โน้ตบุ๊คถือเป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่ก่อนเลือกซื้อควรทำการบ้านมาก่อน เพราะโน้ตบุ๊คแบ่งออกเป็นหลายประเภทมาก ไม่ว่าจะเป็นแบบสายทำงานเล่นเกมหนักๆ สายพกพาน้ำหนักเบาแบตเตอรี่นานๆ หรือสายจอสัมผัสใช้งานปากกา ก็มีให้เลือกหลากหลายแบรนด์หลายสเปคสุดๆ โดยหลักๆ แล้วเวลาจะไปดูโน้ตบุ๊คสิ่งที่ต้องดูเป็นอันดับแรกคือ หน่วยประมวลผล (CPU) และการ์ดจอ (GPU)
ซึ่งบทความนี้เองทีมงานจะมาแนะนำวิธีดูสเปค CPU และ GPU ของโน้ตบุ๊คจะมีวิธีอย่างไรบ้างไปดูกันเลยครับ
หน่วยประมวลผล (CPU)
คำว่า CPU ย่อมาจาก Central Processing Unit หมายความว่า หน่วยประมวลผลกลาง เปรียบเสมือนสมองของโน้ตบุ๊คในการคำนวณจากคำสั่งที่ได้รับมา ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักในการประมวลผล โดยปัจจุบัน CPU บนตลาดโน้ตบุ๊ค แบ่งออกเป็น 2 แบรนด์ด้วยกัน คือ Intel และ AMD
Intel
สำหรับแบรนด์ Intel ค่ายน้ำเงินหลายคนก็น่าจะรู้จักกันหมดอยู่แล้ว เพราะเป็นเจ้าตลาดมานาน โน้ตบุ๊คที่ใช้ CPU Intel มีหลายราคาให้เลือกตั้งแต่ไม่ถึงหมื่น ไปจนถึงหลักแสน ซึ่งรุ่นที่มีวางขายในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 ตระกูลใหญ่ๆ คือ
1. Pentium ตระกูลน้องเล็กสุด ความเร็วเพียงพอใช้ทำงานเอกสาร ดูหนังฟังเพลง แต่งรูปเบาๆ ซึ่งจะอยู่ในโน้ตบุ๊คราคาไม่แพง หลักพันปลายๆ ไปจนถึงหมื่นกลางๆ เช่น Pentium Gold 5405U, Pentium Silver N5000 เป็นต้น ซึ่งความแรงแต่ละตัวห่างกันไม่มาก แต่จะต่างกันที่การรองรับอะไรใหม่ๆ เช่น DirectX 12 , ใส่ Ram ได้มากกว่า 16 GB เป็นต้น โดยสุดล่าสุดปี 2019 ของตระกูล Pentium จะมีตัว U ต่อท้ายตัวเลขเสมอ (ส่วนตัว N ที่อยู่ด้านหน้าจะเป็นรุ่นเก่าตั้งแต่ปี 2017)
ดูตารางเปรียบเทียบทั้ง 3 รุ่นได้ >>ที่นี่<<
2. Core i ตระกูลหลักของทางฝั่ง Intel แบ่งออกเป็น 4 รุ่น ได้แก่ Core i3, Core i5, Core i7 และ Core i9 เรียงความแรงจากน้อยไปมาก โดยตระกูล Core i ยังแบ่งอีก 2 ประเภทคือ รหัส U กับ H เช่น Core i5-8265U, Core i5-8300H โดยตัว U จะเป็นรุ่นประหยัดพลังงาน มักจะอยู่ในโน้ตบุ๊คน้ำหนักเบา และตัว H หรือ HK จะเป็นรุ่นประสิทธิภาพสูง มักจะอยู่โน้ตบุ๊คเครื่องหนา กินไฟเยอะ และน้ำหนักมาก
ดูตารางเปรียบเทียบทั้ง 4 รุ่นได้ >>ที่นี่<<
