ตอนแรก Google มีแพลนว่าจะเปิดตัว Pixel 4a มือถือระดับกลางของพวกเขาในงาน Google I/O 2020 แต่งานดังกล่าวก็ต้องถูกยกเลิกออกไปซะก่อน เนื่องจากปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ล่าสุดดูเหมือนว่า Pixel 4a จะได้เคาะวันวางจำหน่ายแล้ว เมื่อสื่อเยอรมันรายงานว่า สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวอาจวางขายในวันที่ 22 พฤษภาคมที่จะถึงนี้

แหล่งข่าวดังกล่าวรายงานว่า Google อาจจะเปิดตัวมือถือ Pixel 4a ในรูปแบบแบบออนไลน์เหมือนกับมือถือแบรนด์อื่นๆ หรือไม่ก็อาจจะทำแบบ Apple ที่อยู่ๆ ก็เอา iPhone SE (2020) ขึ้นหน้าเว็บแบบเงียบๆ เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคา ก็ยังไม่มีรายงานเปิดเผยออกมาว่า Pixel 4a จะมีราคาเริ่มต้นเท่าไหร่ แต่ถ้าพิจารณาจากข่าวหลุดที่ผ่านๆ มา ก็มีความเป็นไปได้ที่ Pixel 4a น่าจะเคาะราคาเริ่มต้นที่ $399 เท่ากับ iPhone SE (2020) นั่นเอง 

สเปคเบื้องต้นของ Pixel 4a ก็คาดว่าจะมาพร้อมกับหน้าจอ OLED ขนาด 5.81 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2340 โดยจะมีการเจาะรูเอาไว้บริเวณมุมซ้ายบนของตัวเครื่องสำหรับใส่กล้องเซลฟี่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

พลิกมาด้านหลัง จะเจอกับกล้อง 1 ตัว ความละเอียด 12.2 ล้านพิกเซล + ไฟแฟลช LED โดยล่าสุด ก็มี YouTuber รายหนึ่งเคลมว่าเขาได้ลองใช้งาน Pixel 4a ตัวเป็นๆ พร้อมกับอวดภาพที่ได้จาก Pixel 4a มาให้ดูด้วย ซึ่งจากภาพตัวอย่างจะเห็นว่า ภาพที่ได้จาก Pixel 4a ถือว่ามีคุณภาพที่ดีกว่าภาพที่ได้จาก Redmi Note 7 ที่ใช้เซนเซอร์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซลอยู่พอสมควรเลย (แต่ราคา Pixel 4a ก็น่าจะแพงกว่าเหมือนกัน)

สเปค PIXEL 4a (ยังไม่เป็นทางการ)

  • หน้าจอ OLED ขนาด 5.81 นิ้ว ความละเอียด Full HD+
  • ชิปเซ็ต Snapdragon 730
  • GPU Adreno 618
  • RAM 4GB
  • ความจุ 64/128GB
  • กล้องหลัง 12.2 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง
  • Google Titan M Security Chip
  • แบตเตอรี่ 3,080 มิลลิแอมป์ รองรับชาร์จไว 18 วัตต์
  • รูหูฟัง 3.5 มม., พอร์ต USB-C
  • ระบบปฏิบัติการ Android 10

โดย Pixel 4a จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ.. Just Black และสีเกือบจะน้ำเงิน Barely Blue (กวนโอ๊ยสไตล์ Google เหมือนเดิม ฮ่าๆ) สำหรับราคาเริ่มต้นของ Pixel 4a  ตามข่าวบอกว่ารุ่น RAM 6GB + ความจุ 64GB จะอยู่ที่ราวๆ $399 หรือประมาณหมื่นนิดๆ เท่านั้น ส่วนจะเข้าไทยหรือไม่ อันนี้..ก็อาจจะรออัพเดทข้อมูลกันอีกทีนึง แต่มีความเป็นไปได้สูงเลยล่ะว่าจะต้องพึ่งเครื่องหิ้วกันอีกตามเคย

 

ที่มา: gizchina, androidcentral