หลายๆคนคงเคยได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับ AR (Augmented Reality) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สร้างภาพเสมือนเพิ่มขึ้นมาในภาพเดิมหรือเรียกง่ายๆคือ สร้างวัตถุเสมือนขึ้นมาในถาพจริงนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันนั้น มีการใช้ AR อย่างแพร่หลาย เช่น Google Translate ที่มีการแปลจากภาพ โดยจะใส่ตัวอักษรที่แปลแล้วไปในภาพจริง เป็นต้น

วันนี้เราจะมาอธิบายหลักการการทำงานคร่าวๆ ของเทคโนโลยี AR โดนเริ่มจากหลักการการทำงานก่อนเลย เนื่องจาก AR นััน ต้องมีการประมวลผลภาพ เป็น2หรือ3มิติขึ้นมา ให้เข้ากับลักษณะของสภาพพื้นที่จริง ดังนั้นแล้ว การประมวลผลคร่าวๆ จะเป็นดังนี้ครับ

1. โทรศัพท์จะต้องรับรู้การเคลื่อนไหวของเครื่องโทรศัพท์หรือ Motion Tracking โดยมีข้อมูลคือการเคลื่อนไหวของโทรศัพท์ในแนวแกน x, y, z เพื่อให้ซอร์ฟแวร์ รู้ว่าจะต้องประมวลผลภาพเสมือนนั้นให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เมื่อเคลื่อนไหวโทรศัพท์นั่นเอง ถ้ายกตัวอย่างง่ายๆคือ ถ้าจำลองแมวตัวหนึ่งขึ้นมา โดยแมวจะอยู่ห่างจากโทรศัพท์ 1 เมตรเสมอ เมื่อเราเคลื่อนโทรศัพท์ไปรอบๆแมว เราก็จะสามารถเห็นแมวในแต่ละด้านได้นั่นเอง

2. ข้อมูลกายภาพของสภาพพื้นที่จริง หรือ Area learning เช่น กำแพง พื้นหรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ ถ้าอธิบายตัวอย่างง่ายๆคือ จากแมวตัวเดิมในข้อ1 เราจะเห็นแมวลอยๆ ถ้าหากเรา เดินผ่านโต๊ะ แมวที่ควรจะห่าง1เมตร จะกลายเป็นอยู่หน้าโต๊ะทำให้ไม่สมจริงได้ ดังนั้นซอร์ฟแวร์ถึงต้องเรียนรู้กายภาพของพื้นที่จริง ถึงจะแสดงภาพได้ถูกต้อง เช่น เมื่อเจอโต๊ะก็ซ่อนแมวไปหลังโต๊ะ เป็นต้น

3. ความลึก(ห่าง)ของพื้นที่ หรือ Depth Perception ซึ่งจะทำให้เครื่องรู้ว่าระยะภาพนั้นห่างจากโทรศัพท์ขนาดไหน เมื่อได้ระยะแล้ว ซอร์ฟแวร์จะสามารถคำนวณการวางวัตถุเสมือนได้ถูกระยะ

เมื่อการทำงานของ AR  นั้นต้องการข้อมูล3แบบที่กล่าวมาในการประมวลผลให้สมจริง ดังนั้นโทรศัพท์หรืออุปกรณ์ที่จะรองรับ AR ก็จะต้องมีฮาร์ดแวร์ดังนี้

1. Depth Sensing ซึ่งรับข้อมูลความลึก-ระยะห่าง

2. Motion Tracking หรือเซนเซอร์รับการเคลื่อนไหว

และเมื่อได้การเคลื่อนไหวและระยะห่างแล้วก็จะสามารถหาลักษณะกายภาพของพื้นที่ได้ จึงทำให้ซอร์ฟแวร์สามารถประมวลผลภาพเสมือนได้สมจริงนั่นเอง