โน้ตบุ๊คถือเป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่ก่อนเลือกซื้อควรทำการบ้านมาก่อน เพราะโน้ตบุ๊คแบ่งออกเป็นหลายประเภทมาก ไม่ว่าจะเป็นแบบสายทำงานเล่นเกมหนักๆ สายพกพาน้ำหนักเบาแบตเตอรี่นานๆ หรือสายจอสัมผัสใช้งานปากกา ก็มีให้เลือกหลากหลายแบรนด์หลายสเปคสุดๆ โดยหลักๆ แล้วเวลาจะไปดูโน้ตบุ๊คสิ่งที่ต้องดูเป็นอันดับแรกคือ หน่วยประมวลผล (CPU) และการ์ดจอ (GPU)

ซึ่งบทความนี้เองทีมงานจะมาแนะนำวิธีดูสเปค CPU และ GPU ของโน้ตบุ๊คจะมีวิธีอย่างไรบ้างไปดูกันเลยครับ

หน่วยประมวลผล (CPU)

คำว่า CPU ย่อมาจาก Central Processing Unit หมายความว่า หน่วยประมวลผลกลาง เปรียบเสมือนสมองของโน้ตบุ๊คในการคำนวณจากคำสั่งที่ได้รับมา ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักในการประมวลผล โดยปัจจุบัน CPU บนตลาดโน้ตบุ๊ค แบ่งออกเป็น 2 แบรนด์ด้วยกัน คือ Intel และ AMD

Intel

สำหรับแบรนด์ Intel ค่ายน้ำเงินหลายคนก็น่าจะรู้จักกันหมดอยู่แล้ว เพราะเป็นเจ้าตลาดมานาน โน้ตบุ๊คที่ใช้ CPU Intel มีหลายราคาให้เลือกตั้งแต่ไม่ถึงหมื่น ไปจนถึงหลักแสน ซึ่งรุ่นที่มีวางขายในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 ตระกูลใหญ่ๆ คือ

1. Pentium ตระกูลน้องเล็กสุด ความเร็วเพียงพอใช้ทำงานเอกสาร ดูหนังฟังเพลง แต่งรูปเบาๆ ซึ่งจะอยู่ในโน้ตบุ๊คราคาไม่แพง หลักพันปลายๆ ไปจนถึงหมื่นกลางๆ เช่น Pentium Gold 5405U,  Pentium Silver N5000 เป็นต้น ซึ่งความแรงแต่ละตัวห่างกันไม่มาก แต่จะต่างกันที่การรองรับอะไรใหม่ๆ เช่น DirectX 12 , ใส่ Ram ได้มากกว่า 16 GB เป็นต้น โดยสุดล่าสุดปี 2019 ของตระกูล Pentium จะมีตัว U ต่อท้ายตัวเลขเสมอ (ส่วนตัว N ที่อยู่ด้านหน้าจะเป็นรุ่นเก่าตั้งแต่ปี 2017)

ดูตารางเปรียบเทียบทั้ง 3 รุ่นได้ >>ที่นี่<<

2. Core i ตระกูลหลักของทางฝั่ง Intel แบ่งออกเป็น 4 รุ่น ได้แก่ Core i3, Core i5, Core i7 และ Core i9 เรียงความแรงจากน้อยไปมาก โดยตระกูล Core i ยังแบ่งอีก 2 ประเภทคือ รหัส U กับ H เช่น Core i5-8265U, Core i5-8300H โดยตัว U จะเป็นรุ่นประหยัดพลังงาน มักจะอยู่ในโน้ตบุ๊คน้ำหนักเบา และตัว H หรือ HK จะเป็นรุ่นประสิทธิภาพสูง มักจะอยู่โน้ตบุ๊คเครื่องหนา กินไฟเยอะ และน้ำหนักมาก

