เรียกว่าค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับความขัดแย้งระหว่างจีน และ อินเดียที่ส่งผลกระทบโดยตรงมาถึงวงการเทคโนโลยี อย่างคราวที่แล้วอินเดียวเพิ่งแบนแอปพลิเคชั่นจากจีนไปหมาด ๆ ล่าสุดอินเดียได้มีการสั่งหยุดรับการนำเข้าสินค้าต่าง ๆ จากจีน รวมไปถึงสินค้าไอทีจำพวก iPhone ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นสินค้าแบรนด์อเมริกา แต่ว่าใช้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ผลิตจากจีนนั่นเอง ทำให้ตอนนี้โรงงานประกอบ iPhone ในประเทศอินเดียต้องหยุดการผลิตไปอย่างไม่มีกำหนด

ทำไมจึงต้องผลิต iPhone ในอินเดีย

การหยุดนำเข้าสินค้าจากจีนเข้าสู่อินเดียส่งผลเป็นวงกว้างต่อวงการไอทีทั่วโลก เพราะแม้ว่า iPhone จะถูกดีไซน์โดยประเทศสหรัฐฯ แต่ฐานผลิตนั้นตั้งอยู่หลัก ๆ ที่ประเทศจีน และ อินเดีย โดย iPhone รุ่นประหยัดอย่าง iPhone SE และ iPhone XR ล้วนมีฐานผลิตตั้งอยู่ในอินเดียเพื่อเลี่ยงภาษีนำเข้ากว่า 100 USD หรือประมาณ 3,000 บาทต่อเครื่อง หากมีการนำ iPhone เข้ามาจากนอกประเทศ

สาเหตุเพราะแม้ประเทศอินเดียจะมีตลาดสมาร์ทโฟนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกก็ตาม แต่อัตรารายได้ส่วนใหญ่ของคนอินเดียนั้นยังอยู่ในระดับกลางถึงต่ำ ทำให้ภาษี 3,000 บาทต่อเครื่อง มีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อของคนอินเดียนั่นเอง

ผลที่ตามมา

จากการสั่งห้ามนำเข้าสินค้าต่าง ๆ จากจีนนั้น ทำให้ชิ้นส่วน iPhone จำนวนมากติดค้างอยู่ที่ท่าเรือ และ สนามบินตามชายแดนอินเดียทำให้ Foxconn ซึ่งเป็นโรงงานประกอบ iPhone และ มือถือของ Xiaomi บางรุ่นในอินเดีย เกิดการชะลอตัวลงเป็นอย่างมาก จนล่าสุดชิ้นส่วนหมดเกลี้ยง และทำให้พนักงานในโรงงานไม่มีงานทำจนต้องนั่งว่าง ๆ มาแล้วเป็นเวลา 1 สัปดาห์เต็ม

เหตุการณ์ระงับการนำเข้าสินค้าจากจีนครั้งนี้สร้างความเสียหายให้กับ Foxconn อย่างมหาศาลเพราะบริษัทมีพนักงานหลายพันคนที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งพนักงานเหล่านั้น ล้วนใช้ชีวิตอยู่ในที่พักและใช้สวัสดิการที่ทางบริษัทจัดให้ ซึ่งหากเหตุการณ์ความขัดแย้งนี้ยังยืดเยื้อ และ ทวีความรุนแรงต่อไปจะเกิดผลเสียตามมาอย่างมากมายแน่นอน

ด้วยความที่อินเดียเป็นประเทศที่ตลาดสมาร์ทโฟนใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก การระงับการนำเข้าสินค้าของจีนนั้นอาจส่งผลด้านลบโดยตรงต่อแบรนด์มือถือจีนอย่าง Huawei, Vivo และ Realme แต่ในทางกลับกันอาจจะส่งผลดีต่อแบรนด์เกาหลีที่จะได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงนี้อย่าง Samsung นั่นเองครับ

 

Source: Phonearena