ด้วยปัจจุบันที่ระบบการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลย์ในบ้านเรากำลังเป็นที่นิยมกันอย่างมากนั้นส่งผลทำให้มีจำนวนผู้ขายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งปัจจุบันยังมีผู้ขายหลายรายที่ไม่ทำตามข้อกำหนดหรือข้อกฏหมายที่ออกมา หรือเนื่องจากมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับหลักการซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์นั้นอาจจะไม่ต้องเสียภาษี โดยตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมากรมสรรพากรเข้ามาดำเนินการตามแผนอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งได้พัฒนาโปรแกรมขึ้นมาสแกนร้านค้าออนไลน์ เพื่อจะได้ทำการตรวจสอบการชำระภาษีของร้านค้าต่างๆ ว่าถูกต้องหรือไม่
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีการซื้อขายสินค้าออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงผู้ที่ขายสินค้าผ่าน Social Media ต่างๆ เช่น Facebook, LINE, และ Instagram รวมไปถึงเว็บแคตตาล็อกชื่อดังอย่าง Lazada ก็ด้วย ซึ่งหากมีการลงประกาศขายสินค้าต่างๆ ทางกรมสรรพากรถือว่าเป็นการจำหน่ายและถือเป็นรายได้ของผู้ขายอย่างชัดเจน เมื่อถึงเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนดผู้ขายทุกคนก็ต้องชำระภาษีตามกฏหมาย
แนวทางของกรมสรรพากรตอนนี้ได้มีการสุ่มตรวจ ด้วยโปรแกรมตรวจจับว่ามีการซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากน้อยแค่ไหน มีการชำระภาษีถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ และในการสั่งซื้อสินค้าในแต่ละครั้งมีการออกใบกำกับภาษีถูกต้องหรือเปล่า นอกจากนั้นในกลุ่มธุรกิจ SME เองกว่า 2.7 ล้านรายก็ยังมีถึง 60% ที่เสียภาษีไม่ถูกต้อง
หลักเกณฑ์ที่ทางกรมสรรพากรได้ออกมากำหนดว่าผู้ที่กำลังทำธุรกิจขายของผ่านช่องทางออนไลน์นั้นต้องปฏิบัติมีดังนี้ หากเป็นประเภทบุคคลธรรมดาต้องยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และถ้าหากรายได้ถึงเกณฑ์ตามที่กำหนดคือ ไม่ถึง 1,800,000 บาทต่อปี ถ้ากรณีเกิน 1,800,000 บาทต่อปี จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีมูลค่าเพิ่ม
นโยบาย "เงินของท่านคือเงินของเรา" หึๆ
Vatก็ขึ้นอีก1%มิใช่รึ
ไอ้ที่เอาๆไปก็ช่วยซื้อช่วยทำให้ประชาชนคนทั่วไปเค้าเห็นว่าคุ้มกับที่เสียหน่อยนะท่าน
ทีอย่างนี้ละเก่งเชียว
ขอนอกเรื่องนิดนึงคับ
คนที่ผมรู้จักโอนหุ้นให้ญาติ แล้วหนีภาษา 1.6 หมื่นล้านบาท สรรพากรยังไม่ทำอะไรเลยครับ ปล่อยมาจะสิบปีจนคดีหมดอายุความ
ผมว่าคนไทยทุกคนก็น่าจะได้สิทธิ์นี้เหมือนกันนะคับ
เห็นควรด้วยครับ ขายกันเพลินเลย
เรื่องทำลายชาวบ้านเก่งจัง