การมาของ Galaxy S10 นั้นพกเอาฟีเจอร์และความสามารถใหม่ๆ พ่วงมาด้วยเพียบ ซึ่งบางอย่างเราก็ได้เห็นในงานเปิดตัวไปแล้ว แต่บางอย่างก็ไม่ได้ถูกโชว์บนเวที เราไม่อยากให้เพื่อนๆ พลาด จึงได้รวบรวบฟีเจอร์น่าสนใจของเหล่า Galaxy S10 Series ทั้งจากในงานเปิดตัว และจากที่ลองจับลองเล่นมาฝากกันครับ

UPDATE : หลายๆ คนถามมาว่า Galaxy S10e ได้ฟีเจอร์ครบเท่ารุ่นพี่ไหม รุ่นไหนต่างกันยังไง งานนี้เราใส่หมายเหตุแยกเอาไว้ด้วยว่ารุ่นไหนมีฟีเจอร์ รุ่นไหนไม่มีบ้างนะครับ

จอภาพดีขึ้นแบบสังเกตได้ด้วยตาเปล่า

จอ Dynamic AMOLED สวยสมจริงเหมือนตามอง

หน้าจอ Dynamic AMOLED ใช้เทคโนโลยี Cinematic Display  มาพร้อม Dynamic Tone Mapping, ความสว่าง 800 unit, ค่าความต่างของจอ  (JNCD) 0.4 (ยิ่งใกล้ 0 ยิ่งสมจริง) และ Contrast Ratio 1:2,000,000 ขาว-ดำชัดทุกเฉดไล่ไป 2 ล้านระดับ (* จอ Galaxy S10e นั้นยังเป็น Super AMOLED 1:100,000 แบบเดียวกับ S9) ใครที่ได้ลองจับแล้วจะรู้สึกได้ว่าหน้าจอสวยขึ้นว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปแบบเห็นได้ด้วยตาเปล่า สีสันความคมชัดคือดีมากกกก

พลัง HDR10+ ดูเนื้อหาได้รายละเอียดมากกว่าเดิม

หน้าจอที่รองรับ HDR10+ นั้นให้การรับชมภาพยนตร์ต่างๆ ที่รองรับ HDR นั้นสมจริงและมีรายละเอียดมากขึ้น เคยไหมบางทีดูหนังแล้วมีฉากที่มืดสุดๆ จนมองแทบไม่เห็น ส่วนนี้ Dynamic Tone Mapping จะเข้ามาเสริมทำให้สามารถแสดงภาพในส่วนที่มืดนั้นยังมีรายละเอียดครบถ้วน และยังสามารถตรวจสอบซีนต่างๆ ได้เหมือนระบบ AI กล้อง ฉากต้นไม้ ท้องฟ้า ก็จะถูกปรับการแสดงผลและสีสันไปตามรูปแบบที่ตรวจพบ ถ้าเล่นเนื้อหาที่รองรับก็จะทำให้แสดงผลได้ดีขึ้นกว่าเดิม เห็นรายละเอียดพื้นที่ส่วนมือและส่วนสว่างได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งเนื้อหาที่รองรับอาจจะหายากหน่อย ปัจจุบันมีอยู่น้อยเพราะต้องเป็นอุปกรณ์เฉพาะเท่านั้นถึงจะถ่ายวิดีโอแบบ HDR ได้ แนะนำหาใน YouTube หรือ Netflix จะพอมีอยู่บ้างครับ

หาเนื้อหา HDR10+ เพื่อดูความสามารถที่แท้จริงของจอ Galaxy S10 ได้จากทั้งสองแอปนี้เลย

Infinity-O ไม่ได้มีดีแค่เจาะรูกล้อง

หลายๆ คนอาจจะมองว่าหน้าจอ Infinity O นั้นก็แค่มีการเจาะรูกล้องเพิ่มเท่านั้นเอง แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะนอกจากมันจะเป็นจอ AMOLED แตกต่างจากค่ายอื่นๆ ที่เป็นจอ LCD แล้ว Samsung ยังสามารถใส่เอาเซนเซอร์ต่างๆ ไว้บนหน้าจอได้ ไม่ต้องไปใช้พื้นที่ส่วนอื่นๆ ในการวางเซนเซอร์เหมือนบางรุ่นที่เป็นจอ LCD อีกด้วย

