ระบบเช็กอินและออกตั๋วโดยสารอัตโนมัติในสนามบินหลายแห่งทั่วยุโรปล่มพร้อมกัน ส่งผลกระทบกับผู้โดยสารจำนวนหลายหมื่นคน ทั้งปัญหาในความล่าช้าไปจนถึงไฟล์ทบินถูกยกเลิก โดยหน่วยงานความมั่นคงทางไซเบอร์ของสหภาพยุโรป (ENISA) ออกมายืนยันแล้วว่าสาเหตุเกิดจากการโจมตีทางไซเบอร์ด้วย แรนซัมแวร์ (Ransomware)

สำนักข่าว Reuters รายงานว่าการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งนี้มีเป้าหมายหลักคือ MUSE ซอฟต์แวร์ที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท Collins Aerospace ซึ่งถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในแต่ละสายการบินสำหรับระบบเช็กอิน และการจัดการสัมภาระของผู้โดยสาร

จึงเป็นสาเหตุให้เมื่อซอฟต์แวร์ดังกล่าวถูกโจมตี ระบบเช็กอินหรือจุดโหลดกระเป๋าแบบอัตโนมัติไม่สามารถใช้งานได้โดยทันที ทางสนามบินที่ได้รับผลกระทบจึงต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีเช็กอินด้วยตนเอง (Manual Check-in) จนส่งผลให้เกิดความล่าช้าและกระทบกับทั้งผู้โดยสายหรือไฟล์ทบินจำนวนมาก

ผลกระทบที่เกิดขึ้นส่งผลให้ไฟล์ทบินหลายสิบเที่ยวต้องถูกยกเลิก และเกิดความล่าช้ากับเที่ยวบินขาออกเกือบทั้งหมด เช่น สนามบินบรัสเซลส์ในเบลเยียม สถานการณ์รุนแรงถึงขั้นที่สายการบินจำเป็นต้องยกเลิกเที่ยวบินขาออกเกือบครึ่งหนึ่งในวันอาทิตย์ และในวันต่อมาก็ยังต้องยกเลิกเที่ยวบินอีก 60 เที่ยว พร้อมกับใช้ iPad และแล็ปท็อปในการเช็กอินให้กับผู้โดยสาร

หรือจะเป็น สนามบินเบอร์ลินในเยอรมนี ซึ่งในช่วงดังกล่าวมีการจัดการแข่งขันเบอร์ลินมาราธอนพอดี ส่งผลให้มีจำนวนผู้โดยสารจำนวนมากที่เข้าใช้บริการสนามบิน แต่จนถึงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาก็ยังไม่สามารถกู้ระบบกลับคืนมาได้ และยังรวมไปถึงถึงสนามบินดับลินกับสนามบินคอร์กในไอร์แลนด์อีกด้วย

Rafe Pilling ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวกรองจากบริษัท Sophos กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าอันตรายที่เกิดขึ้นจากการโจมตีทางไซเบอร์นั้นรุนแรงมากขนาดไหน นอกจากนั้นก็ทำให้เราได้เห็นว่าเทคโนโลยีที่ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายมาโดยตลอด จริงๆ แล้วมีความเปราะบางมากขนาดไหนจนเกิดเป็นเอฟเฟกต์ลูกโซ่ซัดทอดต่อไปเรื่อยๆ

ที่มา : Reuters (1) (2)