ดูตารางเปรียบเทียบทั้ง 4 รุ่นได้ >>ที่นี่<<

  • Core i3 ในโน้ตบุ๊ตปัจจุบันจะมีแค่รหัส U เท่านั้น เช่น i3-8130U, i3-8145U เป็นต้น ซึ่งจะอยู่ในโน้ตบุ๊คราคาหมื่นกลางๆ ถึง สองหมื่นต้นๆ ซึ่งประสิทธิภาพจะแรงกว่า Pentium พอสมควรในเรื่องการประมวลกราฟิค โดย Core i3 ในโน้ตบุ๊คปัจจุบันจะมี 2 Core/4 Thread
  • Core i5 รุ่นยอดนิยมที่ขยับขึ้นมาแรงอีกขั้นเป็น 4 Core/ 8 Thread มีทั้งรหัส U และ H เช่น i5-8250U, i5-9300H เป็นต้น มักจะอยู่โน้ตบุ๊คในช่วงราคาหมื่นปลายๆ ไปจนถึงสามหมื่นบาท
  • Core i7 รุ่นท็อปสำหรับเกมเมอร์ หรือสายทำงานหนักๆ มีทั้งที่เป็น 4 Core/ 8 Thread บนรหัส U และ 6 Core/12 Thread บนรหัส H เช่น i7-8565U, i7-9750H เป็นต้น ซึ่งจะอยู่ในช่วงราคาสองหมื่นบาทปลายๆ ขึ้นไป
  • Core i9 พี่เบิ้ม Hi-End แรงสุดจัดปลัดบอกสำหรับคนที่ต้องการความแรงที่สุด โดยมีจำนวนสูงสุดถึง 8 Core/ 16 Thread จะมีเฉพาะที่เป็นรหัส H หรือ HK (Overclock ได้) เช่น i9-9880H, i9-9980HK เป็นต้น โดยจะอยู่ในโน้ตบุ๊คราคาเกือบแสนหรือหลักแสนขึ้นไป

ความหมายของตัวเลข CPU Intel

ยกตัวอย่าง Intel Core i7-9750H

  • เลข 9 คือ Gen ของ CPU ซึ่งปัจุบันคือ Gen 9 นี่แหละใช้โค้ดเนมว่า Coffee Lake
  • เลข 750 คือ เลข SKU ของรุ่นนั้นๆ ยิ่งเลขเยอะยิ่งแรง เช่น i7-9850H แรงกว่า i7-9750H

**สิ่งที่คนมักสงสัยกัน คือ i7-8565U กับ i5-8300H อันไหนแรงกว่ากัน คำตอบก็คือ i5-8300H แรงกว่าเพราะเป็นรุ่นประสิทธิภาพสูง กินไฟมากกว่า(กินไฟ 45w) และรองรับการทำงานหนักๆ ได้ดีกว่า ซึ่งถ้าเอาพวกรหัส U ที่กินไฟน้อย(15w) มาทำงานหนักๆ เป็นเวลานาน ประสิทธิภาพจะดรอปลงทันที ด้วยความร้อนที่สะสมในเครื่อง ทำให้โดนลดสปีดความเร็วนั่นเอง ถึงแม้ว่าผล Benchmark หรือ Clock สปีดบางตัวรหัส U จะสูงกว่ารหัส H ก็ไม่ได้หมายความว่า รหัส U จะใช้งานหนักๆ ได้ดีกว่ารหัส H เสมอไป

AMD

ถัดมาดูค่ายแดง AMD กันบ้าง ซึ่งปัจจุบันตอนนี้เริ่มตีตลาดในส่วนของโน้ตบุ๊คขึ้นมาเยอะเลยทีเดียว จากแต่ก่อนมีแค่ไม่กี่รุ่น โดยโน้ตบุ๊คที่ใช้ CPU AMD มักจะมีราคาไม่แพง ไม่เกินสามสี่หมื่นบาท โดยรุ่นที่มีขายอยู่ในปัจจุบันจะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

1. A, FX Series ตระกูลรุ่นเล็ก ซึ่งปัจจุบันไม่ค่อยมีวางจำหน่ายเท่าไรแล้ว โดยซีรีส์นี้จะมีรหัสเป็น A8-xxxx, A12-xxxx, FX-xxxx **ไม่แนะนำ ควรข้ามไปเล่นตัว Ryzen จะดีกว่า