- Core i3 ในโน้ตบุ๊ตปัจจุบันจะมีแค่รหัส U เท่านั้น เช่น i3-8130U, i3-8145U เป็นต้น ซึ่งจะอยู่ในโน้ตบุ๊คราคาหมื่นกลางๆ ถึง สองหมื่นต้นๆ ซึ่งประสิทธิภาพจะแรงกว่า Pentium พอสมควรในเรื่องการประมวลกราฟิค โดย Core i3 ในโน้ตบุ๊คปัจจุบันจะมี 2 Core/4 Thread
- Core i5 รุ่นยอดนิยมที่ขยับขึ้นมาแรงอีกขั้นเป็น 4 Core/ 8 Thread มีทั้งรหัส U และ H เช่น i5-8250U, i5-9300H เป็นต้น มักจะอยู่โน้ตบุ๊คในช่วงราคาหมื่นปลายๆ ไปจนถึงสามหมื่นบาท
- Core i7 รุ่นท็อปสำหรับเกมเมอร์ หรือสายทำงานหนักๆ มีทั้งที่เป็น 4 Core/ 8 Thread บนรหัส U และ 6 Core/12 Thread บนรหัส H เช่น i7-8565U, i7-9750H เป็นต้น ซึ่งจะอยู่ในช่วงราคาสองหมื่นบาทปลายๆ ขึ้นไป
- Core i9 พี่เบิ้ม Hi-End แรงสุดจัดปลัดบอกสำหรับคนที่ต้องการความแรงที่สุด โดยมีจำนวนสูงสุดถึง 8 Core/ 16 Thread จะมีเฉพาะที่เป็นรหัส H หรือ HK (Overclock ได้) เช่น i9-9880H, i9-9980HK เป็นต้น โดยจะอยู่ในโน้ตบุ๊คราคาเกือบแสนหรือหลักแสนขึ้นไป
ความหมายของตัวเลข CPU Intel
ยกตัวอย่าง Intel Core i7-9750H
- เลข 9 คือ Gen ของ CPU ซึ่งปัจุบันคือ Gen 9 นี่แหละใช้โค้ดเนมว่า Coffee Lake
- เลข 750 คือ เลข SKU ของรุ่นนั้นๆ ยิ่งเลขเยอะยิ่งแรง เช่น i7-9850H แรงกว่า i7-9750H
**สิ่งที่คนมักสงสัยกัน คือ i7-8565U กับ i5-8300H อันไหนแรงกว่ากัน คำตอบก็คือ i5-8300H แรงกว่าเพราะเป็นรุ่นประสิทธิภาพสูง กินไฟมากกว่า(กินไฟ 45w) และรองรับการทำงานหนักๆ ได้ดีกว่า ซึ่งถ้าเอาพวกรหัส U ที่กินไฟน้อย(15w) มาทำงานหนักๆ เป็นเวลานาน ประสิทธิภาพจะดรอปลงทันที ด้วยความร้อนที่สะสมในเครื่อง ทำให้โดนลดสปีดความเร็วนั่นเอง ถึงแม้ว่าผล Benchmark หรือ Clock สปีดบางตัวรหัส U จะสูงกว่ารหัส H ก็ไม่ได้หมายความว่า รหัส U จะใช้งานหนักๆ ได้ดีกว่ารหัส H เสมอไป
AMD
ถัดมาดูค่ายแดง AMD กันบ้าง ซึ่งปัจจุบันตอนนี้เริ่มตีตลาดในส่วนของโน้ตบุ๊คขึ้นมาเยอะเลยทีเดียว จากแต่ก่อนมีแค่ไม่กี่รุ่น โดยโน้ตบุ๊คที่ใช้ CPU AMD มักจะมีราคาไม่แพง ไม่เกินสามสี่หมื่นบาท โดยรุ่นที่มีขายอยู่ในปัจจุบันจะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. A, FX Series ตระกูลรุ่นเล็ก ซึ่งปัจจุบันไม่ค่อยมีวางจำหน่ายเท่าไรแล้ว โดยซีรีส์นี้จะมีรหัสเป็น A8-xxxx, A12-xxxx, FX-xxxx **ไม่แนะนำ ควรข้ามไปเล่นตัว Ryzen จะดีกว่า
