Xiaomi 12s Ultra มือถือเรือธงกล้องเทพรุ่นล่าสุดที่นอกจากจะมากับสเปคแรง ๆ แล้ว คราวนี้ได้จับมือกับแบรนด์ Leica เพื่อตีบวกเพิ่มความโหดให้กับการถ่ายภาพด้วย ทำให้หลาย ๆ คนสงสัยว่าคุณภาพที่ได้จากกล้องรุ่นนี้จะออกมาดีแค่ไหน และจะสู้กับมือถือเรือธงเน้นกล้องรุ่นอื่น ๆ ได้หรือเปล่า ซึ่งล่าสุดทาง DxOMARK ก็ได้นำตัวกล้องรุ่นนี้มาทดสอบให้ดูกันแล้วครับ

ทาง DxOMARK ได้ทำคะแนนสรุปผลออกมาแล้ว โดย Xiaomi 12s Ultra ได้คะแนนประสิทธิภาพกล้องไปทั้งหมด 138 คะแนน (รวมทั้งภาพนิ่ง + วิดีโอ) โดยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 5 จากมือถือทั้งหมดที่ทดสอบโดย DxOMARK แบ่งเป็น คะแนนถ่ายภาพนิ่ง 144 คะแนน / การซูมภาพ 96 คะแนน / การถ่ายวีดีโอ 113 คะแนน มากกว่า iPhone 13 Pro Max (1 คะแนน) และมากกว่า Samsung Galaxy S22 Ultra (7 คะแนน) แต่ยังสู้กับรุ่นเดิมของตัวเองอย่าง Mi 11 Ultra (143 คะแนน) ไม่ได้ เพราะรุ่นนี้ทำได้ดีมาก ๆ อยู่ในอันดับ 3 เลยทีเดียว 

สเปกกล้อง Xiaomi 12s Ultra

  • กล้องหลัง 3 ตัว พัฒนาร่วมกับ LEICA
  • กล้องหลัก IMX707 ความละเอียด 50MP (f/1.9) ขนาดพิกเซล 1.6 ไมครอน, ระยะโฟกัส 23 มม. , กันสั่น OIS, PDAF, Laser AF
  • กล้อง Ultrawide ความละเอียด 48MP (f/2.2) ขนาดพิกเซล 0.8 ไมครอน, ระยะโฟกัส 13 มม. ,PDAF
  • กล้อง Telephoto 2x ความละเอียด 48MP (f/4.1) ขนาดพิกเซล 0.8 ไมครอน, ระยะโฟกัส 120 มม. , กันสั่น OIS, PDAF, 5x Optical zoom
  • TOF 3D (Depth)
  • แฟลช LED
  • ถ่ายวีดีโอสูงสุด 8K 24fps, 4K 30/60fps, 1080p 30/60/120/240fps, 720p 3840fps, gyro-EIS, Dolby Vision HDR 10-bit rec. (4K, 1080p)

DxOMARK ได้กล่าวถึง  Xiaomi 12s ultra ว่าเป็นมือถือที่มีชิ้นส่วนของกล้องที่มีคุณภาพสูง โดยมีการปรับจูนทั้งผ่านทางซอฟแวร์ ฮาร์ดแวร์และ ISP (ชิปประมวลผลภาพถ่าย) ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมานั้นดูสวยงาม มีคุณภาพที่ดี โดยมันสามารถคว้าอันดับที่ 5 ในลำดับกล้องทั้งหมดที่ DxOMARK ได้ทำการจัดเรียงเอาไว้ แต่ถ้าหากเปรียบเทียบกับมือถือในระดับเดียวกัน อย่างเช่น iPhone 13 Pro คุณภาพของภาพที่ได้ยังไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่

ในส่วนของการถ่ายภาพนิ่ง เจ้าตัว Xiaomi 12s Ultra นั้นสามารถทำได้ดี คุณภาพของภาพที่ออกมานั้นสามารถเก็บรายละเอียดได้ดี และควบคุมการจัดการน้อยส์ได้ดีพอสมควร แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร หากเอาไปเทียบกับ Xiaomi Mi 11 Ultra ตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยความเร็วของการโฟกัสนั้นยังช้ากว่า และการวัดแสงยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร รายละเอียดภาพและเรื่องการจัดการน้อยส์ของ Mi 11 Ultra ยังทำออกมาได้ดีกว่า

