Meta บริษัทแม่ของ Facebook เตรียมปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมากเป็นครั้งใหญ่ครั้งแรกในรอบประวัติศาสตร์ตั้งแต่ก่อตั้งมาเลยค่ะ เราอาจะได้ยินข่าวคราวเรื่องผลประกอบการออกมาบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมาก็ดูไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่นักเพราะรายได้ไม่เป็นไปตามเป้า ล่าสุดสำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่า Meta มีแผนจะลดการจ้างพนักงานลงอีกเพื่อลดต้นทุนอย่างน้อย 10% ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้าเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ

การเลิกจ้างในครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการลดจำนวนพนักงานเป็นครั้งใหญ่ และครั้งแรกในรอบประวัติศาสตร์เลยค่ะ นับตั้งแต่มีการก่อตั้งบริษัทมาเป็นเวลา 18 ปี เพื่อลดต้นทุนอย่างน้อยเป็นจำนวน 10% ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากการสูญเสียรายได้จำนวนมากรวมถึงธุรกิจที่ทำกำไรไม่ค่อยดีทั่วไปในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

เมื่อเดือนก่อนเราอาจจะได้เห็นข่าวว่า Meta ยืนยันเรื่องการหยุดจ้างงานชั่วคราว แต่ก็ไม่ได้มีตัวเลขออกมายืนยันเป็นที่แน่ชัดว่าจะปลดออกเป็นจำนวนเท่าไหร่ค่ะ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะลดต้นทุน และการควบคุมการใช้จ่ายหลังจากที่ต้องเผชิญปัญหาแรงกดดันทางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง หรือโรคระบาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ซึ่งปัจจุบันบริษัท Meta มีจำนวนพนักงานมากถึง 87,000 คน แต่อย่างไรก็ตามเราจะเห็นว่าการเลิกจ้างของ Mark Zuckerberg ในปี 2023 เริ่มมองความสำคัญของพนักงานเป็นอันดับแรก ๆ นั่นหมายความว่าพนักงานที่ไม่ได้ผ่านเกณฑ์อาจจะต้องถูกเลิกจ้างลงเพื่อหาทางออกในการจัดประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะบางทีมอาจเติบโตขึ้นไปอย่างมีความหมาย แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะมีพนักงานจำนวนมากในบริษัทที่ไม่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อไปค่ะ

ในช่วงหลังมานี้ Meta ต้องเจอกับสถานการณ์ไม่สู้ดีหลายอย่าง Facebook ก็มียอดผู้ใช้งานหดหายทำมูลค่าการตลาดตกเป็นเท่าตัว เท่านั้นยังไม่พอธุรกิจโฆษณาก็ย่ำแย่ลงไปอีกเลยมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทแถมหุ้นของ Meta ยังสูญเสียไปกว่า 73 % ตั้งแต่ต้นปี

ถึงแม้ว่าการปรับลดหรือยกเลิกการจ้างอาจดูเป็นเรื่องโหดร้ายสำหรับพนักงงาน แต่บริษัทไอทีหลายแห่งหันมาใช้การเลิกจ้างแบบเดียวกันค่ะ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Twitter ได้เริ่มการเลิกจ้างพนักงานลงซึ่งส่งผลกระทบครึ่งหนึ่งของพนักงานของบริษัท 3,700 คนเลยทีเดียว และบริษัทอย่าง Snapchat ก็ลดจำนวนพนักงานลงประมาณ 20% ส่วนทาง Meta ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นกับสำนักข่าว Wall Street Journal

ที่มา : cnet