2. Ryzen ตระกูลยอดฮิตที่ทำให้ Intel ถึงกับต้องระส่ำระส่าย เพราะด้วยประสิทธิภาพเทียบกับราคาที่ได้คุ้มมากๆ ซึ่งก็แบ่งออกเป็น 3 รุ่นได้แก่ Ryzen 3, Ryzen 5 และ Ryzen 7 เรียงความแรงจากน้อยไปมาก โดยตระกูล Ryzen ก็แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือรหัส U และ H ยกตัวอย่างเช่น Ryzen 7 3750H, Ryzen 7 3700U เป็นต้น โดยตัว U จะเป็นรุ่นประหยัดพลังงาน ตัว H จะเป็นรุ่นประสิทธิภาพสูง (เหมือนกับ Intel)
- Ryzen 3 ปกติแล้วจะอยู่ในโน้ตบุ๊คหมื่นกลางๆ มีเฉพาะรหัส U และเป็นแบบ 2 Core/4 Thread เช่นรุ่น Ryzen 3 3200U, Ryzen 3 2200U เป็นต้น ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Intel Core i3
- Ryzen 5 รุ่นยอดนิยมไม้เด็ดของ AMD มีทั้งรหัส U และ H เป็นแบบ 4 Core/8 Thread ประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับราคาแล้วคุ้มมาก จะอยู่ในช่วงราคา หมื่นปลายๆ จนถึงสองหมื่นกลางๆ เช่น Ryzen 5 3500U, Ryzen 5 3550H ประสิทธิภาพมากกว่า Core i3 แต่ต่ำกว่า Core i5 ในรุ่น Gen ปีเดียวกัน
- Ryzen 7 รุ่นท็อปค่ายแดงประสิทธิภาพสูง มีทั้งรหัส U และ H เป็นแบบ 4 Core/8 Thread เช่น Ryzen 7 3750H, Ryzen 7 3700U เป็นต้น โดยจะแตกต่างกับ Ryzen 5 ตรงที่สปีดสูงกว่าและใช้การ์ดจอออนบอร์ดดีกว่า ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Intel Core i5 ในรุ่นปีเดียวกัน
**ความหมายของตัวเลข CPU AMD เหมือนกับ Intel และ Ryzen 5 3550H ก็แรงกว่า Ryzen 7 3700U เช่นเดียวกัน
คำแนะนำ
- เวลาจะซื้อโน้ตบุ๊คต้องตั้งโจทย์ก่อนว่าเราต้องการโน้ตบุ๊คมาทำอะไร ถ้าเอามาเล่นเกม ทำงานตัดต่อ ใช้สเปคหนักๆ ยังไงก็ต้องไป CPU ที่มีรหัส H เท่านั้น และถ้าต้องการโน้ตบุ๊คน้ำหนักเบา เน้นพกพาบ่อยๆ แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานก็ต้องไปใช้รหัส U
- ส่วนรุ่นอื่นๆ อย่าง Intel Pentium หรือ Ryzen 3 เหมาะกับคนที่ใช้งานเบาๆ เท่านั้น เช่น ใช้ทำงานเอกสาร ดูหนังฟังเพลง แต่งรูปนิดหน่อย และมีงบแค่หมื่นต้นๆ
- CPU Intel กับ AMD ในโน้ตบุ๊คตอนนี้เทียบกันยังไง ใครแรงกว่ากัน ก็บอกกันตามตรงว่าตอนนี้ Intel ยังไงก็แรงกว่าถ้าเทียบกันแบบรุ่นต่อรุ่น เช่น Core i7-9750H วัดกับ Ryzen 7 3750H หรือ Core i5-9300H วัดกับ Ryzen 5 3550H ยังไง intel i5, i7 ก็แรงกว่า Ryzen 5, 7 เสมอ แต่ Intel ก็ร้อนกว่า กินไฟมากกว่า และก็แพงกว่าเช่นเดียวกัน (**ปล. Core i5-9300H แรงกว่า Ryzen 7 3750H นิดหน่อย)
สามารถดู Rank Score CPU โน้ตบุ๊คได้ >> ที่นี่ <<
การ์ดจอ (GPU)
