เทียบ Galaxy Tab S10 Ultra และ iPad Pro M4 แท็บเล็ตตัวท็อปของปี 2024 ต่างกันยังไง รุ่นไหนน่าโดนกว่า

ตลาดแท็บเล็ตเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวจากภาวะซบเซาหลังยุคโควิด-19 เป็นลำดับในปีนี้ จากยอดขายทั่วโลกที่ตัวเลขเป็นบวกติดต่อกัน 2 ไตรมาส นำโดยแอปเปิลและซัมซุงเจ้าเก่า ที่ครองส่วนแบ่งรวมกันเกิน 50% ชนิดทิ้งขาดคู่แข่งค่ายอื่นไปไกลลิบ และศึกนี้ก็ยังดำเนินต่อไป ล่าสุดซัมซุงเปิดตัว Galaxy Tab S10 Ultra ออกมาท้าชนกับ iPad Pro M4 ของแอปเปิลตรง ๆ เห็นได้จากราคาเริ่มต้นที่เกือบจะเท่ากัน ฟีเจอร์ และจุดเด่นหลายอย่าง ก็มีส่วนที่คล้ายกันอยู่ไม่น้อย

สเปค Galaxy Tab S10, Galaxy Tab S10 Ultra และ iPad Pro M4

จอภาพเป็น OLED ไม่ต่างกันแล้ว

ที่ผ่านมา แท็บเล็ตของซัมซุงมีข้อได้เปรียบมหาศาลในการใช้งานด้านเอนเตอร์เทนเมนต์ จากการเป็นแท็บเล็ตเพียงไม่กี่รุ่นในตลาด ที่มาพร้อมหน้าจอ OLED แต่กับ iPad Pro M4 ในปีนี้ แอปเปิลตัดสินใจอัปเกรดหน้าจอจาก mini-LED สู่ OLED เป็นครั้งแรก และเป็น OLED แบบใหม่ที่ประกอบไปด้วยโครงสร้างซ้อนกัน 2 ชั้น ส่งผลให้มีความสว่างสูงสุดเพิ่มขึ้น และทนทานกว่าเดิม (ในทางทฤษฎี)

โดย Galaxy Tab S10 Ultra สามารถดันความสว่างสูงสุดได้ 930 นิต ส่วน iPad Pro M4 ขยับไป 1600 นิต เท่ากันทั้งรุ่น 11 นิ้ว และ 13 นิ้ว ซึ่งความสว่างนี้จะเห็นผลตอนการแสดงผลคอนเทนต์ที่เป็น HDR ดังนั้น ข้อได้เปรียบ – เสียเปรียบที่เคยมีในแง่การแสดงผล จึงถูกตัดออกไปแทบไม่เหลือ

กระจกตัดแสงสะท้อนเหมือนกัน แต่…

ถึงกระนั้น ซัมซุงก็มีการอัปเกรดหน้าจอ Galaxy Tab S10 Ultra ในปีนี้เหมือนกัน โดยเคลือบสาร anti-reflection ตัดแสงสะท้อนบนกระจกหน้าจอ เสริมด้วยเทคโนโลยี Vision Booster ปรับปรุงการแสดงผลขณะใช้งานกลางแดดเปรี้ยง ๆ ให้ยังคงมองเห็นได้ชัดเจนอยู่ แบบเดียวกับ Galaxy S24 Ultra ที่ได้รับคำชมไปมากเมื่อช่วงต้นปี

แม้ iPad Pro M4 จะมีตัวเลือกกระจกนาโนที่ช่วยตัดแสงสะทอนได้ก็จริง แต่เป็นออปชันเสริมที่ผู้ใช้งานต้องจ่ายเงินเพิ่มเอง 4,000 บาท (ในขณะที่ซัมซุงให้มาฟรี) และจำกัดเฉพาะรุ่นความจุ 1TB หรือสูงกว่า ราคาเริ่มต้นจึงพุ่งทะยานไป 67,900 บาท สำหรับรุ่น 11 นิ้ว และ 76,900 บาท สำหรับรุ่น 13 นิ้ว เป็นราคาที่เข้าถึงได้ยากพอสมควร

