หลังจากที่ Garmin fēnix 5 นาฬิกาสายออกกำลังหลากหลายรูปแบบเปิดตัวไปตั้งแต่ตอนต้นปี 2017 คราวนี้ก็ถึงคราวของ fēnix 5 Plus ทายาทรุ่นต่อมาเผยโฉมอย่างเป็นทางการ มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆทั้งเกี่ยวกับแผนที่, แอพเล่นเพลง, Garmin Pay, และตัววัดระดับออกซิเจนในเลือด

Play video

Garmin fēnix 5 Plus มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อยคือ fēnix 5S Plus, 5 Plus, และ 5X Plus มีสเปคเด่นๆดังนี้

  • ความจุภายใน 16GB
  • รองรับระบบระบุตำแหน่ง Galileo เพิ่มจาก GPS และ GLONASS
  • แผนที่ภูมิประเทศแบบออฟไลน์ built-in ในเครื่อง
  • หน่วยความจำสำหรับเครื่องเล่นเพลง
  • Garmin Pay
  • ตัววัดระดับออกซิเจนในเลือดสำหรับการปรับตัวในระดับความสูงต่างๆ (เฉพาะรุ่น 5X Plus เท่านั้น)
  • ปรับปรุงการเชื่อมต่อกับหูฟัง Bluetooth และเซ็นเซอร์ third-party ต่างๆ
  • หน้าจอ LED Garmin Chroma Display ขนาดใหญ่ 1.2 นิ้วเท่ากับ fēnix 5 เดิม มองเห็นในแสงแดดและกันน้ำได้ลึกถึง 100 เมตร
  • Privacy mode สำหรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน

Garmin fēnix 5S Plus

Garmin fēnix 5 Plus เรียกได้ว่าเป็นรุ่น minor change ที่ยังคงใช้ดีไซน์เหมือนๆกับ fēnix 5 ตัวเดิม ทั้ง 3 รุ่นจะมีขนาดตัวเรือนและแบตเตอรีที่ต่างกัน (แต่ขนาดจอเท่ากัน) นอกจากนี้ยังมีโหมดประหยัดพลังงาน UltraTrac ที่ช่วยยืดอายุแบตไปได้อีก

  • รุ่น 5S น้องเล็กสุดมีขนาด 42mm แบตเตอรีอยู่ได้ 7 วันในโหมดสมาร์ทวอตช์ปกติ, 4 ชั่วโมงในโหมด GPS และโหมดฟังเพลง
  • รุ่นกลาง 5 Plus มีขนาด 47mm แบตเตอรีอยู่ได้ 10 วันในโหมดสมาร์ทวอตช์ปกติ, 8 ชั่วโมงในโหมด GPS และโหมดฟังเพลง
  • รุ่นท็อป 5X Plus มีขนาด 51mm แบตเตอรีอยู่ได้ 20 วันในโหมดสมาร์ทวอตช์ปกติ, 13 ชั่วโมงในโหมด GPS และโหมดฟังเพลง

Garmin fēnix 5 Plus

วางขายตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 นี้เป็นต้นไปพร้อมกับราคาเริ่มต้นสุดโหดที่ $699.99 (ประมาณ 23,000 บาท) ไปสุดที่ $1,149.99 (ประมาณ 38,000 บาท) มีวัสดุให้เลือกสองแบบประกอบด้วยตัวเรือนสเตนเลสเคลือบ PVD พร้อมสายรัดข้อมือซิลิโคน และตัวเรือนไทเทเนียมอย่างดีที่มีน้ำหนักเบากว่าพร้อมสายรัดข้อมือไทเทเนียมขัดเงา ถึงแม้ว่ามันจะมีออกแบบมาดูค่อนข้างสมบุกสมบัน (โดยเฉพาะ 5 Plus กับ 5X Plus) แต่ด้วยความหลากหลายของทั้งวัสดุ, สีสัน, และรูปแบบสายรัดข้อมูลก็ทำให้สามารถเลือกสิ่งที่เหมาะได้ทั้งชายและหญิง

