ในที่ทาง Huawei ประเทศไทยก็ได้ประกาศเปิดตัว Huawei P40 Pro+ สมาร์ทโฟนตัวท็อปของ P40 Series ที่โดดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพที่ไม่เป็นสองรองใคร รวมถึงดีไซน์การออกแบบที่โดดเด่นสมกับเป็นรุ่นเรือธงประจำกลางปี 2020 นี้ และในบทความนี้เองเราจะมาสรุปจุดเด่นของ HUAWEI P40 Series กัน ซึ่งจะมีอะไรบ้างมาดูกันครับ
นวัตกรรมกล้องสุดล้ำ สมญานามว่า “กล้องที่โทรได้”
ปกติแล้วสมาร์ทโฟนตระกูล P Series ของ Huawei นั้นโด่งดังและเป็นที่ยอมรับในด้านนวัตกรรมการถ่ายภาพ ทั้งด้วยระบบกล้องและเลนส์ที่ร่วมพัฒนาโดย Leica ผสานกับ AI ของ Huawei เองทำให้ P40 Series กลับมาทวงบัลลังก์ผู้นำด้านการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนอย่างเต็มภาคภูมิ
โดยเฉพาะรุ่น HUAWEI P40 Pro ตอนนี้ก็ครองอันดับ 1 ด้านกล้องถ่ายภาพ จากการจัดอันดับโดย DxoMark ติดต่อกันยาวนานนับเดือน ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ซึ่งได้คะแนนอยู่ที่ 128 คะแนน ส่วน HUAWEI P40 รุ่นน้องเล็กที่เปิดตัวมาพร้อมกัน ก็ติดอันดับท็อปเทนใน DxoMark ด้วยสัปดาห์ที่เปิดตัว บอกเลยว่าเรื่องถ่ายรูป P40 Series ไม่ทำให้ใครผิดหวังแน่นอน
สำหรับระบบกล้องของ HUAWEI P40 Series กล้องหลังตัวหลักจะมาพร้อมกับ Ultra Vision Leica Camera โดย HUAWEI P40 จะมีกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว ขณะที่ P40 Pro มีกล้องหลัง 4 ตัว และ P40 Pro+ มีกล้องหลังสูงสุดถึง 5 ตัว ซึ่งทุกโมเดลมีกล้องเลนส์กว้าง (wide-angle) และเลนส์กว้างพิเศษ (ultrawide-angle) ยืนพื้น รวมกับกล้อง Telephoto เลนส์ซูมที่ทรงพลังที่แบ่งออกเป็นคร่าวๆ ได้ประมาณนี้คือ
- P40 จะใช้เลนส์ซูมที่สามารถซูมแบบออพติคัลได้ 3 เท่า
- P40 Pro จะใช้เลนส์ซูมที่สามารถซูมแบบออพติคัลได้ 5 เท่า และดิจิทัลได้ 50 เท่า ทั้งยังมาพร้อมกล้อง ToF ที่สามารถเก็บระยะของภาพได้อย่างแม่นยำ
- P40 Pro+ จะยกระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยการรวมเอากล้อง Telephoto สองระยะเข้าไว้ด้วยกัน สามารถซูมแบบออพติคัลได้สูงสุดถึง 10 เท่า และแบบดิจิทัลไปไกลถึง 100 เท่า ทั้งนี้ยังมาพร้อมระบบกันสั่นทั้งแบบ OIS และแบบที่ควบคุมด้วย AI (AIS) ครบทุกฟีเจอร์
จุดเด่นอีกอย่างสำหรับกล้องของ Huawei P40 Series คือเลือกใช้เซ็นเซอร์ RYYB ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีบนสมาร์ทโฟน ณ เวลานี้ทำให้เก็บแสงได้มากกว่าใคร และเมื่อทำงานร่วมซอฟต์แวร์ภายในเครื่องก็จะทำให้ทุกการถ่ายภาพเป็นเรื่องง่าย ถ่ายได้ชัดทุกสภาพแสง อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ AI Golden SnapTM ที่ช่วยให้ผู้ใช้เก็บภาพความประทับใจได้ทุกจังหวะ ไม่มีพลาด ทั้งยังแก้ปัญหาที่พบได้บ่อยเช่น คนเดินติดเข้ามาในเฟรมก็สามารถลบได้อัตโนมัติด้วย AI Remove Passerby หรือการลบแสงสะท้อนจากกระจกด้วย AI Remove Reflection เป็นต้น