ลดแสงสีฟ้า สบายตากว่าเดิม

ยัง! ยังไม่หมดแค่นี้ จอของ Galaxy S10 นอกจากจะสีสวยสดสมจริงแล้วยังช่วยถนอมสายตากว่าใครด้วยการลดแสงสีฟ้ามากกว่าจอ OLED ทั่วไปถึง 40% และส่วนจอ LCD จะน้องยกว่าถึง 61% กันไปเลย และถนอมสายตามากขึ้นอีกถ้าเปิดโหมดลดแสงสีฟ้า ซึ่งใน S10 นี้โหมดนี้จะพิเศษกว่าคนอื่นที่หน้าจอก็จะไม่เหลืองเข้มเหมือนกระดาษเก่าๆ แล้วด้วย

วิธีการเปิดฟิลเตอร์แสงสีฟ้า : ลากแถบแจ้งเตือนลงมา > กดเปิดฟิลเตอร์แสงสีฟ้าได้เลย

สแกนนิ้วบนจอแบบ Ultrasonic

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ถูกฟังเอาไว้บนหน้าจอคือ Ultrasonic Fingerprint (มีเฉพาะใน Galaxy S10 และ S10+) ซึ่งข้อดีของเทคโนโลยีนี้คือการใช้คลื่นเสียงในการสแกนแบบ 3D ทำให้แม่นยำ ปลอดภัย และไม่สามารถปลอมแปลงลายนิ้วมือมาหลอกได้ (Galaxy S10e นั้นใช้เป็นสแกนนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง) อย่างไรก็ดีปัญหาของการแสกนแบบนี้คือ ปัจจุบันยังไม่มีการยืนยันว่ากระจกกระจกกันรอยยี่ห้อไหนที่ไม่เจาะรูตรงที่แสกนลายนิ้วมือแล้วสามารถใช้งานได้เลย ไว้ถ้ามีใครเจอเมื่อไหร่จะมาแจ้งให้ทราบต่อไปนะครับ

อย่าลืมไปตั้งค่ากันที่ สามารถเพิ่มจำนวนลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือเช่นเดิม เผื่ออยากจะแบ่งสมาร์ทโฟนให้คนอื่นใช้งาน หรือตรวจสอบแฟนว่ามีโลกใบที่ 2 รึเปล่าได้ง่ายๆ ก็เพิ่มลายนิ้วมือเราเข้าไปได้เลย

**พื้นที่โฆษณา**

โปรโมชั่นมือถือ Samsung Galaxy S10+ ราคาดีที่สุด เมื่อสมัครพร้อมแพ็กเกจ

พลาดไม่ได้กับสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S10+ โดดเด่นด้วยกล้องหลัง 3 ตัวอัจฉริยะ Telephoto 12MP + Wide-angle 12MP + Ultra Wide 16MP พร้อมกล้องหน้าแบบคู่ 10MP + 8MP และหน้าจอที่ล้ำมากขึ้น Curved Dynamic AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Quad HD+ สีสวยคมชัด ผสานขุมพลังชิปเซ็ตระดับเรือธง และแบตความจุสูง 4,100mAh

โปรโมชั่นซื้อสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S10+ ที่ dtac online store ทั้งลูกค้าเก่า ลูกค้าเปิดเบอร์ใหม่ ราคาพิเศษเหลือเพียง 17,950 บาท จากราคาปกติ 35,900 บาท (เฉพาะช่วงเปิดจองเท่านั้น) เมื่อสมัครแพ็กเกจและชำระค่าบริการล่วงหน้าตามที่กำหนด ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิมรับส่วนลดเพิ่ม 1,500 บาท รับสิทธิ์ผ่อน 0% พร้อมกันทั้งค่าเครื่องและค่าบริการล่วงหน้า

รายละเอียด โปรโมชั่นมือถือ Samsung Galaxy S10+ ราคาดีที่สุด เมื่อสมัครพร้อมแพ็กเกจ

ตรวจสอบรุ่นและราคาสมาร์ทโฟน เพิ่มเติมได้ที่ dtac online store

 

 