โดย Xiaomi 12s Ultra มีพรีเซ็ทสี มาให้เลือกใช้ได้สองแบบ คือ Leica Vibrant ที่จะให้สีสันในโทนสดใสกว่าและ Leica Authentic ให้สีสันในโทนสมจริงกว่า 

Leica Authentic

Leica Vibrant

การถ่ายภาพแบบหลายๆคนในเฟรมเดียวกัน ยังต้องได้รับการแก้ไขอยู่เนื่องจาก ระยะชัดลึกของกล้องยังทำได้ไม่ดีพอหากมองจากรูปจะเห็นได้ว่า คนที่อยู่ด้านหลัง หน้าของเขาค่อนข้างเบลอและไม่ชัดเอาเสียเลย เพราะ Xiaomi 12s Ultra แทบจะไม่ได้ปรับความคมชัดให้เลย 

สำหรับโหมดภาพถ่ายกลางคืน DxOMARK บอกว่า Xiaomi 12s Ultra เป็นกล้องถ่ายภาพกลางคืนที่ดีตัวหนึ่งเลยทีเดียว เนื่องจาก มีไดนามิกเร้นจ์ที่กว้าง เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ แบบวิวเมืองในตอนกลางคืน 

การถ่ายภาพแบบ Bokeh แม้จะทำได้ค่อนข้างดีในการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอแบบทั่วไป แต่ถ้าเทียบกับ Mi 11 Ultra แล้วพบว่า Xiaomi 12s Ultra ยังสู้ไม่ได้

Xiaomi 12s Ultra ยังตัดขอบวัตถุไม่เนียน

ถ่าย Bokeh ในที่แสงน้อยยิ่งไปกันใหญ่

สำหรับการถ่ายวีดีโอ ต้องบอกเลยว่า Xiaomi 12s Ultra ค่อนข้างทำได้ดี ไดนามิกเร้นจ์กว้าง ทั้งแสงในร่มและกลางแจ้ง ให้ความรู้สึกคล้ายกับการใช้งานไอโฟนรุ่นล่าสุด แต่ยังมองเห็นความแตกต่างในสภาวะแสงน้อย แล้วยังพบเจอการวัดแสงที่ไม่สมบูรณ์เมื่อมีสภาวะแสงที่ไม่คงที ส่วนเรื่องระบบกันสั่นก็ยังทำได้แค่มาตรฐานของมือถือระดับพรีเมี่ยมเท่านั้น ยังไม่โดดเด่นไปกว่าเรือธงรุ่นอื่น ๆ และอีกเช่นเคยที่ยังสู้ Mi 11 Ultra ไม่ได้ในเรื่องวิดีโอด้วย

Play video

จุดเด่น 

  • การวัดแสงเหมาะสำหรับการถ่ายภาพแบบ landscape, cityscape, portrait ทั้งในสภาวะแสงมากและแสงน้อย
  • ไดนามิกเร้นจ์ที่กว้างทั้งในส่วนของการถ่ายภาพนิ่งและการถ่ายวีดีโอ
  • ระบบโฟกัสที่แม่นยำในทุกสภาพแสง 
  • การประมวลผลของรายละเอียดภาพและการจัดการน้อยส์ที่ดี 
  • การเรนเดอร์สีในรูปแบบของ Leica presets มีคุณภาพที่ดีทั้งสองแบบ ทั้ง Leica Authentic และ Leica Vibrant
  • ภาพซูมระยะไกลมีคุณภาพที่ดี 

ข้อสังเกตุ 

  • การคำนวณค่าแสงที่ไม่คงที่เมื่อถ่ายด้วยระบบ HDR ในบางสภาวะ
  • ชัตเตอร์ค่อนข้างช้าสำหรับการถ่ายสภาวะ HDR หรือสภาวะแสงน้อย โดยมีการหน่วงสูงกว่า 0.3 วินาที
  • ระบบโฟกัสและวัดแสงไม่คงที่เมื่อใช้เลนส์ซูม
  • เกิดน้อยส์ที่เห็นได้ชัดเมื่อถ่ายภาพที่มีความแตกต่างกันของแสงในสภาวะแสงปกติ
  • ไม่มีการแสดงภาพ HDR ตามเวลาจริง ต้องถ่ายภาพออกมาก่อนถึงจะเห็น

 

ที่มา: DxOMARK