หนึ่งในจุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่มักจะถูกหยิบยกมาพูดถึงบ่อย ๆ เวลาโฆษณาคือเรื่องของ การบำรุงรักษาตัวรถที่ไม่จุกจิกเท่ารถยนต์น้ำมันทั่วไป เพราะใช้ชิ้นส่วนในการผลิตน้อย ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง แต่หลาย ๆ คนอาจจะลืมนึกไปว่ารถยนต์ EV ก็เหมือนคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ติดล้อวิ่งได้ และปัญหาจุกจิกที่เกิดขึ้นจากรถยนต์ EV ส่วนใหญ่ก็มักจะเกิดขึ้นจากซอฟต์แวร์นี่แหละ

JD Power สถาบันวิเคราะห์ วิจัยคุณภาพ และจัดอันดับรถยนต์ของสหรัฐฯ ได้ออกมารายงานชุดข้อมูลอันดับคุณภาพรถยนต์ในสหรัฐฯ ปี 2024 โดยได้ระบุว่าผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด PHEV ได้เจอกับปัญหาหลายอย่างโดยเฉพาะในด้านซอฟต์แวร์ จนทำให้ต้องนำรถเข้าศูนย์ตัวแทนจำหน่ายในอัตราที่สูงกว่ารถยนต์สันดาปถึง 3 เท่า

ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกระบุอยู่ในการจัดอันดับดังกล่าวมีทั้งแบรนด์อย่าง Tesla, Rivian และ Polestars โดยทุก ๆ รถยนต์ 100 คัน ผู้ใช้งานได้รายงานปัญหามามากกว่า 266 ปัญหา (266 PP100) ในขณะที่รถยนต์สันดาปนั้นที่อยู่ที่ราว ๆ 180 ปัญหา / 100 คันเท่านั้น

เมื่อหลายปีก่อน Tesla เคยได้รับผลสำรวจที่ดีกว่ารถยนต์ EV ค่ายอื่น ๆ พอสมควร แต่พักหลังเมื่อ Tesla ตัดสินใจออกแบบปุ่มควบคุมรถยนต์เช่นปุ่มไฟเลี้ยว หรือปุ่มที่ปัดน้ำฝนให้เป็นปุ่มแบบ Touch Screen สัมผัสจากจอ Infotainment ทำให้คะแนนผลสำรวจดังกล่าวสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

โดยปัญหาที่ผู้ใช้งานมักเจอส่วนใหญ่ก็มีทั้ง ปัญหาแจ้งเตือนที่ไม่ถูกต้องของระบบป้องกันการลืมสิ่งของไว้หลังรถ (Rear-Seat Reminder) ,ระบบช่วยขับ Advanced Driver-Assist Systems หรือระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง มักทำงานได้ไม่แม่นยำ จนทำให้คะแนนปัญหาในด้าน ฟีเจอร์, การควบคุม และจอแสดงผลในรถยนต์ EV สูงกว่ารถยนต์สันดาปกว่า 30% เลยทีเดียว

และจากรายงานปัญหาดังกล่าวนั้น แถบไม่ได้ระบุปัญหาที่เกี่ยวข้องกับอะไหล่ เช่นมอเตอร์ หรือแบตเตอรี่เลย แต่เสียงบ่นจากผู้ใช้งานส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับในด้านซอฟต์แวร์จากการที่แบรนด์รถยนต์ EV พยายามเพิ่มฟีเจอร์ต่าง ๆ ลงไปในระบบรถยนต์เพื่อแข่งกับค่ายอื่น ๆ มากเกินไป จนไม่ได้ใส่ใจพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ดีเสียก่อนนั่นเอง

ที่มา: The Verge