ทุกวันนี้ประเทศไทยเราประสบปัญหาเรื่องมลพิษทางอากาศอย่างฝุ่น PM2.5 เป็นอันดับต้น ๆ แต่ปัจจุบันก็มีหลาย ๆ คนที่หันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้า เพราะว่าประหยัดทั้งเงินและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ทั้งนี้กรมการขนส่งทางบกจึงได้ออกมาตรการลดภาษีประจำปีลง 80% เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้รถ EV และแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ

เทียบสถิติการจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้าตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทั่วประเทศ ปี 2566 – 2567

  • ยอดจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้า 2567 (ต.ค. 2566 – ม.ค. 2567) จำนวนทั้งหมด 48,096 คัน
  • ยอดจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้า 2566 (ต.ค. 2565 – ม.ค. 2566) จำนวนทั้งหมด 11,340 คัน

กระแสความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าเรียกได้ว่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางกรมการขนส่งทางบกก็ได้เผยสถิติการจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้าตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทั่วประเทศ ประจำปี 2567 (ระหว่างเดือน ต.ค. 2566 – ม.ค. 2567) มีจำนวนทั้งหมด 48,096 คัน เพิ่มขึ้นจำนวน 36,756 คัน คิดเป็น 324.13% เมื่อเทียบกับอัตราการจดทะเบียนฯ ในช่วงเวลาเดียวกันในปี 2566

มาตรการลดภาษีประจำปี รถ EV หมดเขตวันไหน

ทั้งนี้ทางกรมการขนส่งทางบกก็ได้ดำเนินมาตรการลดภาษีประจำปี เพื่อเป็นการส่งเสริมการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ซึ่งรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงานและนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ตั้งแต่วันนี้ – 10 พ.ย. 2568 จะได้ลดภาษีลงร้อยละ 80 จากอัตราที่กำหนดตาม (11) ของอัตราภาษีประจำปีท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่รถนั้นจดทะเบียน

ประเภทรถ EV ที่ได้ลดภาษีประจำปี 80% ลดแล้วเหลือเท่าไหร่

  • รถเก๋งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 1,600 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 320 บาท
  • รถตู้ส่วนบุคคลที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 800 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 160 บาท
  • รถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 50 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 10 บาท

มาตรการดังกล่าวที่ถูกนำมาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้านั้น นอกจากจะช่วยเรื่องการลดมลพิษทางอากาศแล้ว ยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าเราได้อีก เพราะว่าได้ทั้งประหยัดค่าเชื้อเพลิงและค่าภาษีประจำปีไปในคราวเดียวกัน

ที่มา : กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News