Garmin fēnix 5 Plus ยังคงสามารถนำไปใช้เล่นกีฬาได้หลายรูปแบบพร้อมทั้งมีเซ็นเซอร์เซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจและฟีเจอร์การเชื่อมต่อต่างๆเหมือนกับ fēnix 5 แต่จะต่างจากรุ่นเดิมตรงที่จะมีแผนที่ภูมิประเทศติดตั้งไว้แล้วทุกรุ่น (รุ่นก่อนจะมีแค่ 5X Plus ตัวเดียวที่ลงมาให้) สำหรับการติดตามตำแหน่งและการนำทางที่สะดวกรวดเร็ว นอกจากนั้นยังใช้ระบุเส้นทางแบบวนกลับมาที่เดิมได้อีกด้วย ซึ่งระบบจะกำหนดเส้นทางปั่นจักรยานหรือวิ่งให้กับผู้ใช้ได้ทันทีเพียงกรอกระยะทางที่ต้องการลงไป แล้วยังมีเส้นเส้น Trendline คอยบอกความนิยมในการใช้แต่ละเส้นทางผ่านแอพ Garmin Connect

Garmin fēnix 5X Plus

fēnix 5X Plus ยังเป็นสมาร์ทวอตช์ตัวแรกจากทาง Garmin ที่มีตัววัดระดับออกซิเจนในเลือดผ่านเซ็นเซอร์ LED สีแดง ซึ่งใช้ในการวัดค่า SO2 (Pulse oxygen saturation levels) สำคัญสำหรับเหล่าบรรดานักปีนเขาสูงๆที่จะต้องใช้เวลาปรับตัวกับระดับความสูงต่างๆ (หากรีบขึ้นทีเดียวสูงๆอาจปรับตัวไม่ทันจนเกิด acute mountain sickness (AMS) ถึงขั้นเสียชีวิตได้)

ส่วนฟีเจอร์ Garmin Pay นั้นเราสามารถเพิ่มบัตรเครดิตของธนาคารที่รองรับเข้าไปในตัว fēnix 5 Plus ผ่านแอพ Garmin Connect ในสมาร์ทโฟน จากนั้นเมื่อต้องการใช้งานก็เพียงแค่เลือก Garmin Pay Wallet ใส่รหัสรักษาความปลอดภัยเข้าไปจากนั้นก็พร้อมจ่ายเลย น่าเสียดายที่ตอนนี้มันยังไม่รองรับธนาคารในไทยเลยซักเจ้าเดียว

สาย QuickFit สี Solar Flare Orange และ Coyote Tan Silicone

สาย QuickFit สี Sea Foam Blue และ Frost Blue

ภายใน Connect IQ หรือเป็น app store ของทาง Garmin ผู้ใช้สามารถเข้าไปโหลดซอฟต์แวร์ของตัวสมาร์ทวอตช์ได้เช่นธีมหน้าปัดนาฬิกา, ข้อมูลที่โชว์, วิตเจ็ต, และแอพพลิเคชันต่างๆ นอกจากซอฟต์แวร์ภายในแล้วยังซื้อ QuickFit หรือสายรัดข้อมือที่มีวัสดุและสีสันที่หลากหลายได้ทั้งสายซิลิโคน, หนัง, หรือไทเทเนียม สายเปลี่ยนเองได้ง่ายไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือใดๆ มาพร้อมกับสีใหม่ที่ใช้ได้กับแค่รุ่น Plus ใหม่นี้เท่านั้น ไม่สามารถใช้กับรุ่นเก่าได้อย่าง Solar Flare Orange, Coyote Tan Silicone, Sea Foam Blue, และ Frost Blue ตามรูปด้านบน

 

ที่มา: Garmin via GSMArena