2. Ryzen ตระกูลยอดฮิตที่ทำให้ Intel ถึงกับต้องระส่ำระส่าย เพราะด้วยประสิทธิภาพเทียบกับราคาที่ได้คุ้มมากๆ ซึ่งก็แบ่งออกเป็น 3 รุ่นได้แก่ Ryzen 3, Ryzen 5 และ Ryzen 7 เรียงความแรงจากน้อยไปมาก โดยตระกูล Ryzen ก็แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือรหัส U และ H ยกตัวอย่างเช่น Ryzen 7 3750H, Ryzen 7 3700U เป็นต้น โดยตัว U จะเป็นรุ่นประหยัดพลังงาน ตัว H จะเป็นรุ่นประสิทธิภาพสูง (เหมือนกับ Intel)

  • Ryzen 3 ปกติแล้วจะอยู่ในโน้ตบุ๊คหมื่นกลางๆ มีเฉพาะรหัส U และเป็นแบบ 2 Core/4 Thread เช่นรุ่น Ryzen 3 3200U, Ryzen 3 2200U เป็นต้น ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Intel Core i3
  • Ryzen 5 รุ่นยอดนิยมไม้เด็ดของ AMD มีทั้งรหัส U และ H เป็นแบบ 4 Core/8 Thread ประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับราคาแล้วคุ้มมาก จะอยู่ในช่วงราคา หมื่นปลายๆ จนถึงสองหมื่นกลางๆ เช่น Ryzen 5 3500U, Ryzen 5 3550H ประสิทธิภาพมากกว่า Core i3 แต่ต่ำกว่า Core i5 ในรุ่น Gen ปีเดียวกัน
  • Ryzen 7 รุ่นท็อปค่ายแดงประสิทธิภาพสูง มีทั้งรหัส U และ H เป็นแบบ 4 Core/8 Thread เช่น Ryzen 7 3750H, Ryzen 7 3700U เป็นต้น โดยจะแตกต่างกับ Ryzen 5 ตรงที่สปีดสูงกว่าและใช้การ์ดจอออนบอร์ดดีกว่า  ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Intel Core i5 ในรุ่นปีเดียวกัน

**ความหมายของตัวเลข CPU AMD เหมือนกับ Intel และ Ryzen 5 3550H ก็แรงกว่า Ryzen 7 3700U เช่นเดียวกัน

คำแนะนำ

  • เวลาจะซื้อโน้ตบุ๊คต้องตั้งโจทย์ก่อนว่าเราต้องการโน้ตบุ๊คมาทำอะไร ถ้าเอามาเล่นเกม ทำงานตัดต่อ ใช้สเปคหนักๆ ยังไงก็ต้องไป CPU ที่มีรหัส H เท่านั้น และถ้าต้องการโน้ตบุ๊คน้ำหนักเบา เน้นพกพาบ่อยๆ แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานก็ต้องไปใช้รหัส U
  • ส่วนรุ่นอื่นๆ อย่าง Intel Pentium หรือ Ryzen 3 เหมาะกับคนที่ใช้งานเบาๆ เท่านั้น เช่น ใช้ทำงานเอกสาร ดูหนังฟังเพลง แต่งรูปนิดหน่อย และมีงบแค่หมื่นต้นๆ
  • CPU Intel กับ AMD ในโน้ตบุ๊คตอนนี้เทียบกันยังไง ใครแรงกว่ากัน ก็บอกกันตามตรงว่าตอนนี้ Intel ยังไงก็แรงกว่าถ้าเทียบกันแบบรุ่นต่อรุ่น เช่น Core i7-9750H วัดกับ Ryzen 7 3750H หรือ Core i5-9300H วัดกับ Ryzen 5 3550H ยังไง intel i5, i7 ก็แรงกว่า Ryzen 5, 7 เสมอ แต่ Intel ก็ร้อนกว่า กินไฟมากกว่า และก็แพงกว่าเช่นเดียวกัน (**ปล. Core i5-9300H แรงกว่า Ryzen 7 3750H นิดหน่อย)

