การมาของสมาร์ทโฟนนั้นทำให้เราสามารถจะทำงานต่างๆ ได้รวดเร็วมากขึ้น รวมถึงการติดต่อผู้คนและเจรจาธุรกิจข้ามโลกได้ในไม่กี่วินาที นอกจากนั้นยังมีเกมและสื่อหลากหลาย จนคนแทบจะไม่ได้ใช้มือถือสำหรับโทรหากันเหมือนแต่ก่อนแล้ว แน่นอนว่าแอพพลิเคชั่นและเกมนั้นยังช่วยเปิดโอกาสให้นักพัฒนาสามารถเขียนแอพหรือเกมต่อยอดขึ้นมากลายเป็นธุรกิจทึ่เติบโตเร็วที่สุด แถมยังมีลูกค้าจากทั่วโลก ซึ่งทาง Google เองก็พร้อมที่จะสนับสนุนนักพัฒนาจากทุกมุมโลกให้สามารถผลักดันแอพหรือเกมออกไปสู่ตลาดโลกด้วยเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ทั้ง Android ที่ครองตลาด 80% และ Google Play ที่มีเครื่องไม้เครื่องมือครบครัน

Google Playtime เป็นงานที่รวมเอาเหล่านักพัฒนาที่ประสบความสำเร็จจากทุกมุมโลก มาแบ่งปันประสบการณ์ในการพัฒนาแอพและการใช้งาน Google Play โดยทาง Google เองก็อยากที่จะให้นักพัฒนาทุกคนมองไปยังตลาดที่กว้างขึ้นมากกว่าประเทศหรือภูมิภาคของตัวเอง โดยงาน Google Playtime ในครั้งนี้ได้จัดขึ้นที่สิงคโปร์ โดยเป็นงานที่รวบรวมเอานักพัฒนาจากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาพูดคุยกัน

Purina Koricha ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจของ Google เผยว่าตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่มีการเติบโตต่อเนื่อง และสูงที่สุดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ซึ่งไม่เพียงแค่กลุ่มผู้ใช้งานที่ใช้เวลากับแอพมากขึ้น แต่ยังรวมถึงนักพัฒนาหน้าใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

Jade Tan ผู้อำนวยการภูมิภาคของ App Annie ยังได้มาเปิดเผยสถิติ, การเติบโตของตลาดแอพพลิเคชั่นและเกมในภูมิภาคนี้ว่าในช่วงปีที่ผ่านมา (กรกฎาคม 2015-2016) ตัวเลขการดาวน์โหลดแอพในภูมิภาคนี้ Android สูงกว่า iOS ถึง 7 เท่า และเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาถึง 25%

เมื่อเทียบไตรมาส 2 ปี 2014 กับไตรมาส 2 ของปี 2016 นั้นผู้ใช้งาน Android ใช้เวลากับแอพเฉลี่ยมากกว่าเดิม 2 เท่า แอพประเภทที่ได้รับความนิยมมากๆ ได้แก่แอพในการขนส่งที่เติบโตถึง 16.5 เท่า และแอพซื้อขายสินค้าที่เติบโตถึง 5.3 เท่า

ด้านนักพัฒนาที่ถูกเชิญมาร่วมงานในครั้งนี้ ก็มีนักพัฒนาจากประเทศไทยอย่าง KiraGames เจ้าของเกม Unblock Me ที่มียอดดาวน์โหลดถึง 78 ล้านโหลด, RubyCell สตูดิโอเกมจากเวียดนาม, Own Game เจ้าของเกม Tahu Bulat ที่กำลังเป็นที่นิยมในอินโดนีเซีย, AppXplore จากมาเลเซียที่ผลิตเกมเน้นไปตีตลาดอเมริกาและยุโรป, Attitudes Game เกมสตูดิโอที่มีนักพัฒนาจากหลายๆ ชาติ และ Carousel แอพซื้อขายสินค้าผ่านระบบ chat ที่เป็นที่นิยมอย่างมากในไต้หวัน อินโอนีเซีย และ มาเลเซีย

โดยนักพัฒนาส่วนใหญ่นั้นค่อนข้างพอใจกับระบบของ Android ทั้ง Android Studio ที่ดีวันดีคืนกว่าสมัยก่อนเยอะมากๆ จุดเด่นในการ Publish แอพหรือเกมขึ้นสู่ Google Play นั้นก็ใช้เวลาไม่นาน เทียบกับฝั่งของ App Store อาจจะต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์กว่าจะปล่อยแอพให้คนดาวน์โหลดได้

ส่วนการใช้งาน Google Developer Console นั้นก็สะดวกและใช้งานง่าย มีข้อมูล insight สามารถตรวจสอบได้รวดเร็ว โดยสามารถดูกลุ่มผู้ใช้งานแอพหรือเล่นเกมของเราได้ อีกทั้งระบบการตอบ comment ที่จะคัดกรองเอา negative review หรือรีวิวในด้านลบออกมาให้นักพัฒนาสามารถเห็นและเข้าไปรับทราบถึงปัญหาและตอบได้ทันที

นอกจากนั้น Google Play ยังรองรับการตั้งมูลค่า In App Purchase หรือการใช้จ่ายในแอพได้หลายค่าเงินและไม่มีขั้นต่ำ โดยในบางประเทศสามารถกำหนดราคาให้ถูกๆ ได้ เพื่อให้ผู้ใช้งานที่ไม่เคยจ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์ทดสอบว่าจ่ายเงินไปแล้วใช้ซื้อไอเทมหรือสินค้าในเกมได้จริง เมื่อมั่นใจแล้วก็มีโอกาสที่จะจ่ายเงินซื้อของในเกมมากขึ้นอีกด้วย

การสร้างแอพหรือเกมที่ฮิตหรือดังอาจไม่ยากอย่างที่คิด บางทีอาจจะไม่ต้องการอะไรที่ซับซ้อนแต่เป็นอะไรที่ง่ายๆ แต่ตอบสนองตลาดได้ตรงจุด ซึ่งเราเองได้เห็นปรากฎการณ์อย่าง Flappy bird ที่ฮิตกันไปทั่วโลกในวันเดียวมาแล้ว โดยมี Android และ Google Play ที่ครองตลาดโลกถึง 80% เป็นช่องทางในการไปสู่ตลาดโลกของนักพัฒนา โดยไม่เกี่ยงว่าคุณจะมาจากมุมไหนของโลกก็ตาม