นับถอยหลังเพียงแค่อีกหนึ่งวันนับจากนี้ก็จะถึงช่วงเวลาสำคัญของชาว Google และ Android กันแล้ว นั่นก็คืองาน Google I/O 2017 นั่นเอง ซึ่งในปีนี้กระผมก็ได้มีโอกาสมาร่วมงานในปีนี้ (อีกแล้ว) จึงขอเก็บภาพถ่ายและเรื่องราวจากภายในงานมาเล่าสู่กันฟังครับ โดยจะขอแบ่งเป็นหลายๆชุด เพราะในงานนี้จะให้เขียนทั้งหมดในทีเดียวก็คงจะยาวเหยียดมากๆเลยล่ะ

ขอเกริ่นคร่าวๆเกี่ยวกับงาน Google I/O กันซักหน่อย

งาน Google I/O คืองานใหญ่ประจำปีของ Google ที่จะเปิดตัว Product หรือเทคโนโลยีใหม่ๆทั้งในฝั่งผู้ใช้และนักพัฒนา ถ้าเทียบกับ Apple ก็คืองาน WWDC ที่เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆมากกว่าสินค้านั่นเอง

ซึ่งในปี 2017 นี้จัดขึ้นที่ Shoreline Amphitheater ซึ่งเป็นที่เดิมเหมือนกับปีที่แล้ว โดยงานนี้จะจัดเป็นระยะเวลา 3 วันคือ 17-19 พฤษภาคม โดยภายในงานจะมีพื้นที่ต่างๆที่แสดง Product จากทาง Google และมีห้องบรรยายอยู่ทั่วพื้นที่งานเพื่อให้นักพัฒนาเข้าไปฟังหัวข้อบรรยายต่างๆนานาตามที่สนใจกันได้ ซึ่งค่าบัตรในปีนี้พุ่งขึ้นไปจนถึง $1,150 ซะแล้ว (แต่ก็ยังถูกกว่า WWDC ที่มีราคาบัตรอยู่ที่ $1,500)

 

Day 0 : มารับ Badge สำหรับงานวันพรุ่งนี้

ผู้ที่เข้าร่วมงานจะต้องมารับ Badge หรือบัตรเข้าร่วมงานก่อนถึงจะเข้าไปภายในงานได้ ซึ่งเลือกได้ว่าจะมารับตอนไหนก็ได้ในก่อนวันงานหนึ่งวันไปจนถึงช่วงเวลางาน และเพื่อไม่ให้เสียเวลาในวันที่เริ่ม Keynote ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่จึงเลือกมารับ Badge หนึ่งวันก่อนงานเริ่มครับ (ผมก็เช่นกัน)

และสถานที่รับ Badge ในปีนี้ก็อยู่ตำแหน่งเดิมกับปีที่แล้วเป๊ะๆ นั่นก็คือหน้าทางเข้างานนั่นเอง แต่ในปีนี้ดูเหมือนจะตกแต่งน้อยกว่าปีที่แล้ว รวมไปถึงธีมงานก็ดู Minimal (เกินไปหน่อย) ด้วยเช่นกัน จากปีที่แล้วมีรูปปั้น Android ขนาดใหญ่ 2 ตัวให้ถ่ายรูปด้วย แต่ในปีนี้มีแค่โลโก้งาน Google I/O แบบเรียบง่ายแทน

 

บูธรับ Badge มีทั้งสองฝั่งของรูปโลโก้หน้างาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะเช็คจากพาร์สปอร์ตหรือแสกน QR จากตั๋วที่ส่งมาทางอีเมลล์ก็ได้

 

จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะพิมพ์ Badge ให้เราเลย (มีเครื่องพิมพ์บัตรอยู่ด้านหลัง) ถ้าตอนลงทะเบียนใส่รูปไว้แล้ว ก็จะใช้รูปนั้นมาแปะบน Badge เลย แต่ถ้าไม่มีรูป เจ้าหน้าที่ก็จะให้ถ่ายรูป ณ ตอนนั้นทันทีด้วยกล้อง Webcam ของ Logitech ซึ่งปีนี้ดีหน่อยที่แดดไม่แรง ถ่ายออกมาแล้วไม่ดำเวอร์ เพราะปีที่แล้วแดดแรง แถมยืนย้อนแสง เลยได้ภาพติด Badge ออกมาซะมืดเลย