สามารถดู Rank Score CPU โน้ตบุ๊คได้ >> ที่นี่ <<

การ์ดจอ (GPU)

 

GPU ย่อมาจาก Graphics Processing unit ไว้สำหรับเป็นหน่วยประมวลผลด้านกราฟิก 3 มิติ หรืออย่างที่คนเข้าใจกันคือเอาไว้ใช้เล่นเกม ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักได้แก่

การ์ดจอออนบอร์ด

คือ การ์ดจอที่อยู่ใน CPU ประสิทธิภาพของการ์ดจออนบอร์ดจะไม่สูงนัก เพียงพอต่อการใช้พื้นฐาน จำพวกดูหนัง ฟังเพลง แต่งรูป หรือเล่นเกมเบาๆ โดยการ์ดจอออนบอร์ดก็จะแบ่งเป็น 2 ประเภท ตามยี่ห้อซีพียูเลยคือ

1. Intel ชื่อของการ์ดจอออนบอร์ดจะเป็นตระกูล HD และ UHD เช่น Intel UHD Graphics 620, Intel HD Graphics 530 เป็นต้น ประสิทธิภาพ UHD จะดีกว่าตัว HD ธรรมดาพอสมควร

2. AMD จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ Radeon R ที่จะอยู่ในตระกูลซีพียู A, FX Series และ Radeon RX VEGA ที่จะอยู่ในตระกูลโน้ตบุ๊คซีพียู Ryzen และแน่นอนว่า RX VEGA ยังไงก็แรงกว่าตัว R ธรรมดาแน่นอน

การ์ดจอแยก

คือ ชิปประมวลผลที่แยกออกมาจาก CPU โดยมีหน้าที่ประมวลผลด้านกราฟิกโดยเฉพาะ ทำให้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าการ์ดจอออนบอร์ดมากเลยทีเดียว สามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 แบรนด์คือ

1. NVIDIA การ์ดจอฝั่งค่ายเขียว ผู้เป็นเจ้าตลาดในตอนนี้ มีหลายรุ่นหลายแบบ หลายราคามาก ตามการใช้งานแต่ละประเภท โดยหลักๆ แบ่งออก 3 ตระกูลคือ ตระกูล MX Series (MX150, MX250) ที่ใช้สำหรับโน้ตบุ๊คประหยัดพลังงาน, GTX RTX Series (GTX 1050, RTX 2060)ที่ใช้สำหรับเกมมิ่งโน้ตบุ๊คหรือโน้ตบุ๊คประสิทธิภาพสูง และ Quadro Series (Quadro P6000, Quadro P3000) ที่ใช้สำหรับโน้ตบุ๊ค Workstation ทำงานออกแบบด้านกราฟิกโดยเฉพาะซึ่งจะมีราคาค่อนข้างสูงและไม่มีขายตามหน้าร้านทั่วไป

  • MX Series ปัจจุบันรุ่นล่าสุดที่ใช้คือ MX250 ประสิทธิภาพสูงพอสมควร เล่นเกมอย่าง PUBG ความละเอียด Full HD ปรับ Low ได้ในระดับหนึ่ง รุ่นที่แนะนำเลยคือ MX250, MX150 โดยจะอยู่ในช่วงโน้ตบุ๊คราคาหมื่นปลายๆ ไปจนถึงสามหมื่นบาท
  • GTX RTX Series รุ่นล่าสุดคือ RTX 2080 โดยคำว่า RTX จะหมายถึงรองรับการเล่นเกมแบบเปิด Ray Tracing ซึ่งปัจจุบันมีแค่ไม่กี่เกม สำหรับใครที่อยากจะซื้อโน้ตบุ๊คมาเล่นเกมแนะนำตัวที่ใช้ GTX 1060 ขึ้นไปจะดีมาก เล่น PUBG ความละเอียด Full HD ปรับ High สบายๆ ซึ่งจะอยู่ในโน้ตบุ๊คในช่วงราคาสองหมื่นกลางๆ ขึ้นไป
  • Quadro Series เป็นการด์จอสำหรับงานออกแบบ เขียนแบบโมเดล 2D 3D เฉพาะทางสุดๆ ไม่ควรซื้อมาใช้เพื่อเล่นเกม มักจะอยู่ในโน้ตบุ๊คราคาห้าหมื่นบาทขึ้นไป

