สหภาพยุโรปหรือ EU ในช่วงหลัง ๆ นี่เรียกว่าขยันทำงานเพื่อเหล่าผู้บริโภคกันจริง ๆ (แล้วเป็นเรื่องดีทั้งนั้นด้วย) ก่อนหน้านี้ก็พึ่งออกกฎเรื่อง USB-C จน Apple ต้องเตรียมเปลี่ยนให้ iPhone หันมาใช้พอร์ต USB-C ล่าสุดทาง EU ก็ได้ยื่นเรื่องใหม่อีกรอบ คราวนี้เป็นเรื่องของแบตเตอรี่บ้างแล้ว โดยมือถือ โน้ตบุ๊ค และสินค้าอีกหลาย ๆ ประเภท ลูกค้าต้องสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ด้วยตัวเอง เพื่อยืดอายุการใช้งานของสินค้าเหล่านี้ออกไปได้มากกว่าเดิม

ระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับเรื่องแบตเตอรี่ที่ EU ยื่นเรื่องไปคราวนี้ จะเป็นกฎที่ทำให้สินค้าทุกชนิดที่มีแบตเตอรี่ ลูกค้าจะต้องสามารถถอดแบตเตอรี่เปลี่ยนเองได้แบบง่าย ๆ และจะต้องมีป้ายกำกับ หรือมี QR Code ให้ลูกค้าสแกนเพื่อเข้าไปอ่านข้อมูลอย่างละเอียดของแบตเตอรี่ชนิดต่าง ๆ ได้ เช่น ความจุ, ประสิทธิภาพ, อายุการใช้งาน, สารเคมีประกอบ และสัญลักษณ์ในการแยกชนิดแบตเตอรี่

นอกจากนี้ยังต้องมีการแจ้งข้อมูลให้ทราบถึงผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมที่มาจากการผลิตแบตเตอรี่ และยังมีการระบุด้วยว่าแบตเตอรี่ต่าง ๆ จะต้องสามารถนำส่วนประกอบเป็นจำนวนเท่านี้ ๆ มารีไซเคิลเพื่อทำแบตเตอรี่ก้อนใหม่ได้

ข้อบังคับนี้จะมีผลกับแบตเตอรี่ในสินค้าหลากหลายชนิด เพราะมันรวมทั้งแบตเตอรี่แบบพกพาสำหรับใช้กับมือถือ โน้ตบุ๊ค ฯลฯ, แบตเตอรี่สำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์, แบตเตอรี่สำหรับใช้กับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า จักรยานไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งหากว่ากฎนี้ถูกบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้ว ทางผู้ผลิตจะมีเวลา 3 ปีครึ่ง ในการออกแบบสินค้าใหม่ให้สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ง่าย

ทีนี้ปัญหาก็จะมาตกอยู่ที่ผู้ผลิตสินค้าต่าง ๆ แล้วล่ะ เพราะอย่างที่รู้ ๆ กันว่ามือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ค หูฟังไร้สาย ฯลฯ มักจะถูกออกแบบมาให้ตัวเครื่องปิดสนิท เวลาจะเปลี่ยนแบตเตอรี่แต่ละทีก็ต้องเอาเข้าศูนย์ที ถ้าหมดประกันก็เสียค่าบริการ จะซื้อแบตมาเปลี่ยนเองเพื่อประหยัดงบก็ยุ่งยากต้องมีเครื่องมือแถมเสี่ยงทำพังอีก (ไม่เหมือนสมัยก่อนซื้อแบตใหม่ ถอดฝาหลังเปลี่ยนได้ทันที)

 

ที่มา : XDA-Developers