DJI บริษัทโดรนชั้นนำระดับโลก พึ่งเปิดตัวโดรนจิ๋วอย่าง DJI Spark ไปเมื่อช่วงกลางปี 2017 ที่ผ่านมา โดย DJI Spark ถือเป็นโดรนรุ่นเล็กที่สุดและมีราคาถูกที่สุดแล้วของแบรนด์ DJI ทำให้ฟีเจอร์และความสามารถต่างๆ ยังไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานระดับจริงจังขึ้นมาอีกขั้นนึง DJI ก็เลยปล่อยโดรนจิ๋วรุ่นใหม่อย่าง Mavic Air ออกมาเพื่อเติมช่องว่างระหว่างโดรนสำหรับมือใหม่และโดรนมืออาชีพ ในราคาที่พอเอื้อมถึงได้ไม่ยาก

หลายๆ คนที่เคยเห็น เคยเล่น หรือได้เป็นเจ้าของโดรนจิ๋วอย่าง DJI Spark ที่เปิดตัวมาได้ซักพักแล้ว น่าจะถูกใจกับความสามารถหลายๆ อย่าง ที่ถูกอัดเข้ามาในรูปร่างที่แสนจะกะทัดรัดพกพาสะดวกแน่ๆ แต่พอได้เล่นไปซักพักจนเริ่มเซียนแล้ว ก็รู้สึกว่าอยากจะขยับขึ้นมาเป็นรุ่นใหญ่ขึ้น จะหันไปซบ Mavic Pro ที่สามารถถ่ายวิดีโอระดับ 4K ได้ และบินนานขึ้นเป็น 21 นาที ก็ต้องเพิ่มเงินอีกหลายบาทอยู่

Mavic Pro

DJI น่าจะเห็นช่องว่างที่ว่านี้เข้า ก็เลยเปิดตัวโดรน Mavic Air ที่มีสเปคบางอย่างเทียบเท่า Mavic Pro เช่น ถ่ายวิดีโอ 4K และบินได้นานถึง 21 นาที แต่มาในขนาดที่ใหญ่กว่า Spark แค่นิดเดียว และเพิ่มค่าตัวอีกนิดนึงเท่านั้นเอง เราลองมาดูสเปคของ Mavic Pro กันหน่อยดีกว่า ว่ามีอะไรบ้าง

  • ขนาด : 168 x 184 x 64 มม. (ตอนกางใบพัด) / 168 x 63 x 49 มม. (ตอนพับ)
  • น้ำหนักรวมแบตเตอรี่ : 430 กรัม
  • บินนานสูงสุด : 21 นาที
  • ความเร็วสูงสุด : 68.4 กม./ชม.
  • ระยะควบคุมจากรีโมทคอนโทรล : 4 กม.
  • กล้องมุมกว้าง 85 องศา, รูรับแสง f/2.8
  • เซ็นเซอร์กล้อง 1/2.3″ CMOS
  • ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง 4K 30fps
  • Video bitrate 100Mbps
  • ถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 12MP
  • โหมดถ่ายภาพ HDR, Panorama
  • บันทึกไฟล์ภาพแบบ RAW, JPEG
  • ระบบกันสั่น 3 แกน
  • หน่วยความจำในตัว 8GB รองรับ MicroSD Card
  • เซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง 2 จุด หน้า-หลัง
  • ใช้งานร่วมกับแว่น DJI Goggle ได้
  • สีที่วางจำหน่าย : ดำ ขาว แดง

แน่นอนว่า Mavic Air ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ต่างๆ ที่มีทั้งใน Spark และ Mavic Pro ทั้งการควบคุมด้วยท่าทาง, บินตามอัตโนมัติ,โหมด Quickshot 4 แบบ ที่แค่ปล่อยโดรนออกไปแล้วมันก็จะบินถ่ายเองตามโหมดที่เราเลือก และแน่นอนกับฟีเจอร์สุดเทพอย่าง Hand Gesture ที่สามารถใช้แค่มือในการบังคับ Mavic Air ให้บินถ่ายเซลฟี่ได้ตามต้องการ และเป็นโหมด Hand Gesture ที่ได้รับการพัฒนามาจากรุ่น Spark ทำให้มีความแม่นยำมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

ระบบ Hand Gesture บังคับโดรนด้วยมือเปล่า

Mavic Air ถึงแม้ว่าจะมีขนาดที่ใหญ่กว่า DJI Spark อยู่นิดหน่อย แต่เมื่อพับเครื่องแล้วก็เหลือขนาดใหญ่กว่ามือถือแค่นิดเดียวเท่านั้น สามารถพกใส่ในกระเป๋ากางเกงได้สบายๆ เลยล่ะ

Mavic Air เริ่มจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตามร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายโดรนของ DJI แถมในบ้านเราตอนนี้ บริษัท SYNNEX ผู้นำเข้าโดรนจาก DJI อย่างเป็นทางการ ก็เปิดศูนย์บริการในประเทศไทยแล้วด้วย ทำให้ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องรออะไหล่นานเป็นเดือนๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วยนะ สำหรับราคาของ Mavic Air เดี่ยวๆ อยู่ที่ 30,000 บาท ส่วนชุดคอมโบบวกแบตเตอรี่อีก 2 ก้อน รวมเป็น 3 ก้อน จะอยู่ที่ 37,500 บาท ใครที่อยากดูรีวิวว่ามันทำอะไรได้บ้าง เจ๋งขนาดไหน ก็รอกันอีกแป๊บเดียว เพราะตอนนี้ Droidsans ได้เครื่องมาอยู่ในมือแล้วล่ะ