เปิดตัวกันไปเรียบร้อยสำหรับ Samsung Galaxy S III ที่มาพร้อมกับคอนเซปท์ Designed for Humans, Inspired by Nature ถ้าแปลแบบตรงๆตัวก็ “ดีไซน์มาให้มนุษย์ ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ” ซึ่งอาจจะฟังดูงงๆว่า ถ้ามันไม่ได้ออกแบบมาให้มนุษย์ใช้ แล้วมันจะออกแบบมาให้สัตว์หรือมนุษย์ต่างดาวใช้หรืออย่างไร 😛 แต่ก่อนจะคิดอย่างงั้น เดี๋ยวลองไปดูฟีเจอร์ของมันกันก่อน แล้วจะอ๋อกับความหมายคำเหล่านี้ และจะเข้าใจว่าเจ้า Galaxy S3 นี้มันออกแบบมาตอบโจทย์ และเข้าใจพวกเราอย่างไร

เริ่มต้นจากเสปกของ Galaxy S3 กันก่อน เพราะเชื่อว่าหลายๆคนจะรอดูแต่เสปกอย่างเดียว 😛

  • 3G Quadband (850/900/1900/2100) ความเร็วสูงสุด 21Mbps แต่สุดท้ายน่าจะแยกคลื่นเหมือน S2/Note
  • หน้าจอ 4.8 นิ้ว HD Super AMOLED 1280×720 (Pentile) ~306ppi (retina display)
  • Corning Gorilla Glass 2 – ทนกว่าเดิม บางกว่าเดิม
  • CPU Cortex-A9 Exynos 4412 Quadcore 1.4GHz
  • GPU Mali-400MP
  • Ram 1GB
  • Android 4.0.4
  • กล้องหลัง 8 MP + LED Flash กล้องหน้า 1.9 MP
  • WLAN : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, DLNA, Wi-Fi Direct, Wi-Fi hotspot
  • Bluetooth 4.0 ประหยัดแบตโฮกๆ
  • NFC, Accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer
  • FM radio with RDS
  • GPS with A-GPS and GLONASS
  • เชื่อมต่อ USB 2.0 ต่อภาพออกจอได้ด้วยสาย MHL และเสียบ thumbdrive ได้เช่นเดิม (ผ่านสายต่อ)
  • ขนาดและน้ำหนัก 136.6 x 70.6 x 8.6 mm 133 g
  • ความจุ 16/32/64 GB  รองรับ SD card สูงสุด 64GB (เมืองไทยน่าจะเอาเข้ามาแต่ 16GB เช่นเดิม)
  • แบต Li-ION 2100mAh
  • มีให้เลือก 2 สี ขาวและน้ำเงิน

มาดูจุดเด่นที่น่าสนใจของเจ้า S3 ที่โทรศัพท์ตัวอื่นไม่มีกันดีกว่า

ฟีเจอร์ด้านล่างเหล่านี้เป็นจุดชูของคอนเซปท์ที่พยายามบอกว่า Galaxy S3 เข้าใจคนใช้งาน ซึ่งประกอบด้วย

  • Smart stay – มือถือมันมองเห็นเรา หากตาของเรายังจ้องที่จอ S3 อยู่ มันจะไม่พักหน้าจอ (เออ น่าทำมานานละ)
  • Direct call – เมื่อเราต้องการโทรออก เพียงเข้าไปที่รายชื่อคนๆนั้นแล้วยกโทรศัพท์แนบหน้าเรา เจ้า S3 ก็จะรู้ทันทีและทำการโทรออกอัตโนมัติ ไม่ต้องมากดโทรออกกันให้วุ่น
  • Smart alert – เมื่อเราตั้งโทรศัพท์ทิ้งเอาไว้ และกลับมาหยิบมันจากโต๊ะ หลายๆครั้งมีแจ้งเตือนอะไรมา เราก็อาจจะไม่ทันมอง แต่เจ้า S3 มันจะรู้ว่าเราตั้งทิ้งเอาไว้ และจะงอแง(สั่น)ให้สนใจการแจ้งเตือนที่เราพลาดไปนั้น
  • Social tag – Galaxy S3 มันจะสามารถจดจำใบหน้าของเพื่อนเราได้เมื่อเราบอกมันว่าใครคือใคร และหลังจากนั้นเมื่อเราถ่ายรูปมันจะจดจำให้เองอัตโนมัติ และเมื่อเราแตะที่ภาพก็จะมีสถานะของเพื่อนคนนั้นในสังคมออนไลน์ขึ้นมาอัพเดททันที
     