GPU ย่อมาจาก Graphics Processing unit ไว้สำหรับเป็นหน่วยประมวลผลด้านกราฟิก 3 มิติ หรืออย่างที่คนเข้าใจกันคือเอาไว้ใช้เล่นเกม ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักได้แก่
การ์ดจอออนบอร์ด
คือ การ์ดจอที่อยู่ใน CPU ประสิทธิภาพของการ์ดจออนบอร์ดจะไม่สูงนัก เพียงพอต่อการใช้พื้นฐาน จำพวกดูหนัง ฟังเพลง แต่งรูป หรือเล่นเกมเบาๆ โดยการ์ดจอออนบอร์ดก็จะแบ่งเป็น 2 ประเภท ตามยี่ห้อซีพียูเลยคือ
1. Intel ชื่อของการ์ดจอออนบอร์ดจะเป็นตระกูล HD และ UHD เช่น Intel UHD Graphics 620, Intel HD Graphics 530 เป็นต้น ประสิทธิภาพ UHD จะดีกว่าตัว HD ธรรมดาพอสมควร
2. AMD จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ Radeon R ที่จะอยู่ในตระกูลซีพียู A, FX Series และ Radeon RX VEGA ที่จะอยู่ในตระกูลโน้ตบุ๊คซีพียู Ryzen และแน่นอนว่า RX VEGA ยังไงก็แรงกว่าตัว R ธรรมดาแน่นอน
การ์ดจอแยก
คือ ชิปประมวลผลที่แยกออกมาจาก CPU โดยมีหน้าที่ประมวลผลด้านกราฟิกโดยเฉพาะ ทำให้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าการ์ดจอออนบอร์ดมากเลยทีเดียว สามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 แบรนด์คือ
1. NVIDIA การ์ดจอฝั่งค่ายเขียว ผู้เป็นเจ้าตลาดในตอนนี้ มีหลายรุ่นหลายแบบ หลายราคามาก ตามการใช้งานแต่ละประเภท โดยหลักๆ แบ่งออก 3 ตระกูลคือ ตระกูล MX Series (MX150, MX250) ที่ใช้สำหรับโน้ตบุ๊คประหยัดพลังงาน, GTX RTX Series (GTX 1050, RTX 2060)ที่ใช้สำหรับเกมมิ่งโน้ตบุ๊คหรือโน้ตบุ๊คประสิทธิภาพสูง และ Quadro Series (Quadro P6000, Quadro P3000) ที่ใช้สำหรับโน้ตบุ๊ค Workstation ทำงานออกแบบด้านกราฟิกโดยเฉพาะซึ่งจะมีราคาค่อนข้างสูงและไม่มีขายตามหน้าร้านทั่วไป
- MX Series ปัจจุบันรุ่นล่าสุดที่ใช้คือ MX250 ประสิทธิภาพสูงพอสมควร เล่นเกมอย่าง PUBG ความละเอียด Full HD ปรับ Low ได้ในระดับหนึ่ง รุ่นที่แนะนำเลยคือ MX250, MX150 โดยจะอยู่ในช่วงโน้ตบุ๊คราคาหมื่นปลายๆ ไปจนถึงสามหมื่นบาท
- GTX RTX Series รุ่นล่าสุดคือ RTX 2080 โดยคำว่า RTX จะหมายถึงรองรับการเล่นเกมแบบเปิด Ray Tracing ซึ่งปัจจุบันมีแค่ไม่กี่เกม สำหรับใครที่อยากจะซื้อโน้ตบุ๊คมาเล่นเกมแนะนำตัวที่ใช้ GTX 1060 ขึ้นไปจะดีมาก เล่น PUBG ความละเอียด Full HD ปรับ High สบายๆ ซึ่งจะอยู่ในโน้ตบุ๊คในช่วงราคาสองหมื่นกลางๆ ขึ้นไป
- Quadro Series เป็นการด์จอสำหรับงานออกแบบ เขียนแบบโมเดล 2D 3D เฉพาะทางสุดๆ ไม่ควรซื้อมาใช้เพื่อเล่นเกม มักจะอยู่ในโน้ตบุ๊คราคาห้าหมื่นบาทขึ้นไป