ข้อแตกต่างอีกประการที่ควรคือ เทคโนโลยีตัดแสงสะท้อนของแอปเปิล เป็นการเคลือบพื้นผิวนาโนลงบนกระจก สามารถตัดแสงสะท้อนได้ดีก็จริง แต่ต้องแลกมากับความสว่าง สีสัน และความคมชัดที่ลดลงเล็กน้อย (คล้ายกับหน้าจอเครื่องอ่านอีบุ๊ก) ไม่ได้เป็นกระจกใส ๆ เหมือนซัมซุง

ประสิทธิภาพ กับการใช้งานระยะยาว เหลือเฟือทั้งคู่

ภายใน Galaxy Tab S10 Ultra ขับเคลื่อนด้วยชิป Dimensity 9300+ แรงที่สุดของฝั่ง Android ในปัจจุบัน อาจดูแปลกตาเล็กน้อยที่รอบนี้ซัมซุงเลือกใช้บริการชิปจาก MediaTek แทนที่จะเป็น Qualcomm เหมือนทุกที ส่วน iPad Pro M4 มากับชิป M4 ตามชื่อรุ่น ความแรงขยับไปขึ้นอีกระดับ

แท็บเล็ต 2 รุ่นนี้ มีประสิทธิภาพเหลือล้น แรงในระดับที่หลายคนอาจไม่รู้จะเอาไปอะไรด้วยซ้ำไป ทั้งซีพียู จีพียู และเอ็นพียู ทรงพลังพอจนสามารถมองเผื่อไปถึงอนาคตได้อีกยาว ๆ ไม่ต้องกลัวเครื่องอืด โดย Galaxy Tab S10 Ultra การันตีอัปเดตระบบปฏิบัติการและความปลอดภัย 7 ปี ในขณะที่ iPad Pro M4 ทางแอปเปิลไม่ได้บอกตัวเลขตรง ๆ แต่ปกติจะอยู่ราว ๆ 5 – 6 ปี

รองรับปากกาและคีย์บอร์ดเหมือนกัน แต่…

Galaxy Tab S10 Ultra รองรับปากกา S Pen เป็นซิกเนเจอร์ของค่ายมานาน เก่งเรื่องการจด และสารพัดเครื่องมืออรรถประโยชน์ ขณะเดียวกัน iPad Pro M4 ก็มี Apple Pencil Pro รุ่นใหม่ ที่เปิดตัวพร้อมกับเครื่อง พร้อมฟังก์ชันใหม่คือ การรองรับการตอบสนองแบบสั่น และการรองรับอินพุตจากการหมุนปากกา เช่น การลากพร้อมเปลี่ยนองศาหัวแปรงขณะวาดรูป ตรงจุดนี้ ทำให้ Apple Pencil ที่แต่เดิมก็เด่นเรื่องวาดรูปอยู่แล้ว ยิ่งเด่นขึ้นไปอีก

แต่ (อีกแล้ว) ซัมซุงให้ S Pen มาในกล่อง ส่วนแอปเปิลไม่มี ต้องซื้อแยกเอง ถ้าเป็น Apple Pencil Pro รุ่นใหม่ ราคาจะอยู่ที่ 4,990 บาท หรือถ้าย่อมเยาลงมาหน่อยจะมี Apple Pencil (USB-C) เป็นอีกทางเลือก ราคา 3,190 บาท

เช่นเดียวกับเคสคีย์บอร์ด Book Cover Keyboard Slim ที่ซัมซุงแถมมาฟรี (หากสั่งซื้อภายในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้) ส่วน Magic Keyboard ของ iPad Pro M4 วางขายในราคา 11,990 บาท และ 13,990 บาท ตามขนาดหน้าจอ