  • S Voice – เห็น iPhone มี Siri พูดด้วยได้? S3 ก็ไม่ต่างกัน แต่ทำอะไรได้เพิ่มเติม โดยในงานเห็นว่ารองรับภาษาได้มากถึง 8 ภาษา และสั่ง run โปรแกรมได้หลากหลายด้วย
     
จุดเด่นหลักๆอย่างนึงที่น่าเสียดายว่าในงานไม่ได้พูดอะไรมากคือ Pop up Play ที่เราสามารถเปิดวิดีโอให้มันเล่นบนหน้าจอโดยที่เราก็ทำงานอื่นได้ด้วยได้ ซึ่งเอาจริงๆมันเป็นคิลลิ่งฟีเจอร์มากๆเลยนะ เพราะดึงเอาความสามารถของ Multitask และ Quadcore ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่จริงๆ เข้าใจว่าน่าจะเป็นการเรียกเอาวิดีโอที่เซฟในเครื่องขึ้นมาดูเท่านั้น ไม่สามารถใช้กับ YouTube ได้ครับ
 
 
จุดเด่นอื่นๆที่น่าสนใจ
การแชร์
– นอกเหนือจาก Android Beam แล้วก็จะยังมี S Beam ที่เพิ่มขีดจำกัดความสามารถเข้าไปให้ Galaxy S III โดยเชื่อมต่อกันได้รวดเร็วผ่าน NFC และยังโอนถ่ายข้อมูลขนาดใหญ่ๆได้เพียงเวลานิดเดียวเท่านั้น ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ถ้าเราถ่ายวิดีโอขนาด 1GB เราสามารถแชร์ให้เพื่อนได้ในเวลาเพียง 3 นาทีหรือถ้าเป็นเพลงขนาด 5 MB ก็จะกินเวลาเพียง 1 วินาทีเท่านั้น!! โอ้ววว แชร์ไฟล์กันมันส์ล่ะทีนี้ (หมายถึงรูปถ่ายเวลาไปเที่ยว ไม่ต้องมาส่งมาแท็กกันวุ่นวายแล้วววว :P)
– AllShare Cast << มันก็คือ DLNA นั่นแหละ แต่ว่าเป็นชื่อทางการค้าของทาง SS เค้า แต่ความเจ๋งมันอยู่ที่มันสามารถทำโหมดกระจก mirroring หน้าจอเราขึ้นไปบนทีวีได้ทันที หากทีวีไม่รองรับก็ใช้ Dongle ต่อให้ได้ด้วย สุโค่ยยย!!
– AllShare Play << อันนี้สิที่ต่าง เพราะมันทำให้เราสามารถแชร์ screen ผ่านอินเตอร์เน็ตได้ ลองนึกภาพเวลาเราเก็บวิดีโอเอาไว้ที่เครื่องคอมที่บ้าน เราสามารถใช้ AllShare Play จากมือถือเราเข้าไปเปิดดูได้ ไม่ต้องเก็บไฟล์ใหญ่ๆเอาไว้ให้หนักเครื่องอีกต่อไป
– Group Cast << อันนี้ก็เด็ด เพราะมันจะแชร์หน้าจอของเราให้กับเพื่อนที่อยู่ในวง WiFi เดียวกันได้ โดยเพื่อนๆจะสามารถเขียน comment หรือว่าว่าอะไรลงไปได้ เหมาะกับใช้ทำงานระดมสมองยิ่งนัก…แต่เหมือนจะเหมาะกับจอใหญ่ๆมากกว่านะ
– Buddy photo share ต่อยอดจาก Social tag ด้านบนที่ไม่ใช่แค่ tag แต่ยังสามารถแชร์ภาพไปให้เพื่อนที่เราถ่ายด้วยได้เลยอย่างง่ายๆอีกต่างหาก ไปเที่ยวกันมาถ่ายรูปก็เพียบ ไม่ต้องมานั่งเล็งละว่ารูปไหนจะต้องส่งให้ใคร เพราะเจ้า S3 มันจัดการให้เรียบร้อย
 