ตัวเครื่อง

กระจกใหม่ Gorilla Glass 6

Galaxy S10 / S1o+ นั้นใช้กระจกหน้าจอเป็น Gorilla Glass 6 เพิ่มความทนทานต่อรอยขีดข่วนมากขึ้น และแข็งแกร่งแตกยากกว่าเดิม (ไม่ได้แปลว่าจะไม่แตกนะ) ส่วนกระจกด้านหลังเป็น Gorilla Glass 5 (Galaxy S10e ใช้เป็น Gorilla Glass 5 ทั้งหน้าและหลัง) ซื้อเครื่องมาทาง Samsung จะมีแปะฟิล์มกันรอยมาให้ทันทีตั้งแต่ในกล่อง ซึ่งก็จะไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือน TPU ทั่วไป ใช้งานได้ดีแนะนำให้ใช้ไปก่อนได้สบายๆ หลายๆเจ้าในตลาด

Alumimun 7000 แข็งแรงทนทาน

เฟรมหรือแกนกลางของ Galaxy S10 / S10+ นั้นเป็นโลหะ Aluminum 7000 series รับประกันความแกร่ง (Galaxy S10e เรายังไม่มีข้อมูลว่าใช้โลหะเกรดเดียวกันหรือไม่) ไม่โดนบิดงอได้ง่ายๆ

IP68 ทนน้ำทนฝุ่นเหมือนเดิม

จะตกน้ำตกส้วม หรือตกถังฝุ่น ก็เอาไปล้างได้ เพราะยังคงกันน้ำได้เช่นเดิม แต่อย่างไรก็ดี การจะเอาไปว่ายน้ำ ดำลงไปลึกๆอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะเค้ายังคงไม่รับประกันกรณีเครื่องเสียหายจากความชื้นนะ (และไม่มีค่ายไหนรับเช่นกัน) เพราะมันพิสูจน์ยากว่าการเสียหายนี้เกิดจากการผลิตหรือผู้ใช้กันแน่

ฟีเจอร์กล้อง

AI ปรับแต่งภาพได้ 30 ซีน 

Scene Optimizer หรือ AI ช่วยปรับแต่งภาพให้เหมาะสม จากเดิมมี 20 ซีน ตอนนี้เพิ่มเติมเข้ามาเป็น 30 ซีน ภาพไหนที่ตรวจจับได้ก็จะปรับแต่งสีสันความคมชัดให้สวยเหมือนถ่ายจากกล้องโปร ที่ทำได้ขนาดนี้ไม่ใช่เพียงเซนเซอร์หรือเลนส์รับแสงคุณภาพสูง แต่เป็นซอฟท์แวร์ด้าน AI ที่เรียนรู้มาว่าภาพแบบนี้ควรปรับแต่งสีแบบนี้เพื่อให้ได้ภาพสวยโดนใจเรา หรือเหมือนภาพของช่างระดับโปรให้มากที่สุดนั่นเอง

ซ้ายเป็นภาพที่ถูกปรับ สีสันจะสดใสขึ้นเมื่อเป็นภาพอาหาร

ดอกไม้ก็เช่นกัน สีสันจะสดใสขึ้นกว่าเดิมด้วย

สังเกตว่า Scene Optimizer เปิดปิดอยู่จากไอคอนตามภาพ

นอกจากนี้ Scene Optimizer ยังมีฟีเจอร์ย่อยให้สามารถเปิดปิดเพิ่มเติมได้อีกสามโหมด โดยต้องกดเข้าไปตั้งค่าเพิ่มเติมดังนี้

Bright night กลางคืนถ่ายสว่าง(เกินจริง)

การถ่ายภาพกลางคืนแบบไม่ต้องใช้ขาตั้งที่หลายคนแอบค้อนให้กับค่ายอื่นๆ ตอนนี้ทาง Samsung ก็มีเหมือนกันแล้ว โดยใช้เวลาในการถ่ายไม่ถึง 3 วินาที (ผ่าน Scene Optimizer) โดยภาพที่ได้จะดูสว่างขึ้นกว่าเดิม แต่ความคมชัดอาจจะสู้โหมด Night scape ปกติไม่ได้​ ที่ภาพกลางคืนจะมีความมืดสวยงามในแบบของมัน ถ้าใครไม่ชอบภาพที่มืดแบบฟุ้งๆก็มาปิดโหมดนี้ได้

Starburst ไฟแฉกเหมือนดวงดาว

หากในภาพมีแสงไฟมากมาย ก็จะมีการเปลี่ยนเอฟเฟคของดวงไฟจากกลมๆ ให้กลายเป็นแฉกแบบดวงดาว เหมือนเป็นเอฟเฟคของเลนส์กล้องโปรยังไงยังงั้น

