ในอดีตการพูดคุยกันผ่านตัวอักษรมีข้อจำกัดตรงที่ผู้สนทนาจะไม่สามารถรับรู้อารมณ์ของอีกฝ่ายได้ จึงมีคนคิดค้นสิ่งที่เรียกว่า “อีโมติคอน” ขึ้นมา เพื่อเป็นการแสดงถึงอารมณ์ผ่านสัญลักษณ์ต่าง ๆ จากนั้นมันก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามักจะมีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์อย่างประเทศญี่ปุ่น ก็มีอีโมติคอนในแบบฉบับของตัวเองที่ไม่ซ้ำใครเช่นกัน แถมมีชื่อเฉพาะตัวด้วยว่า “คาโอโมจิ” ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า เราสามารถเรียกใช้งานผ่าน Gboard ที่เป็นแอปคีย์บอร์ดสามัญประจำ Android ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องมานั่งพิมพ์เองด้วยนะ

Kaomoji ยังได้รับความนิยมอยู่

แม้ว่า ทุกวันนี้อีโมติคอนที่เป็นการสื่ออารมณ์ผ่านสัญลักษณ์จะมีความนิยมน้อยลง เนื่องจากการเข้ามาแทนที่ของ “อิโมจิ” และ “สติกเกอร์” ซึ่งเป็นการสื่อสารผ่านรูปภาพ ที่บ่งบอกถึงอารมณ์ ความรู้สึก รวมทั้งอากัปกิริยาได้ชัดเจนกว่า อีกทั้งยังแสดงผลได้หลากหลายกว่า ไม่ว่าจะเป็น สัตว์ ของกิน วัตถุ ยานพาหนะ และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ถึงกระนั้น ในประเทศญี่ปุ่นที่เป็นต้นกำเนิดของทั้งคาโอโมจิและอิโมจิก็ยังนิยมการสื่ออารมณ์ผ่านสัญลักษณ์อยู่


อิโมจิและสติกเกอร์ได้เข้ามาแทนที่อีโมติคอน

ความพิเศษของ Kaomoji

ตามที่กล่าวไว้ด้านบนว่า ประเทศญี่ปุ่นมักจะมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง จนหลายคนมักจะพูดอยู่บ่อย ๆ ว่า “สมกับเป็นญี่ปุ่นจริง ๆ” หรือ “นี่มันญี่ปุ๊น ~ ญี่ปุ่น” ขนาดอีโมติคอนเองก็ยังมีแบบเฉพาะของตัวเอง โดยสิ่งที่แตกต่างกันระหว่างอีโมติคอนและคาโอโมจิคือ อีโมติคอนจะเน้นไปที่การสื่ออารมณ์ผ่านทาง “ปาก” และจะอยู่ในลักษณะแนวนอนเป็นส่วนใหญ่ เช่น : ) หรือ : P


อีโมติคอนเน้นสื่ออารมณ์ผ่านท่าทางของปาก

ในขณะที่คาโอโมจินั้นแต่เดิมจะเน้นไปที่การสื่ออารมณ์ผ่านทาง “ดวงตา” เช่น (U_U) หรือ (~_~) ก่อนที่จะมีการนำเอาอักขระพิเศษมาเสริมทั้งปากและแขน ไปจนถึงวัตถุอื่น ๆ ประกอบ เพื่อช่วยเพิ่มอรรถรสและสื่ออารมณ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น ٩(ˊᗜˋ*)و (เย้ ~) หรือ (╯‵□′)╯︵┻┻ (ทุ่มด้วยโพเดียม !) เป็นต้น และล่าสุดมันได้พัฒนาจนถึงขั้นสุดยอด มีการผสมผสานกันระหว่างทั้งคาโอโมจิและอิโมจิ เพิ่มความอลังการไปอีกระดับ เช่น ( っ’-‘)╮ =͟͟͞͞🏉⊂(゚Θ゚ ⊂) (รักบี้) หรือแม้กระทั่ง 🥤(゚Д゚)ウマー (ชาไข่มุกอร่อยจัง ~) ก็มี

แต่ในทางกลับกัน ด้วยความพิเศษของมันก็ทำให้ไม่ได้รับความนิยมในประเทศอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วจะประกอบด้วยอักขระพิเศษที่ไม่มีอยู่บนคีย์บอร์ดของประเทศอื่น ๆ นั่นเองครับ


คาโอโมจิเน้นสื่ออารมณ์ผ่านทางดวงตาและดูอลังการกว่า

วิธีเรียกใช้งาน Kaomoji บน Gboard

ที่ผ่านมาการเรียกใช้งานคาโอโมจิผ่านแอป Gboard จะถูกจำกัดเอาไว้เฉพาะคีย์บอร์ดภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ในตอนนี้ Google ได้เปิดฟีเจอร์นี้ให้คีย์บอร์ดทุกภาษาสามารถเรียกใช้งานคาโอโมจิได้แล้ว วิธีการก็ง่าย ๆ ตามนี้เลย

