียนแปะไว้นั้นมีความหมายว่าอย่างไรบ้าง วันนี้เราเลยได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ มาทำให้ทุกคนถึงบางอ้อกันเลยครับ

ไม่ได้ผลิตโดย Leica แต่เป็นการร่วมมือกันพัฒนา

ก่อนอื่นเลยต้องขอเคลียร์ให้แจ่มแจ้งกันก่อนว่า Leica นั้นไม่ได้เป็นผู้ผลิตเลนส์ให้กับทาง Huawei แต่อย่างใด แต่ว่าเป็นการ พัฒนาร่วมกัน (co-engineerd) และรับรองคุณภาพหรือ certified ให้ใช้สัญลักษณ์ Leica ได้ ซึ่งผู้ผลิตเลนส์นั้นจะเป็นเจ้าอื่นแทน อย่างตอน P9 ก็เป็นบริษัท Sunny Optical Technology เป็นผู้ผลิตให้ ก็ขอให้เข้าใจตรงกันว่า เลนส์ที่ใช้ในสมาร์ทโฟน Huawei ไม่ได้ผลิตโดย Leica นะครับ

 

SUMMARIT-H 1:2.2/27 ASPH คืออะไร?

เชื่อว่าหลายๆ คนที่ใช้สมาร์ทโฟน Huawei ตั้งแต่ P9 มา ก็คงจะสงสัยว่า “SUMMARIT-H 1:2.2./27 ASPH คืออะไร?” ซึ่งต้องบอกว่า คำเหล่านี้ไม่ได้เขียนแปะมาไว้เล่นๆ นะครับ เพราะแต่ละอย่างนั้นมีความหมายในตัวของมันอยู่

สำหรับตัวแรก “SUMMARIT” ก็น่าจะพอเดากันได้อยู่แล้ว เพราะว่ามันคือชื่อเลนส์รุ่นหนึ่งของ Leica นั่นเอง ส่วนตัว “H” ก็อาจจะพอเดากันได้บ้างว่าคือ “Huawei” พูดง่ายๆ ก็คือ เลนส์ Summarit สำหรับสมาร์ทโฟนของ Huawei นั่นเอง

ส่วนตัวเลขสัดส่วนแปลกๆ ถัดมา “1:2.2/27” ไม่ใช่การใช้หวยเลขท้ายสองตัวนะครับ แต่ว่าตัวเลขนี้จะแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยกัน โดยตัวเลข 1:2.2 นั้นบ่งบอกถึง ค่ารูรับแสง หรือ ค่า f ซึ่งก็หมายความว่า เลนส์นี้มีค่า f อยู่ที่ f/2.2 นั่นเอง ส่วนเลข 27 ก็คือ มีทางยาวโฟกัสที่ 27 มิลลิเมตร ครับ

อย่างสุดท้ายในโค้ด(ไม่)ลับนี้ คือ “ASPH” และน่าจะเป็นอันที่น่าจะเดายากที่สุดในนี้แล้ว งั้นเราให้เวลา 3 วินาที ในการเดา 1.. 2.. 3.. หมดเวลา!! (เชื่อว่าคง Google กันไปแล้ว) คาดว่าใครที่เล่นกล้องน่าจะพอเดาได้อยู่ โดย ASPH นั้นจะหมายถึง “aspherical lens surface” หรือถ้าให้แปลเป็นไทยง่ายๆ ก็จะมีความหมายประมาณว่า พื้นผิวเลนส์ที่ไม่ได้เป็นทรงกลม ซึ่งพื้นผิวเลนส์แบบนี้จะช่วยในเรื่องของการรวมแสงให้ดีขึ้นครับ

SUMMARIT vs SUMMILUX

ถึงตรงนี้ก็หวังว่าจะเริ่มเข้าใจกันบ้างแล้วว่า ตัวหนังสือที่เขียนแปะไว้ด้านล่างชื่อ Leica ที่กล้องหลังของสมาร์ทโฟน Huawei นั้นหมายความว่าอะไร แต่ว่าล่าสุดทาง Huawei ได้ทำการเปิดตัว P10 และ P10 Plus ออกมา ซึ่งรอบนี้ไม่ได้ใช้เพียงแค่เลนส์ Summarit อย่างเดียวแล้ว เพราะว่า P10 Plus นั้นมาพร้อกับเลนส์ที่มีชื่อว่า Summilux เอาเป็นว่าเรามาดูกันดีกว่าว่าเลนส์สองตัวนี้ต่างกันอย่างไร

ชื่อของเลนส์ที่นำมาใช้ในสมาร์ทโฟน Huawei นั้นไม่ได้อยู่ดีๆ ก็ตั้งขึ้นมาใหม่เพื่อใช้กับ Huawei อย่างเดียวนะครับ แต่ว่าที่จริงแล้วเป็นเลนส์ที่ทาง Leica นั้นมีอยู่แล้ว ซึ่งชื่อเลนส์ต่างๆ ของ Leica ก็มีดังนี้