ทำให้ดวงไฟเวลาถ่ายออกมามีแฉกเหมือนกล้องโปร

Document Scan

เมื่อกล้องเล็งไปที่หนังสือหรือเอกสารและตรวจจับได้ จะสามารถถ่ายออกมาให้เหมือนกับแสกนจากเครื่องได้เลยทันที

  

จากหนังสือที่ดูเบี้ยวๆตามองศาของวัตถุกับกล้อง ก็ถูกถ่ายออกมาได้สมบูรณ์เหมือนแสกนเลยทันที

จัดคอมโพสสวยด้วย AI

มี Shot Suggestion ช่วยแนะนำการจัดคอมโพสหรือช่วยจัดองประกอบภาพให้ดีขึ้น โดยจะขึ้นเป็นวงกลมให้เราขยับกล้องตาม แล้วก็มีบาลานซ์บาร์ให้เราขยับจนกว่าองศาจะตรง ภาพไม่เอียง ช่วยทำให้ได้ช็อตที่ดีที่สุด จะฝากให้แฟน หรือเด็กเสิร์ฟในร้านถ่ายก็ไม่ต้องกลัวว่าภาพจะตกขอบ ถ่ายภาพออกมาบิดๆเบี้ยวๆอีกต่อไป

 

เพิ่มเอ็ฟเฟ็คใหม่ให้ Live Focus 

Live Focus เพิ่มลูกเล่นเอฟเฟ็คมาให้เลือก 4 แบบ ทั้ง Blur (เบลอธรรมดา), ปั่น (Spin), ซูม และเลือกจุดสี (Color Point)

เปิดมุมมองภาพให้กว้างขึ้นด้วยเลนส์ Ultra Wide

Galaxy S10 มาพร้อมเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (f/2.2) มุมกว้าง 123  องศา เก็บภาพถ่าย Landscape ได้กว้างแบบสุด ยิ่งถ้าบวกกับโหมดพาโนรามาด้วยแล้วนะ อื้อหืออออ ~ และไม่ต้องกังวลว่าถ่ายภาพด้วย เลนส์ Ultra Wide จะได้ภาพแบบออกมาบวมๆ ยูดๆ เพราะมีโหมดให้ปรับแก้ Perspective ได้ด้วย

เจ้าเลนส์ Ultra-wide ตัวนี้เป็น Fixed Focus ยังแตะโฟกัสไม่ได้ แต่สามารถแตะเพื่อวัดแสงได้

แชะแล้วแชร์ลง IG ได้เลย

งานนี้ Samsung ก็ได้จับมือกับทาง IG เปิด “Instagram Mode” ให้สายโซเชียลแชะ! แล้วแชร์รูปลง IG ได้ง่ายๆ จากในแอปถ่ายรูปได้เลย

รองรับถ่ายวิดีโอ HDR10+

Galaxy S10 ถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K (3840 x 2160 พิกเซล) ที่ 60fps และยังรองรับการถ่ายวิดีโอ HDR10+ ซึ่งจะให้ภาพสีสันสวยสดใสขึ้น แต่จะถ่ายได้แค่ที่อัตราเฟรมเรต 30 fps เท่านั้นนะ

Super Steady กันสั่นระดับเทพ

อีกฟีเจอร์ที่โดดเด่นไม่แพ้กันของโหมดถ่ายวิดีโอใน Galaxy S10 ก็คือ Super Steady กันสั่นสุดเทพ ที่ถ่ายมาแล้วได้ภาพนิ่งเนียนๆ เหมือนใช้พวก Action Camera เลย

Super Slow-mo ถ่ายได้นานขึ้น สูงสุด 0.8 วินาที

อีกหนึ่งลูกเล่นโหมดวิดีโอของ Galaxy S10 อย่างการถ่าย Super Slow-mo ระดับ 960fps ได้นานกว่าเดิมเป็น 0.4 วินาที และหากว่าอยากถ่ายให้นานกว่านั้นเป็น 0.8 วินาที ก็ยังทำได้ด้วยการลดความละเอียดลงไปเหลือ 480p  แถมยังสามารถตัดต่อหรือ edit แก้ไขได้ด้วย ส่วนการถ่าย Slowmotion ที่ 240fps ก็ยังถ่ายต่อเนื่องยาวๆ ได้เหมือนเดิม

