สำหรับผู้อ่านที่หลาย ๆ วันมานี้ได้ตามข่าวสารกันอยู่จะต้องทราบข่าวเกี่ยวกับเรือ Ever Given ที่ขวางคลอง Suez อยู่แน่นอน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงวันอังคารที่ 23 มีนาคม 2564 จากการที่เรือโดนลมพายุทรายปะทะจนเสียการควบคุม ทำให้เรือหันหน้าเข้าหาฝั่งและเกยตื้นหยุดนิ่งเป็นแนวทแยงขวางคลอง Suez ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางขนส่งสินค้าที่สำคัญที่สุดของโลก หลาย ๆ คนจึงตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบให้สมาร์ทโฟน และชิปต่าง ๆ มีราคาที่สูงขึ้นก็ได้
มีส่วนให้ราคาสมาร์ทโฟนแพงขึ้นหรือไม่?
บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล Strategy Analytics ได้ประเมินว่าคลอง Suez นับเป็นสัดส่วนเพียง 5% ของจำนวนการเคลื่อนย้ายสมาร์ทโฟนทั่วโลก โดยชิ้นส่วนในการผลิตสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะถูกขนส่งทางเรือ และทางอากาศเป็นหลัก (เช่นการใช้เครื่องบิน Boeing 747 หนึ่งลำจะสามารถขนมือถือได้ 150,000 เครื่อง จากโรงงานไปหาคลังสินค้าได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง) เพราะฉะนั้นการที่เรือ Ever Given ขวางคลองคราวนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดสมาร์ทโฟน แต่จะเป็นเรื่องของราคาน้ำมันดิบที่อาจพุ่งสูงขึ้นและส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ให้กับตลาดมือถือมากกว่า
รูปเรือ Ever Given เกยฝั่ง (ขอบคุณรูปภาพจาก BBC)
ส่วนสาเหตุที่ส่งผลกระทบมาที่ตลาดมือถือ ก็เนื่องจากเรือส่วนใหญ่ที่ผ่านคลอง Suez เป็นเรือขนส่งน้ำมันดิบ เพราะฉะนั้นความล่าช้าที่เกิดจากการขวางทางของเรือ Ever Given จะไปส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น นำไปสู่ค่าใช้จ่ายเรื่องรถบรรทุกขนส่งสินค้าที่สูงขึ้น โรงงานที่ใช้งานเครื่องกำเนิดไฟฟ้าก็ต้องรับมือค่าใช้จ่ายหนักขึ้นอีกด้วย และโรงงานพลาสติกที่ใช้นำมันเป็นวัตถุดิบหลักก็ไม่สามารถผลิตพลาสติกได้ทันเวลาอีกต่างหาก
เหตุการณ์นี้จะส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจ Semiconductor หรือไม่?
ปัญหา Supplychain ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มีผลพวงมากจากหลาย ๆ เหตุการณ์รวมกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโรคระบาด COVID-19 ที่เพิ่มอุปสงค์ และความต้องการอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์สำหรับใช้งานในบ้านทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น PC, แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน ไปจนถึงเรื่องภัยหนาวจากพายุหิมะในเท็กซัสที่ทำให้โรงงานพลาสติกหลายแห่งต้องเป็นอัมพาตส่งผลโดยตรงต่อการผลิตชิป และล่าสุดก็โดนเรื่องเรือ Ever Given มาซ้ำเข้าไปอีกรอบ
นอกจากนี้ผู้ผลิตรถยนต์หลัก ๆ หลายราย เช่น General Motors, Toyota Motor, Honda Motor ได้ออกมาประกาศ ลดการผลิต และหยุดการทำงานโรงงานชั่วคราวเนื่องจากขาดแคลนชิป และปิโตรเคมี ที่จำเป็นต่อการผลิตรถยนต์
และจากข้อมูลอีกแหล่งบอกว่าฝั่งผู้ผลิตเครื่องมืออิเล็คทรอนิกส์ตอนนี้กำลังประสบปัญหาการขาดแคลน Semiconductor (ชิป) และพลาสติก ยกตัวอย่าง Samsung ที่ออกมาให้ข้อมูลว่าปัญหาการขาดแคลนชิปตอนนี้ จะส่งผลเสียโดยตรงให้กับบริษัทในช่วงไตรมาสต่อไปอีกด้วย
จากนี้จะเป็นอย่างไรต่อ?
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ให้ข้อมูลว่าผลกระทบในครั้งนี้จะ ส่งผลในรูปแบบของความล่าช้า และราคาสินค้าที่สูงขึ้น แต่สำหรับระยะยาวอาจจะไม่ได้มีผลกระทบที่ร้ายแรงมากขนาดนั้น โดย Ian Shepherdson หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Pantheon Macroeconomics ได้ให้ความเห็นว่าเหตุการณ์คลอง Suez เป็นเพียงการหยุดชะงักชั่วคราว ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงสุดก็จะเป็นเรือที่กำลังต่อแถวรอใช้เส้นทางดังกล่าว และเรือ Ever Given ที่ติดอยู่เท่านั้น เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่ไปส่งผลในระดับใหญ่ให้กับประเทศไหนเป็นพิเศษแน่นอน
ภาพมุมสูงของเรือ Ever Given ที่ขวางคลอง Suez (ขอบคุณภาพจาก AP)
สรุป : เหตุการณ์เรือ Ever Given ขวางคลอง Suez ส่งผลต่อวงการสมาร์ทโฟนและชิป น้อยมาก
สรุปแล้วเหตุการณ์เรือ Ever Given ขวางคลอง Suez ในครั้งนี้ ส่งผลกระทบกับวงการสมาร์ทโฟน และ Semiconductor น้อยมาก ๆ จนแทบไม่มีส่วนที่จะทำให้มือถือแพงขึ้นกว่าเดิม หรือทำให้ชิปขาดแคลนเลยนั่นเองครับ (ขาดแคลนเพราะเหตุผลอื่น) โดยล่าสุดเรือ Ever Given ถูกลากออกจากฝั่ง และย้ายไปอยู่ในทิศทางเดินเรือปกติได้ถึง 80% แล้ว คาดว่าการเดินทางในคลอง Suez จะกลับมาเป็นปกติได้ในไม่นานนี้ครับ
Source: StrategyAnalytics Via GizmoChina, WallStreetJournal (Paywall), BBC, DailyMail, รูปภาพจาก Associated Press, CNBC
Comment