  • Noctilux
  • Nocticorn
  • Summilux
  • Summicron
  • Summarit
  • Elmarit
  • Summaron
  • Elmar

จะเห็นได้ว่าเลนส์ของ Leica นั้นมีมากมายหลายชื่อ ซึ่งจุดแตกต่างของแต่ละเลนส์นั้นก็อยู่ที่ ค่ารูรับแสง หรือ ค่า f ที่ไม่เท่ากันนั่นเอง และแน่นอนว่าราคาก็แตกต่างกันด้วย แต่ผมจะไม่ขอลงรายละเอียดละกันนะครับว่า เลนส์แต่ละตัวเป็นอย่างไร จะขอหยิบยกแค่สองรุ่นที่เราสนใจมาพูดกันเพียงอย่างเดียว (ไม่งั้นยาววว) ก็คือ Summarit และ Summilux

Summarit และ Summilux สามารถเรียกง่ายๆ ว่า สัมฤทธิ์ กับ สำลัก.. ไม่ใช่!! สำหรับ Summarit นั้นอาจจะเป็นชื่อที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะว่ามีมาตั้งแต่ P9 และ Mate 9 มาตอนนี้ก็ใช้กับ P10 ด้วย โดยเป็นเลนส์ที่มาพร้อมกับค่า f/2.2 ซึ่งต้องบอกว่า ค่า f นี้ทำมาเฉพาะเลนส์ที่ใช้กับสมาร์ทโฟน Huawei อย่างเดียวนะครับ ถ้าใช้กับกล้องทั่วไปก็จะมีค่า f ที่ต่างออกไปอีก (หรืออาจจะเท่ากันก็ได้)

แต่ที่หลายๆ คนน่าจะให้ความสนใจมากกว่าก็คือ เลนส์ Summilux ที่มาพร้อมกับ P10 Plus ซะมากกว่า โดยตัวหนังสือที่เขียนไว้บริเวณกล้องหลังของ P10 Plus ก็คือ SUMMILUX-H 1:1.8/27 ASPH มีใครเห็นความแตกต่างแล้วยกมือขึ้น!! ใช่ครับ จุดที่แตกต่างก็คือ ค่า f ของเลนส์ Summilux นั้นอยู่ที่ f/1.8 หรือพูดง่ายๆ ก็คือ มีรูรับแสงที่กว้างกว่า นั่นเอง

ถ้าหากว่าใครที่พอมีพื้นฐานกล้องอยู่แล้วก็คงจะร้อง อ๋อ ขึ้นมาแล้ว แต่สำหรับใครที่ยังไม่เก็ทว่ามันต่างอย่างไร ก็ขออธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ ว่า การที่เลนส์มีรูรับแสงกว้าง(ตัวหารน้อย) จะทำให้สามารถรับแสงได้มากขึ้น ซึ่งช่วยในเรื่องการถ่ายภาพในช่วงที่มีแสงน้อย เพราะจะทำให้ภาพที่ได้นั้นมีสว่างมากกว่า

นอกจากเหนือจากเรื่องของการรับแสงแล้ว ยิ่งมีรูรับแสงกว้าง (เลขค่า f ต่ำ) ก็จะได้ภาพที่มีช่วงระยะของความชัดน้อยลง หรือที่เรียกว่า “ชัดตื้น” แต่สำหรับคำที่หลายๆ คนน่าจะเข้าใจกว่าก็คือ การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ นั่นแหละครับ ซึ่งถ้าเอามาภาพระหว่างเลนส์ที่มีค่า f/1.8 มาเทียบกับเลนส์ที่มีค่า f/2.2 ก็จะเห็นได้ว่า ด้านหลังของภาพนั้นละลายมากกว่า ดังตัวอย่างภาพด้างล่าง

ภาพจาก: http://www.chrisjonesblog.com/2015/04/independent-filmmakers-aperture.html

ก็หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยตอบข้อสงสัยให้กับหลายๆ คนได้นะครับ ถ้าหากว่าข้อมูลส่วนไหนผิดพลาดประการใดก็บอกกันมาได้เลย แต่ถ้าใครอยากรู้ว่า P10 และ P10 Plus นั้นแตกต่างกันอย่างไรละก็ เรามีการทำเปรียบเทียบไว้ให้เรียบร้อยแล้วเหมือนกัน สามารถเข้าไปอ่านได้ แล้วภาพถ่ายจากเลนส์ Summarit และ Summilux จะแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน เอาไว้ได้ P10 Plus แล้วเราจะมาเปรียบเทียบให้ชมแน่นอนครับ