**สำหรับคนที่เน้นใช้งานตัดต่อ Render ไฟล์วิดีโอทั่วไปแนะนำใช้แค่ MX, GTX RTX Series ก็พอ

ความหมายของตัวเลขการ์ดจอ NVIDIA

ยกตัวอย่าง GTX 1080Ti

  • GTX คือซีรีส์สำหรับเล่นเกม (GTX กับ RTX จะต่างตรงที่ RTX คือซีรีย์ล่าสุดรองรับ Ray Tracing และประสิทธิภาพเหนือกว่า)
  • เลข 10 คือ Gen ของ GPU ซึ่งก็คือ Gen 10 ใช้สถาปัตยกรรม PASCAL (ปัจจุบันตัวล่าสุดคือ RTX 2080Ti)
  • เลข 80 คือ เลข SKU ของรุ่นนั้นๆ ยิ่งเลขเยอะยิ่งแรง ตัวท็อปก็คือเลข 80
  • Ti หมายถึงรุ่นท็อปของ SKU เลขนั้น แน่นอนว่า GTX 1080Ti ย่อมแรงกว่า GTX 1080

**ถ้าหากการ์ดจอรุ่นนั้นมี Max-Q ต่อท้าย เช่น GTX 1080 Max-Q จะเป็นรุ่นประหยัดพลังงาน เรียงตามลำดับความแรงจะเป็น GTX 1080 Max-Q -> GTX 1080 -> GTX 1080Ti ครับ

2. AMD การ์ดจอฝั่งค่ายแดง ซึ่งตอนนี้ในตลาดมีน้อยรุ่นมาก หลักๆ จะแบ่งเป็น 2 ตระกูลคือ Radeon กับ Radeon RX ยกตัวอย่างเช่น AMD Radeon 530, AMD Radeon RX560X เป็นต้น

  • Radeon จะเป็นการ์ดจอรุ่นรองมักจะอยู่ในโน้ตบุ๊คที่ใช้ CPU ประหยัดพลังงาน ประสิทธิภาพใกล้เคียง NVIDIA MX Series แต่ต่ำกว่า ถ้าเลือกได้แนะนำหาตัวที่ใช้ MX Series ดีกว่าครับ
  • Radeon RX ในตลาดที่ใช้อยู่ตอนนี้มีอยู่แค่ไม่กี่ตัว ซึ่งก็คือ RX560X ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GTX 1050 จะอยู่ในโน้ตบุ๊คตั้งแต่หมื่นกลางๆ ไปจนถึงสองหมื่นนิดๆ

คำแนะนำ

  • การ์ดจอแยกจำเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ตั้งใจจะซื้อโน้ตบุ๊คมาเพื่อเล่นเกม ซึ่งประสิทธิภาพการเล่นเกมตัว GPU มีผลมากกว่า CPU ยกตัวอย่างเช่นมี โน้ตบุ๊ค 2 เครื่อง สเปค i7-9750H + GTX 1650 กับ i5-9300H + GTX 1660Ti จะเลือกตัวไหนดีมาเล่นเกมดีกว่ากัน คำตอบคือควรเลือกโน้ตบุ๊ค i5-9300H + GTX 1660Ti เพราะสเปคนี้มีการ์ดจอประสิทธิภาพแรงกว่านั่นเองครับ

สามารถดู Rank Score GPU ได้ >> ที่นี่ <<

สำหรับใครที่คิดไม่ออกว่าจะซื้อโน้ตบุ๊ครุ่นไหนดีทีมงานก็มีบทความสรุปมาให้อ่านกันครับ