รองรับ 5G ตั้งแต่แกะกล่อง
Huawei P40 Series เป็นเพียงมือถือไม่กี่รุ่นในตลาดที่รองรับเครือข่าย 5G ซึ่งแน่นอนว่ารองรับทุกโมเดลตั้งแต่รุ่นเล็กยันตัวท็อป ซึ่งทั้ง 3 โมเดล จะมาพร้อมชิปเซ็ตเรือธง Kirin 990 5G รุ่นล่าสุด ที่นำนวัตกรรมทั้งโมเด็ม 5G เข้าไว้กับโปรเซสเซอร์ภายในชิปตัวเดียว ทำให้การประมวลผลต่างๆ สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว ลดการเดินทางของพลังงานระหว่างโมเด็มและโปรเซสเซอร์
อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงาน ไม่เปลืองแบตเตอรี่ และทำให้เครื่องร้อนช้า แม้จะสตรีมข้อมูลออนไลน์ด้วยความเร็วสูงระดับ 5G ก็ตาม แถมรองรับทุกย่านความถี่ 5G ที่มีให้บริการในประเทศไทยอีกด้วย
ดีไซน์หรูหรามีระดับ ออกแบบตามหลักการยศาสตร์
อีกสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นเป็นหลักของ Huawei P40 Series ที่ไปไกลกว่าเรื่องความสวยงามและหรูหรามีระดับคือ การดีไซน์ออกมาแบบการยศาสตร์ คือออกแบบมาให้จับถือที่ถนัดเข้ามือที่สุด หรือดูหน้าจอได้อย่างเต็มตา ในขนาดตัวเครื่องที่เหมาะสม โดยจะมาพร้อมกับหน้าจอ FullView Display เสมือนไร้ขอบจอ ส่วนในรุ่น P40 Pro และ P40 Pro+ จะอัปเกรดขึ้นมาเป็นหน้าจอดีไซน์ Quad-curve Overflow Display ที่โค้งมนทั้ง 4 มุม ให้ความรู้สึกเหมือนหยดน้ำฟีลสัมผัสดีมาก
ด้านของสีสันและวัสดุก็มีทางเลือกที่หลากหลาย โดย Huawei P40 และ P40 Pro จะมีให้เลือก 3 สี คือ Silver Frost, Blush Gold และ Deep Sea Blue ขณะที่ Huawei P40 Pro+ จะมีสีเดียวคือสีขาวคลาสสิก Ceramic White ที่ทำจากวัสดุเซรามิกเคลือบเทคโนโลยีนาโนไม่เป็นรอยนิ้วมือง่าย จับแล้วดูดีมีราคาสุดๆ
ราคา Huawei P40 Series แต่ละรุ่น
- Huawei P40 วางจำหน่ายแล้วในราคา 22,990 บาท
- Huawei P40 Pro วางจำหน่ายแล้วในราคา 31,990 บาท
- Huawei P40 Pro+ ราคา 40,990 บาท เปิดให้จองตั้งแต่วันที่ 4-26 มิถุนายน 2563 โดยผู้ที่สั่งจองจะได้รับของสมนาคุณมูลค่ารวม 12,200 บาท และจะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ ณ หัวเว่ย แบรนด์ช้อปและร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ
สนใจดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สามารถคลิกดูได้ที่ : https://consumer.huawei.com/th/phones/p40
Comment