หนึ่งในมือถือที่แฟน Nokia รอคอยกันมายาวนาน เพราะรุ่น Flagship ในปีที่ผ่านมาหลังจาก Nokia 8 Sirocco แล้วก็เงียบหายไป ทิ้งไว้แค่ข่าวของกล้อง Purview ที่กำลังจะกลับมา พร้อมกับความสามารถในการถ่ายภาพที่เหนือกว่า ผ่านไปเป็นเวลา 1 ปีพอดี วันนี้ droidsans ได้มาสัมผัส Nokia 9 Pureview มือถือกล้องหลัง 5 ตัวรุ่นนี้แล้ว

Nokia 9 นั้นใช้ดีไซน์การออกแบบผสมผสานระว่างโลหะและกระจก หน้าจอมีขนาด 5.99 นิ้ว P-OLED ความละเอียด QHD+ (2880 x 1440) ใช้กระจก Gorilla Glass 5 ฝังเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือเอาไว้ใต้จอภาพ

เฟรมโลหะด้านข้างค่อนข้างหนา ซึ่งนั่นก็หมายถึงชิ้นโลหะที่แข็งแกร่ง สีเงินที่สะท้อนแสงมานั่นคือการขัดเงาลบเหลี่ยมแบบไดมอน์คัทสวยงาม

พอร์ทเชื่อมต่อด้านล่างมีเพียง USB C เท่านั้น อำลาช่องหูฟัง 3.5 กันไปก่อน เพราะจะหมุนหาที่มุมไหนก็ไม่เจอ

ไฮไลท์ของ Nokia 9 Pureview นั้นแน่นอนว่าต้องเป็นกล้องหลัง Penta Camera ที่ถึงแม้จะมี 5 กล้อง แต่ก็เจาะรูมาให้ถึง 7 (มองตอนแรกนึกว่าดราก้อนบอล) เพราะอีก 2 รูที่เหลือนั้นใช้สำหรับแฟลช LED และเซนเซอร์วัดความลึก ToF

ที่แปลกไม่เหมือนใครคือ Nokia ไม่ได้ใส่กล้องที่มีระยะแตกต่างกันมาในนี้เลย เซนเซอร์ถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ RGB เซนเซอร์กล้องสี 2 ตัว ทำงานร่วมกับ Monochrome เซนเซอร์ขาวดำ 3 ตัว แต่ละตัวมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ทำงานในลักษณะ Array Camera คือทั้ง 5 กล้องจะถ่ายภาพพร้อมกัน แล้วรวมผลออกมาเป็นภาพเดียว

ซึ่งทาง Nokia และ Light ได้ร่วมกันพัฒนาและดึงเอาศักยภาพของหน่วยประมวลผลทั้งหมดในชิป Snapdragon 845 ไม่ว่าจะเป็น CPU, GPU, ISP, DSP เรียกว่ารีดเอาประสิทธิภาพทุกส่วนออกมาทั้งหมด การเปลี่ยนไปใช้ชิป Snapdragon 855 อาจจะไม่ทันการ และเหมือนต้องเริ่มใหม่หมด ส่วน Snapdragon 845 ก็ยังถือเป็นชิปเรือธงที่ยังใช้งานได้ดีอยู่เหมือนกัน

แม้กล้องของ Nokia 9 จะไม่มีเลนส์เทเล หรือเลนส์อัลตราไวด์มาช่วยให้ถ่ายรูปได้หลายๆ มุมมอง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ Pureview ถูกสร้างมา เพราะด้วยพลังของ Array Camera ที่ทำงานพร้อมกันนั้น ได้เก็บรายละเอียดทั้งเรื่องของความลึก และไดนามิกเรนจ์ได้หลากหลายระดับมากสูงถึง 12.4 stops และทุกภาพจะเป็น HDR เรียกว่าเหมือนแปลงร่างเซนเซอร์ของมันให้ใหญ่ขึ้นด้วยพลังของ Pureview นั่นเอง

ตัวอย่างของ Depth ที่ Nokia 9 Pureview ทำได้ ถ้าดูจากในภาพนี้เราจะเห็นว่ามันก็ไม่ได้แตกต่างจากกล้องที่มีโหมด Portrait หรือ Bokeh ทั่วไป แต่ถ้าสังเกตุดีๆ คือระดับความเบลอของฉากหลังนั้นมันไต่ระดับจากเบลอน้อยไปเบลอมากได้ยังกับกล้อง Mirrorless

ลองมาดูตัวอย่างภาพนี้กันครับ จะเห็นว่าจากภาพที่เราเลือกจุดเบลอเอาไว้ไกลๆ พอลากนิ้วไล่ลงมาภาพก็จะค่อยๆ ละลายกลายเป็นโบเกต์ที่ไล่ระดับไปเรื่อยๆ นั่นก็เพราะว่ามันเก็บความลึกได้มากถึง 1200 ระดับ (มือถือทั่วไปสูงสุดประมาณ 10 ระดับ) ดูในคลิปได้เลย รับรองเห็นแล้วจะร้อง

Play video

กดข้ามไปดูช่วงนาทีที่ 3:30 เป็นต้นไปครับ จะเห็นการลากนิ้วไล่ระดับการเบลอ คือเป็นฟีเจอร์เทพๆ ของมันเลยอะ

นอกจากนั้นมันยังสามารถถ่ายภาพ RAW และปรับแต่ง DNG ได้สบายๆ ผ่านแอป Lightroom ของ Adobe แต่ต้องไปหาโหลดเองนะครับ เพราะมือถือ Android One นั้นจะไม่มีทางลงแอปหรือ Bloatware มาแน่นอน

กล้องหน้ามีความละเอียด 20MP และหากถ่ายในที่แสงน้อยก็ยังสามารถรวมพิกเซลถ่ายให้สว่างขึ้นได้ (ความละเอียด 5MP)

จากที่ได้ลองจับลองเล่นอยู่ประมาณ 20 นาที ก็อยากรอเล่นตัวจริงไม่ไหวแล้ว ภาพถ่ายในงาน และภาพที่เห็นในกล้องมันสวยและน่าสนใจมากๆ เอาไว้ถ้าได้เครื่องมาเมื่อไหร่จะรีบเอาไปลองแบบเต็มๆ ให้รู้กันไปเลยครับ

สเปค NOKIA 9 PUREVIEW 

  • ระบบปฏิบัติการ Android OS 9 (Pie)
  • หน้าจอ 5.99 นิ้ว OLED PureDisplay ความละเอียด 2K
  • ชิป Qualcom Snapdragon 845
  • RAM 6GB
  • หน่วยความจำภายใน 128GB
  • กล้องหลังเลนส์ ZEISS Optics 5 ตัว (เลนส์ที่มีเซนเซอร์เก็บภาพสี 2 ตัว และเซนเซอร์สำหรับเก็บภาพแบบ Monochromatic 3 ตัว ช่วยคมชัดขึ้น)
  • กันน้ำ IP68
  • แบตเตอรี่ความจุ 3320 มิลลิแอมป์
  • รองรับ Qi Wireless Charge