Design
– ภายนอกมีการดีไซน์ที่เปลี่ยนไป ไม่ได้ไปเอาอย่างค่ายผลไม้แล้ว โดยทีมออกแบบเจ้า S3 เค้าได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ หล่อรวมดินน้ำไฟลมออกมาให้เป็นหน้าตาของ S3 (ว่าไปนั่น) ก็มีทั้งเสียงชอบและเสียงไม่ชอบมากมาย อันนี้ก็นาๆจิตตัง แต่ส่วนตัวผมขอรอตัดสินอีกทีตอนได้จับของจริงละกัน
– TouchWiz UX ที่มีการ redesign ใหม่ดูสวยสะอาดตาขึ้นกว่าเดิม แน่นอนว่าก็มีแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ หล่อรวมดินน้ำไฟลมออกมาให้เป็น UI ของ S3 อีกเช่นกัน (เออนะ) เสียงกดหรือว่าริงโทนก็มีการปรับปรุงให้ไพเราะเสนาะหูมากขึ้น บลาๆๆ รอได้เล่นจริงๆเดี๋ยวว่ากัน
 
กล้อง
– อาจจะไม่ได้มาตามที่หลายๆคนคาดเอาไว้เพราะมีความละเอียดแค่ 8 MP และภาพรวมโดยมากเรียกว่าฟีเจอร์ใกลักับคู่แข่งอย่าง HTC One X มาก ไม่ว่าจะเป็น Zero Shutter Lag, Burst Best Shot, Smile Shot, HDR, etc. ขอไม่พูดอะไรมาก รอดูคุณภาพของกล้องในการใช้งานจริงอีกทีละกันครับ

สิ่งนึงที่แอบตกใจที่ได้ยิน แต่มันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วอีกเช่นกันคือุปกรณ์ชาร์จแบตแบบไร้สาย...มีบอกมาแว่บๆตอนท้าย และผ่านไปอย่างรวดเร็ว!! เฮ้ย เด่นๆน่ะ ไม่พูดอะไรเลยเรอะ!! >__<

วันและเวลาจำหน่าย เริ่มได้เห็นกัน 29 พฤษภาคมนี้ 10 ประเทศใหญ่ ส่วนไทยรอลุ้นกันต้นเดือนมิถุนาฯ 🙂

และนี่ก็เป็นเรื่องราวทั้งหมดของ S3 ที่ได้จากการอดหลับอดนอนเฝ้างานเปิดตัวในคืนที่ผ่านมา ต้องบอกว่ามีอะไรน่าสนใจไม่น้อย แต่ก็อีกนั่นแหละ ที่ดันพรีเซนต์ออกมาได้ไม่ค่อยน่าตื่นตาตื่นใจเท่าไหร่ หลายๆอย่างที่ซัมซุงเปิดตัวมาวันนี้ เชื่อว่าถ้าได้อยู่ในมือของเฮียสตีฟ ศาสดาสุดที่เลิฟแล้วล่ะก็ มันจะกลายเป็นโคตรว้าวฟีเจอร์ที่เขย่าโลกได้อีกแน่ๆอ่ะ

ทิ้งท้ายด้วย YouTube ซะหน่อย

Play video

Play video

ไปดีกว่า…เขียนแชร์บอกความรู้สึกกันข้างล่างหน่อยน่อ ว่าคิดเห็นยังไงกับเจ้ากาแลคซี่ตัวใหม่นี้ 🙂

ปล.ขอยกยอดจาก Live Blog เน่าๆมาเป็นอันนี้แทนนะครับ

ที่มา Live Streaming งานเปิดตัว, Samsung Press Release, และ Galaxy S III Global Site