กล้องหน้าอัพเกรด! ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ และมีกันสั่นด้วย 

กล้องหน้าของ Galaxy S10e และ S10 เป็นกล้องเดี่ยว ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าของ Galaxy S10+ จะเป็นกล้องคู่ (Dual Camera) ความละเอียด10 MP (f/1.9) + 8MP (f/2.2) มีเซนเซอร์ RGB Depth ช่วยเพิ่มมิติภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ใช้เทคโนโลยี Dual Pixel ที่ช่วยให้โฟกัสไวและแม่นยำกับกล้องหน้า รวมถึงยังรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K (UHD) และมาพร้อมกันสั่นอีกด้วย

AR Emoji แอดวานซ์กว่าเดิม 

สำหรับโหมด AR Emoji คราวนี้กลับมาพร้อมความสามารถในการแทร็กที่ง่าย ไว แม่นยำ และเก็บท่าทางได้มากขึ้น เพิ่มลูกเล่นให้กับตัว Emoji ในการขยับท่าทางตามเรา

นามสกุลใหม่ บีบอัดไฟล์ได้ดีขึ้น 

Galaxy S10 สามารถบันทึกไฟล์ภาพเป็น .HEIF และวิดีโอเป็น .HEVC นามสกุลใหม่ที่เก็บไฟล์คุณภาพสูงและช่วยประหยัดพื้นที่มากกว่าเดิม แต่ข้อควรรู้คือไฟล์ภาพฟอร์แมทนี้จะยังไม่สามารถแชร์ได้อย่างแพร่หลายนัก หลายแอปยังไม่รองรับ คาดว่าต้องรออีกสักพักใหญ่ถึงจะเริ่มแพร่หลายขึ้น

 

ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ

One UI

ออกแบบหน้าตาการใช้งานมาใหม่ทั้งหมดเพื่อการใช้งานสมาร์ทโฟนในยุคนี้อย่างแท้ เน้นให้สามารถทำงานมือเดียวได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมฟีเจอร์อื่นๆอีกเพียบ แนะนำดูฟีเจอร์อื่นๆเต็มๆที่นี่เลย

รู้จัก One UI ดีไซน์ใหม่ของมือถือ Samsung Galaxy อัพเดทแล้วมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

Bixby เวอร์ชั่นอัพเกรด

รอบนี้ Samsung ได้อัพความสามารถให้น้อง Bixby อย่างแรกเลยคือ เปลี่ยนชื่อได้แล้ว อยากจะเรียก น้องสิรี น้องเชอรี่ อะไรก็ย่อมได้ทั้งนั้น แล้วก็ยังมี Bixby Routine ที่จะช่วยประมวลผลข้อมูลจากกิจกรรมต่างๆ ของเรา แล้วช่วยแนะนำการใช้งานแอปต่างๆ ในชีวิตประจำวันของเรา

ส่วน Bixby Vision รอบนี้  Samsung ก็ได้จับมือกับพาร์ทเนอร์ให้สามารถลองเครื่องสำอางด้วยการใช้ AR เข้ามาช่วยได้ และก็สามารถสแกนโปสเตอร์หนังเพื่อช่วยหาข้อมูลของหนังเรื่องที่ต้องการดูได้ด้วย

ล่าสุดทาง Bixby ได้เปิดรองรับภาษาเพิ่มได้แก่ British English, German, Italian และ Spanish จากที่ก่อนหน้าจะมีเพียง US English, Korean และ Mandarin Chinese แน่นอนว่าก็จะยังไม่มีภาษาไทยอยู่ดี แต่ก็มีข่าวดีเล็กน้อยเมื่อทาง Samsung ได้เปิดให้ตั้งค่าปุ่ม Bixby เพื่อใช้เรียกแอปอื่นหรือตั้งค่า Quick Command ได้แล้ว ใครไม่ได้ใช้ก็ปรับแต่งได้ตามสะดวกเลย แต่จะยังปิดไม่ได้นะ

 