สำหรับ Badge จะมีการระบุโซนที่นั่งในช่วง Keynote ให้ด้วย ซึ่งของผมเป็น Reserved 5 ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเล่าให้ฟังอีกทีว่าแตกต่างกันยังไง

ในปีนี้ดูเหมือนว่า After Party จะจัดในคืนแรก และคอนเสิร์ตจะจัดในคืนที่สอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รัดสายข้อมือไว้ให้หนึ่งเส้นสำหรับเข้างาน After Party ซึ่งให้เฉพาะคนที่อายุเกินที่กำหนดไว้เท่านั้น เนื่องจากมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในงานด้วย ซึ่งให้ใส่ทิ้งไว้ตั้งแต่วันนี้เลย (กันน้ำได้)

และมี Swag หรือของแจกเล็กๆน้อยๆเป็นถุง I/O สีขาว ที่ข้างในมีเสื้อ แว่นกันแดด ครีมกันแดด และกระติกน้ำ (อีกแล้วหรอฟระ!)

สำหรับลายเสื้อในปีนี้ดีไซน์อิงตามธีมงานสุดๆ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันสวยหรอ (หรือมีความหมายอะไรแอบแฝงอยู่นะ)

ส่วนใครที่สงสัยทำไมต้องมีการแจกแว่นกันแดดกับครีมกันแดดด้วย เพราะว่าในช่วงเวลางานจะเป็นวันที่แดดร้อนที่สุดของที่นี่ครับ (ร้อนที่ว่าก็คือสูงสุดที่ 24 องศาเซลเซียส) ซึ่งแดดที่นี่แผดเผาผิวเราพังได้ไม่ต่างกับบ้านเรา ดังนั้นจึงต้องเป็นมีแจกอุปกรณ์ดำรงชีพกันเสียหน่อย เพราะพื้นที่ในงานส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เปิด มีแค่ห้องบรรยายเท่านั้นที่เป็นโดมปิด

 

แอพ Google I/O 2017 ที่พึ่งสำคัญ

สิ่งที่ขาดไปไม่ได้ในการเที่ยวงาน Google I/O ก็คือแอพ Google I/O 2017 ครับ เพราะในนี้จะมีรายละเอียดต่างๆภายในงานให้ครบถ้วน โดยเฉพาะหัวข้อบรรยายในช่วงเวลาต่างๆที่จะคอยเตือนให้เรารู้ได้ว่าหัวข้อไหนที่เราสนใจใกล้จะเริ่มแล้ว

 

และในปีนี้ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์จองที่นั่งมาให้ด้วย จึงทำให้สามารถกดจองที่นั่งได้จากในแอพเลย ซึ่งจะขึ้นก็ต่อเมื่อล็อกอินด้วย Google Account ที่ได้เข้าร่วมงานด้วยเท่านั้น ดังนั้นคนนอกงานเนียนเข้ามากดจองไม่ได้แน่นอน

ถ้าอยากจะรู้ว่ามีหัวข้อบรรยายอะไรบ้างสามารถเข้าไปดูได้ที่ https://events.google.com/io/schedule ซึ่งหัวข้อบรรยายเหล่านี้จะเน้นไปที่นักพัฒนาของ Product แต่ละตัวเป็นหลักนะครับ

 

งานจะเป็นยังไง เปิดตัวอะไร มาติดตามไปพร้อมๆกันเถอะ!!

สำหรับผู้อ่านที่อยู่ในไทย งานจะเริ่มในคืนนี้ แต่สำหรับผมที่อยู่ที่นี่ งานจะเริ่มพรุ่งนี้เช้า แต่จะเมื่อไรก็ไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ว่าจะมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆจาก Google เปิดตัวอีกบ้าง ซึ่งเหล่าทีม Droidsans ของเราก็จะคอยรายงาน, อัพเดทข่าวสาร และสรุปให้ได้อ่านกันครับ (โดยเฉพาะช่วงก่อนงาน Keynote จะเริ่ม ก็จะมีข่าวลือหลุดมาทีละเล็กละน้อย) ส่วนผมก็คงทำหน้าที่พาทัวร์ภายในงานแทนฮะ