**สำหรับคนที่เน้นใช้งานตัดต่อ Render ไฟล์วิดีโอทั่วไปแนะนำใช้แค่ MX, GTX RTX Series ก็พอ
ความหมายของตัวเลขการ์ดจอ NVIDIA
ยกตัวอย่าง GTX 1080Ti
- GTX คือซีรีส์สำหรับเล่นเกม (GTX กับ RTX จะต่างตรงที่ RTX คือซีรีย์ล่าสุดรองรับ Ray Tracing และประสิทธิภาพเหนือกว่า)
- เลข 10 คือ Gen ของ GPU ซึ่งก็คือ Gen 10 ใช้สถาปัตยกรรม PASCAL (ปัจจุบันตัวล่าสุดคือ RTX 2080Ti)
- เลข 80 คือ เลข SKU ของรุ่นนั้นๆ ยิ่งเลขเยอะยิ่งแรง ตัวท็อปก็คือเลข 80
- Ti หมายถึงรุ่นท็อปของ SKU เลขนั้น แน่นอนว่า GTX 1080Ti ย่อมแรงกว่า GTX 1080
**ถ้าหากการ์ดจอรุ่นนั้นมี Max-Q ต่อท้าย เช่น GTX 1080 Max-Q จะเป็นรุ่นประหยัดพลังงาน เรียงตามลำดับความแรงจะเป็น GTX 1080 Max-Q -> GTX 1080 -> GTX 1080Ti ครับ
2. AMD การ์ดจอฝั่งค่ายแดง ซึ่งตอนนี้ในตลาดมีน้อยรุ่นมาก หลักๆ จะแบ่งเป็น 2 ตระกูลคือ Radeon กับ Radeon RX ยกตัวอย่างเช่น AMD Radeon 530, AMD Radeon RX560X เป็นต้น
- Radeon จะเป็นการ์ดจอรุ่นรองมักจะอยู่ในโน้ตบุ๊คที่ใช้ CPU ประหยัดพลังงาน ประสิทธิภาพใกล้เคียง NVIDIA MX Series แต่ต่ำกว่า ถ้าเลือกได้แนะนำหาตัวที่ใช้ MX Series ดีกว่าครับ
- Radeon RX ในตลาดที่ใช้อยู่ตอนนี้มีอยู่แค่ไม่กี่ตัว ซึ่งก็คือ RX560X ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GTX 1050 จะอยู่ในโน้ตบุ๊คตั้งแต่หมื่นกลางๆ ไปจนถึงสองหมื่นนิดๆ
คำแนะนำ
- การ์ดจอแยกจำเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ตั้งใจจะซื้อโน้ตบุ๊คมาเพื่อเล่นเกม ซึ่งประสิทธิภาพการเล่นเกมตัว GPU มีผลมากกว่า CPU ยกตัวอย่างเช่นมี โน้ตบุ๊ค 2 เครื่อง สเปค i7-9750H + GTX 1650 กับ i5-9300H + GTX 1660Ti จะเลือกตัวไหนดีมาเล่นเกมดีกว่ากัน คำตอบคือควรเลือกโน้ตบุ๊ค i5-9300H + GTX 1660Ti เพราะสเปคนี้มีการ์ดจอประสิทธิภาพแรงกว่านั่นเองครับ
สามารถดู Rank Score GPU ได้ >> ที่นี่ <<
ฮัลโหลๆๆๆๆ Celeron กับ Atom หายไปไหนหมด
เข้าใจว่า Pentium ตอนนี้ก็ไม่ได้แพงมากแล้ว เลยไม่จำเป็นต้องมี Celeron
ส่วน Atom ที่ใช้กับ Netbook เป็นหลัก ตอนนี้ถูกแทนด้วยชิป Atom รุ่นใหม่ๆ สำหรับพวก Tablet(Windows) ไปแล้ว ซึ่งรวมๆ ก็ใช้งานเหมือนเดิม แค่เครื่องเล็กลงได้อีก
ในตลาดโน้ตบุ๊คทุกวันนี้แทบจะไม่มี Celeron กับ Atom แล้วครับผม ถ้ามีก็จะเป็นรุ่นเก่า อีกอย่างคือโน้ตบุ๊ค CPU Pentium ก็ราคาลงมาเยอะมากแล้วครับ
.