ฟีเจอร์เอาใจสาย Entertainment ลำโพงคู่ดังและดี

Galaxy S10 มาพร้อมลำโพงคู่ Sterio ระบบเสียง 24 bit รองรับ Dolby Admos surround 3D sound ปรับจูนเสียงโดย AKG ซึ่งสามารถเปิดใช้ใน Gaming Mode ได้ และด้วยดีไซน์ของช่องลำโพงต่างๆ ทำรอบนี้ให้เสียงที่ดังและใสขึ้น ให้เราได้ยินเสียงซาวด์เอฟเฟคต่างๆ ในเกมได้อารมณ์มากขึ้น และ Samsung ยังจับมือกับค่ายผู้ผลิตเอนจินกราฟิกชื่อดังอย่าง Unity ที่เป็นเบื้องหลังเกมอย่าง ROV และอื่นๆบน Google Play Store กว่า 40% ซึ่งถ้าเล่นบน S10 ก็จะได้ประสิทธิภาพมากขึ้น 10% อีกด้วย

Galaxy S10e และ S10 จะมาพร้อมระบบระบายความร้อนที่เรียกว่า “Heat Sink” ส่วน Galaxy S10+ จะมาพร้อม “Vapor Chamber” ที่ใช้แท่งทองแดงวิ่งได้รอบแล้วมีน้ำที่เป็นไอออไนซ์ ช่วยหล่อในการหล่อเย็นคล้ายๆ กับของ ROG Phone

ใน Galaxy S10+ จะมีตัวระบายความร้อนดีกว่า S10 และ S10e สู้อากาศบ้านเราเวลาใช้งานนานๆในแดดร้อนๆได้ดีกว่า

รองรับ WiFi 6 เป็นรุ่นแรกของโลก

อีกหนึ่งสิ่งที่จะไม่พูดไม่ได้เลยก็คือ Galaxy S10 ทั้ง 3 รุ่นรองรับ WiFi 6 ซึ่งรับ – ส่งข้อมูลได้เร็ว และสามารถใช้งานในพื้นที่คนเยอะๆ ได้ดีขึ้นด้วย แต่ต้องบอกว่าเทคโนโลยีนี้ยังต้องการเวลาอีกสักพักกว่าจะมีให้ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เพราะยังถือว่าใหม่พอสมควร จะซื้อหาอุปกรณ์ Router มาใช้ก็ยากและมีราคาค่อนข้างสูง แต่สำหรับคนที่อยากลอง AIS  ก็เตรียมนำมาให้ใช้กันภายในเดือนมีนาคมนี้แล้ว

 

Wireless Power Share แชร์แบตของเราให้โทรศัพท์หรืออุปกรณ์อื่นๆได้

Galaxy S10 มาพร้อม Wireless Power Share แชร์ไฟให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ทั้งสมาร์ทโฟน สมาร์ทวอทช์ หูฟังต่างๆ ที่รองรับมาตรฐาน QI ได้ โดยจ่ายไฟที่ 5 โวลต์ 2 แอมป์ และยังมี Dual Charging ที่สามารถเสียบชาร์จไฟให้เจ้า Galaxy S10 ไปพร้อมๆ กับวางอุปกรณ์อื่นๆ ที่ด้านหลังเครื่องได้ด้วย

นอกจากนี้ Wireless Power Share ยังเอามาใช้กับตัว LED Case ทำให้ตัวเคสเรืองแสงวิ้งวับได้ และยังใช้ประโยชน์อื่นๆ จากได้อีกอย่างเคาท์ดาวน์แทนชัดเตอร์ โชว์ตัวดุ๊กดิ๊กๆ หรือข้อมูลต่างๆ บน LED Case ได้ คิ้วท์มากบอกเลย

สามารถเปิดใช้งาน Wireless PowerShare ได้จาก Quick Settings ทันที

   

 

ยังมีฟีเจอร์อื่นอีกมากมายให้ใช้งานได้บน Samsung Galaxy S10 กัน ไม่ว่าจะ Samsung Knox, Galaxy Gift, Samsung Pay ซึ่งใครที่เคยใช้งานค่ายนี้มาก่อนหน้าก็น่าจะรู้จักกันไปหมดแล้ว ไว้ยังไงจะมาบอกเล่าฟีเจอร์ทั้งหมดเพิ่มเติมให้อีกทีนะครับ ยังไงก็ใช้งานเจ้า Galaxy S10 ที่อยู่ในมือกันให้คุ้มค่ หรือถ้าใครกำลังเล็งจะซื้อก็ลองเปิดใช้งานกันให้ครบถ้วนได้ จะได้คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่เสียไปครับ