Google เปิดตัวฟีเจอร์ Live Transcribe ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยฟีเจอร์ดังกล่าวจะถอดคำพูดต่างๆ ที่เข้ามาในไมค์มือถือให้กลายเป็นตัวหนังสือได้แบบเรียลไทม์ ซึ่ง Google พัฒนาฟีเจอร์นี้ขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้ที่มีปัญหากับการฟังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องคอยเงี่ยหูฟังหรือให้คู่สนทนาพูดดังกว่าปกติ และล่าสุด Google ก็ได้พัฒนาฟีเจอร์นี้ไปอีกขั้นด้วยการเพิ่ม Sound Notifications เข้ามา ทำให้ฟีเจอร์นี้มีความสามารถมากขึ้นในการระบุเสียงรอบข้างได้ว่าเป็นเสียงของอะไร จากนั้นจะแจ้งเตือนขึ้นมาที่จอมือถืออีกทีนึง
ฟีเจอร์ Live Transcribe ปกติจะใช้สำหรับการถอดคำพูดต่างๆ ที่คู่สนทนากำลังพูดอยู่ในขณะนั้น ซึ่ง Google ตั้งใจพัฒนาฟีเจอร์นี้ขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้ที่มีความบกพร่องทางการฟังสามารถเข้าใจคำพูดต่างๆ ของคู่สนทนา หรือเสียงรบกวนรอบข้างได้จากการอ่านตัวหนังสือที่ถูกแปลงมาจากเสียงพูด ซึ่งจะปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอมือถือได้แทบจะทันทีเมื่อมีเสียงเข้ามาในไมโครโฟน
และความสามารถใหม่อย่าง Sound Notifications จะมาช่วยให้การใช้ชีวิตของผู้ที่มีความบกพร่องทางการฟังง่ายขึ้นไปอีก เพราะคราวนี้การฟังเสียงรอบข้างจะทำได้แม้ปิดหน้าจอมือถือไปแล้ว โดยมันจะแจ้งเตือนมาที่หน้าจอทันทีเมื่อได้ยินเสียง และจะระบุว่าเป็นเสียงของอะไร อย่างเช่น เสียงรถ, เสียงหมาเห่า, เสียงเด็กร้องไห้, เสียงน้ำไหล, เสียงฝนตก, เสียงเตือนจากเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน, เสียงเคาะประตู ฯลฯ ฟีเจอร์ Sound Notifications ใช้งานได้แบบออฟไลน์ หายห่วงแม้ไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และจะใช้เทคโนโลยี Deep Learning ในการเรียนรู้เสียงต่างๆ ซึ่งจะค่อยๆ มีความแม่นยำในการแยกแยะชนิดของเสียงมากขึ้นเมื่อใช้งานไปเรื่อยๆ
การแจ้งเตือนบนหน้าจอมือถือ เมื่อได้ยินเสียงน้ำไหล
การแจ้งเตือนเหล่านี้จะส่งไปได้ทั้งที่มือถือ หรือสมาร์ทวอทช์ระบบ WearOS ช่วยให้ผู้ที่มีความบกพร่องทางการฟังรู้ตัวว่าขณะนั้นมีอะไรเกิดขึ้นรอบๆ ตัวบ้าง ซึ่งจะมีประโยชน์มากหากเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น อย่างเช่นขณะที่นั่งอยู่ในบ้านแล้วมีสัญญาณเตือนจากเครื่องตรวจจับควันไฟ, ลืมปิดก๊อกจนน้ำล้นออกมาจากอ่าง, เด็กทารกร้องไห้ หรือหมาเห่าเพราะมีคนแปลกหน้าอยู่หน้าบ้าน ทำให้สามารถเข้าไปแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงทีนั่นเองครับ
การแจ้งเตือนบนสมาร์ทวอทช์ เมื่อได้ยินเสียงน้ำไหล
การใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าว สามารถเปิดทิ้งเอาไว้ และปิดหน้าจอหรือใช้งานแอปอื่นๆ ได้ปกติ แต่จะมีการทำงานอยู่เบื้องหลัง ซึ่งแน่นอนว่าจะกินแบตเตอรี่มากกว่าเดิม Google ก็เลยแนะนำว่าควรจะชาร์จมือถือทุกๆ วัน จะได้ไม่ต้องกลัวว่าแบตจะหมดในระหว่างวัน
บันทึกข้อมูลได้ว่ามีเสียงอะไรเกิดขึ้นบ้างในระหว่างวัน
Google เริ่มทยอยอัปเดตฟีเจอร์ดังกล่าวแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยใครที่ต้องการใช้ฟีเจอร์นี้ก็ต้องไปดาวน์โหลดแอป Live Transcribe มาติดตั้งกันก่อน ถ้าหากว่าได้รับการอัปเดตแล้ว ชื่อแอปจะกลายเป็น Live Transcribe & Sound Notifications ถึงจะใช้งานฟีเจอร์ Sound Notifications ได้ครับ (จากที่ทดลอง ในบ้านเราตอนนี้ยังไม่ได้รับการอัปเดตฟีเจอร์ Sound Notification แอปก็เลยยังใช้ชื่อว่า Live Transcribe เฉยๆ)
ที่มา : Google
Comment