ต่อไปนี้ใครที่ใช้บริการ Clubhouse หรือ Telegram อาจจะต้องมีการยืนยันตัวตน กรอกข้อมูล อัปโหลดสำเนาบัตรประชาชนเข้าระบบซะแล้ว เพราะล่าสุด ดีอีเอส หรือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกินและสังคม ของประเทศไทย ได้ออกมาประกาศบังคับให้ทั้ง Clubhouse และ Telegram เก็บข้อมูลผู้ใช้ที่สามารถระบุตัวตนได้ ส่วนร้านอินเทอร์เน็ต (หรือร้านอื่น ๆ ที่มีบริการอินเทอร์เน็ต) จะต้องติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อบันทึกตัวตนของลูกค้าหรือผู้ที่เข้ามาใช้งาน 

ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส (DES) ได้ประกาศอัปเดตราชกิจจานุเบกษา เพิ่มเติมข้อกำหนดหลายเรื่อง ซึ่งประเด็นสำคัญของประกาศฉบับนี้จะมีทั้งหมด 3 ประการ ได้แก่

  • แอป Clubhouse และ Telegram จำเป็นต้องเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของผู้ใช้งานได้
  • ร้านอาหารหรือร้านค้าบริการใด ๆ ที่มีบริการอินเทอร์เน็ต จะต้องติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อบันทึกตัวตนของลูกค้า
  • ร้านอินเทอร์เน็ต ร้านเกมออนไลน์ หรือร้าน eSports เริ่มเก็บข้อมูลภายใน 1 ปี นับตั้งแต่มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา

ในส่วนนี้ ทาง The MATTER อธิบายเอาไว้ชัดเจนว่า ตามปกติ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ของบ้านเรา ผู้ให้บริการจะต้องเก็บ Log อยู่แล้ว แต่เป็นเพียงแค่คร่าว ๆ และเป็นข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น แต่ในประกาศฉบับใหม่นี้ ทาง DES ได้เพิ่มมาตรการการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมยิ่งขึ้นไปอีก เช่น ข้อมูลตัวอุปกรณ์ที่เข้าใช้งาน รายงานการล็อกอินต้องระบุถึงการล็อกอินที่ไม่สำเร็จ หรือแม้กระทั่งรายละเอียดธุรกรรมที่กำลังใช้งานอยู่ 

นอกจากนี้ DES ยังบังคับให้ Clubhouse และ Telegram เก็บข้อมูลผู้ใช้งานในลักษณะที่ต้องสามารถระบุรายละเอียดผู้ใช้งานเป็นรายบุคคลได้ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ต่อไปนี้ ใครก็ตามที่เล่นสองแอปนี้ อาจจะต้องทำขั้นตอนการยืนยันตัวตน ซึ่งอาจจะรวมถึงการสแกนอัปโหลดบัตรประชาชนอะไรแบบนี้ก็ได้

ส่วนร้านค้าที่มีการให้บริการอินเทอร์เน็ต อาทิ ร้านอาหาร หรือคาเฟ่ร้านกาแฟต่าง ๆ อ้างอิงจากประกาศฉบับใหม่นี้ พวกเขาจำเป็นต้องติดตั้งกล้องวงจรปิดและบันทึกรายละเอียดการเข้าใช้งานของผู้ใช้บริการในร้านที่สามารถระบุตัวตนได้ และทำบันทึกที่เกี่ยวข้องกับการเข้าใช้บริการของลูกค้าในแต่ละวัน เพื่อใช้เป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายหลัง 

 

ที่มา: ratchakitcha | The MATTER | blognone