และเช่นเดียวกับ AMD E-Series ซึ่งก็เริ่มหายจากไปเช่นกัน
ส่วนตัวเคยทำงานโฆษนาให้บริษัทด้วยคอมพิวเตอร์ที่เก่ามากๆ
ประมาณ Pentium G การ์ดจอออนบอร์ด ของสามปีก่อนกับงาน Photoshop
ระดับไฟล์ละ 50 mb
ขอบอกเลยว่าทำได้ ขอแค่ Ram 4GB ขึ้นมา และสิ่งสำคัญจริงๆคือจอภาพ
ควรเห็นรายละเอียดได้ดี ไม่ใช่ทำรูปเสร็ตพอไปเปิดอีกจอเห็นรอยถูเต็มไปหมด
แม้แต่งาน VDO สั้นๆก็ยังทำได้(ถ้าไม่รีบ)
ถ้าจะเน้นเรื่องทำคลิปยาวๆลง youtube เช่นพวกสาย VLOG หรือจะเล่นเกม คุณค่อยไปสายบ้าพลังครับ อันนี้เข้าใจ
แต่ถ้าใช้ทำงานออฟฟิซ เล่นเว็บโซเชียล ดูหนังฟังเพลง งานแคชชวล คุณซื้อคอมตัวล่างๆ มันพอครับ
จะได้ไม่ต้องไปเปลืองตัง ถ้าอยากเร็วขึ้นแค่เพิ่ม SSD เพิ่ม RAM ให้ได้ 8GB
เท่านี้พอเลย พอมากๆ ตอบโจทย์ SME ทำ SEO ขายของออนไลน์ หรือเล่นหุ้น ได้หมดครบถ้วนแล้ว
อันนี้พูดในมุมคนที่มีทั้ง gaming pc ที่บ้าน และคอมระดับรากหญ้าที่ทำงาน
+1 ครับ แค่ใช้ ssd ชีวิตก็เปลี่ยนแล้ว
ถ้าเน้นโหลดบิตล่ะ ใช้รุ่นไหนดีที่สุดครับ
intel i3 รหัสหลัง u ไม่ก็ Ryzen 3 รหัสหลัง u หาเครื่องใหญ่ ๆ จะได้ระบายความร้อนดีหน่อย
vga onboard ก็พอแล้วครับ เพียงแต่ต้องดู port ที่จะต่อกับ Harddisk External ด้วย ควรจะเป็น USB 3.0
ตอนนี้น่าจะเป็นครั้งแรกๆที่มี notebook cpu ทั้งสองค่ายขายในสัดส่วนไม่ต่างกันมาก ต่างจากเมื่อก่อนมีแต่ค่ายฟ้าเต็มตลาด ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ยังมีการแข่งขัน ไม่งั้นอาจจะได้ใช้ i3 ในราคา 2-3 หมื่นก็เป็นได้
แต่ในแง่ความแรงแบบไม่ดูราคา amd ก็ยังเป็นรอง intel อยู่ ryzen 7 ที่วาง position (และชื่อ) ให้ชนกับ i7 บางเทสยังหนี i5 ไม่พ้น รวมๆแรงกว่า ryzen 5 นิดเดียว เนื่องจาก Core/Thread เท่ากัน มี clock มากกว่านิดนึงและ GPU แรงกว่านิดหน่อย AMD คงต้องปรับตัว ryzen 7 ให้สู้กับ i7ได้ในอนาคต
สิ่งที่ต้องดูลำดับถัดมาคงเป็น ram กับ harddisk ก็เชื่อว่าน่าจะมีบทความต่อๆไปโดยเฉพาะ harddisk เพราะ ใช้ i7 หรือ ryzen แต่ใช้ harddisk แบบจานหมุน เสียดายความแรงตายชัก ถถ
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ใช้ i7 แต่ HDD จานหมุนนี่ไม่รู้จะพูดยังไงเลย เดี๋ยวในอนาคตจะมีบทความมาแนะนำ HDD SSD RAM หรืออื่นๆ เรื่อยๆ ครับผม
เป็นบทความที่มีประโยชน์มากๆครับ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องโน๊ตบุ๊คเท่าไหร่ ได้อ่านแล้วก้เข้าใจเลขรหัสต่างๆมากขึ้นเยอะเลย
ยินดีครับผม
เห็นภาพเลยครับ 🙂 🙂
เพิ่มเติมหน่อยครับการ์ดจอของ Nvidia รุ่นที่มี max-q ห้อยท้ายคือแบบประหยัดพลังงานครับ
ได้ครับผม ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากครับ
แล้วระหว่าง ryzen 5 3550h RTX 2060 กับ ryzen 7 3750h gtx 1660ti
ตัวใหนแรงกว่ากันครับ ??
เเบบเอาไว้เล่นเกมพวก Hunt Showdown งี้ แนะนำหน่อยครับ จะได้ตัดสินใจเลือกถูก
ขอความคิดเห็นครับ
ระหว่าง Ryzen 7 กับ intel ต้องใช้ในธุรกิจ เล่นเน็ต ดูหนัง จอ15" ควรใช้แบบไหนดีครับ มีงบ22,000บาท
และbrand ไหนดีครับ ขอบคุณครับ