ฟีเจอร์ AI ซัมซุงพร้อมกว่า แอปเปิลต้องรอไปก่อน

ประเด็นเกี่ยวกับ AI ทาง DroidSans พึ่งกล่าวถึงไปหมาด ๆ ในการเปรียบเทียบ Galaxy S24 FE และ iPhone 16 เมื่อสัปดาห์ก่อน และกับการเปรียบเทียบ Galaxy Tab S10 Ultra และ iPad Pro M4 ในสัปดาห์ ก็ไม่มีอะไรต่างกันแม้แต่น้อย

คือปัจจุบัน Galaxy AI พร้อมใช้งานในไทยแล้ว มีมาใน Galaxy Tab S10 Ultra ตั้งแต่ออกจากโรงงาน แกะกล่องมา ใช้งานได้ทันที ส่วน Apple Intelligence ก็อย่างที่หลายคนคงทราบกันดี ปีนี้เปิดให้ใช้งานแค่ไม่กี่ฟีเจอร์ เช่น Clean Up และบรรดาฟีเจอร์เกี่ยวกับภาษาบางส่วน แต่อย่างหลังก็ต้องเจอกับข้อจำกัดตรงที่ยังไม่รองรับภาษาไทย และแอปเปิลยังไม่ประกาศด้วยว่าจะมาเมื่อไหร่

ถ้าใครคาดหวังกับ AI แล้ว iPad Pro M4 อาจยังไม่ใช่คำตอบในตอนนี้ เว้นแต่จะอดทนรอได้ อีก 1 หรือ 2 ปี เป็นอย่างน้อย จนกว่าแอปเปิลจะพร้อม

จุดแตกต่างอื่น ๆ

Galaxy Tab S10 Ultra ใส่ซิม โทรออก – รับสาย รับข้อความ SMS หรือ MMS ได้เต็มระบบเหมือนมือถือ เช่นเดียวกับ Galaxy Tab S10+ รุ่น 5G ที่ทำได้ไม่ต่างกัน ส่วน iPad Pro M4 รุ่น Wi-Fi + Cellular จะทำได้แค่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอย่างเดียว

แต่ละรุ่นราคาเท่าไหร่บ้าง

จากทั้งหมดที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า Galaxy Tab S10 Ultra กับ iPad Pro M4 ต่างเป็นแท็บเล็ตไฮเอนด์ที่มีความครบเครื่องทุกแทบทุกแง่มุม ฟังก์ชันและฮาร์ดแวร์ที่ให้มาก็ทันกันทั้งคู่ แม้แอปเปิลจะมีข้อจำกัดเรื่องความพร้อมของ AI แต่ถ้ารอไหว สุดท้ายก็ได้ใช้งานแน่ ๆ อยู่ที่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น

ดังนั้น หนนี้อาจเป็นอีกครั้งที่ ‘ราคา’ กลายมาเป็นปัจจัยชี้ขาดสำหรับใครหลาย ๆ คน ตามที่เกริ่นไปตอนต้นว่า Galaxy Tab S10 Ultra กับ iPad Pro M4 มีค่าเริ่มต้นใกล้เคียงกัน แต่กรณีนี้หมายถึงเฉพาะตัวเครื่องเพียงอย่างเดียว ถ้ารวมอุปกรณ์เสริมเข้าไปด้วยแล้ว ช่วงห่างจะค่อนข้างกว้าง เพราะอุปกรณ์เสริมของแอปเปิลต้องซื้อแยกทั้งหมด ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณา

ราคาเครื่อง Galaxy Tab S10, Galaxy Tab S10 Ultra และ iPad Pro M4

ราคาอุปกรณ์เสริม Galaxy Tab S10, Galaxy Tab S10 Ultra และ iPad Pro M4

_{* เคสคีย์บอร์ด Galaxy Tab S10+ และ Galaxy Tab S10 Ultra แถมฟรีถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2024 หลังจากนั้นจำหน่ายแยกในราคา 5,990 และ 6,990 บาท}

_{** ตัวเลือกกระจกนาโนตัดแสงสะท้อน มีเฉพาะ iPad Pro M4 ความจุ 1TB ขึ้นไปเท่านั้น}