  • เปิดหน้าต่างอิโมจิขึ้นมาตามปรกติ โดยการกด “,” ที่อยู่ด้านซ้ายของ space bar ค้างเอาไว้
  • เลือกไปที่เมนู “:-)” ที่อยู่ทางขวาสุด

เพียงแค่นี้เราก็จะพบกับคาโอโมจิแบบสำเร็จรูปมากมาย ไม่ต้องมานั่งพิมพ์เอง แถม Gboard ยังแบ่งหมวดหมู่ของอารมณ์เอาไว้ให้เสร็จสรรพอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ยิ้ม รัก กอด เบ่งกล้าม ยักไหล่ คว่ำโต๊ะ ฯลฯ

กด  “,” ค้าง → กด “:-)”

ที่มาของชื่อ Emoticon, Emoji และ Kaomoji

หากเราเขียนคำว่า emoticon และ emoji ด้วยอักษรโรมัน มันอาจจะดูคล้ายกันจนหลายคนคิดว่า สองคำนี้มาจากภาษาเดียวกัน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้นเลย เพราะ emoticon มาจากคำว่า emotion icon ในภาษาอังกฤษ ในขณะที่คำว่า emoji นั้นมาจากคำว่า (เอะ) = ภาพ + 文字 (โมจิ) = ตัวหนังสือ ในภาษาญี่ปุ่น รวมเป็น “เอโมจิ” และเมื่อมันถูกเผยแพร่สู่สากลก็ได้ถูกออกเสียงเพี้ยนไปเป็น “อิโมจิ” ในเวลาต่อมา และที่ทั้งคำว่า อีโมติคอนและอีโมจิมันดูคล้ายกันเพราะความบังเอิญล้วน ๆ ส่วนคำว่า คาโอโมจิ (kaomoji) ก็มาจากภาษาญี่ปุ่นเช่นกัน คือ (คาโอะ) = หน้า + 文字 (โมจิ) ตัวหนังสือ

Kaomoji ยอดฮิตในประเทศไทย

ทาง Simeji แอปคีย์บอร์ดภาษาญี่ปุ่นได้เผยถึงผลสำรวจความนิยมคาโอโมจิที่ได้รับความนิยมจากแต่ละประเทศในปี 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย ปรากฏว่า คาโอโมจิที่ได้รับความนิยมของประเทศเราคือ ♡′•ᴗ•‵♡ (ยิ้ม + หัวใจ), ಥ_ಥ (ล้องห้าย ~) และ ¯_(ツ)_/¯ (ตูไม่แคร์) ตามลำดับ

คาโอโมจิยอดฮิตประจำปี 2019 ของแต่ละประเทศ

แค่ใส่ Kaomoji ลงไปบนแพ็กเกจก็ทำให้สินค้าขายดี

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีไวรัลน่ารัก ๆ เกี่ยวกับคาโมจิเกิดขึ้น หลังจากที่มีผู้ใช้ Twitter ชื่อ そーき@爪楊枝P (@souki_e) ได้ทวีตว่า เค้าได้ไปซื้อไข่ไก่มาแพ็กนึงที่ไปเจอเข้าที่ซูเปอร์มาร์เก็ตโดยบังเอิญ เนื่องจากทนแรงกระตุ้นจากความน่ารักของคาโมจิ (´・ω・`) ที่แปะอยู่บนกล่องไม่ไหว (555) หลังจากทวีตนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มันก็กลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มันขายดีจนทางผู้ผลิตถึงกับต้องออกแพ็กเกจใหม่เพิ่มเป็นคาโมจิ (・∀・) เลยทีเดียว (ก็มันน่ารักหนิ ใครจะอดใจไหว) แถมคนที่ซื้อไปยังบอกอีกด้วยนะว่า นอกจากแพ็กเกจจะน่ารักแล้ว รสชาติก็อร่อยไม่เบาเลย ซึ่งไข่ไก่คาโอโมจิสุดน่ารักนี้ก็สามารถหาซื้อได้ที่ Max Value ในจังหวัดคาโกชิมะ ใครไปญี่ปุ่นแล้วสนใจก็แวะไปซื้อกันได้ครับ

หากอ่านมาถึงตรงนี้ก็คงจะเห็นได้ว่า ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยใช่มั้ยล่ะครับ ที่คาโมจิยังได้รับความนิยมอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เพราะมันทั้งน่ารัก สื่ออารมณ์ได้ดี มีเสน่ห์ในแบบฉบับของตัวเอง อีกทั้งยังให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากพวกอีโมติคอนและสติกเกอร์อีกด้วย ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนมีแอปคีย์บอร์ดตัวอื่นที่สามารถเรียกใช้คาโอโมจิได้ หรือมีประสบการณ์อะไรเกี่ยวกับคาโอโมจิน่ารัก ๆ อยากจะแบ่งปัน ก็เข้ามาคอมเมนต์กันได้นะครับ ♡(˃͈ દ ˂͈ ༶ )

อ้างอิง : Wikipedia (1, 2) | Simeji | そーき@爪楊枝P (@souki_e) | BIGLOBE