HUAWEI FreeBuds Pro 3 หูฟังไร้สาย TWS ซีรีส์เรือธงของหัวเว่ย เดินทางมาถึงเจเนอเรชันที่ 3 แล้ว แม้ดูเผิน ๆ หน้าตาอาจยังคล้ายเดิม แต่แท้จริงแล้วมีการพัฒนาที่น่าสนใจหลายส่วน เหมือนเป็นการนำ HUAWEI FreeBuds Pro 2 มาปรับปรุงให้สมบูรณ์แบบกว่าที่เคย พร้อมต่อยอดจุดเด่นเดิมที่ทำได้ดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ทั้งในแง่ของระบบตัดเสียงรบกวน คุณภาพลำโพง และประสิทธิภาพไมโครโฟน ด้วยเทคโนโลยี Intelligent Dynamic ANC 3.0 ที่ไปอัปเกรดมาใหม่
เคสเล็กลง ดีไซน์เรียบร้อยขึ้น
ตอนที่ HUAWEI FreeBuds Pro 2 เปิดตัวออกมา ขนาดโดยรวมของมันเล็กลงกว่ารุ่นแรกเล็กน้อย เรื่องนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของผู้ผลิต เพราะต้องยัดองค์ประกอบต่าง ๆ เข้าไปในพื้นที่ที่มีจำกัดจำเขี่ย แต่หัวเว่ยก็สามารถทำได้ โดย HUAWEI FreeBuds Pro 3 มีขนาดเล็กลงประมาณ 4.5%
จุดที่เปลี่ยนแปลงอย่างอื่นคือ กระจกด้านหลังที่เป็นที่อยู่ของโลโก้หัวเว่ย ได้ถูกออกแบบใหม่ให้เป็นชิ้นเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีรอยต่อของบานพับที่ดูไม่เรียบร้อยเหมือนแต่ก่อนแล้ว พร้อมเปลี่ยนวัสดุใหม่ให้ทนทานต่อการสึกหรอกว่าเดิม ในขณะที่บานพับก็ได้รับการปรับปรุงให้มีแรงต้านขณะเปิดและปิดฝาเท่ากันตลอดทั้งบาน ไม่รู้สึกถึงความง่อนแง่นไม่มั่นคงอีกต่อไป
นอกจากนี้ หากสังเกตดี ๆ จะเห็นได้ว่าพื้นที่หน้าตัดของเคสเมื่อเปิดฝา มีการออกแบบใหม่ให้เป็นสโลปไล่ระดับลงมา ซึ่งหัวเว่ยเล่าให้ฟังว่าดีไซน์ใหม่นี้ ช่วยให้หยิบหูฟัง HUAWEI FreeBuds Pro 3 ออกมาจากเคสง่ายขึ้น ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นจริง ทดลองใช้งานแล้วบอกได้เลยว่าแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับ HUAWEI FreeBuds Pro 2 รวมถึงหูฟังไร้สายแบบมีก้านรุ่นอื่น ๆ ในตลาดที่มักพบปัญหาเดียวกัน
หูฟังเบาลง มีจุกไซซ์ XS ให้เลือก
หูฟัง HUAWEI FreeBuds Pro 3 มีน้ำหนักเบาลงราว 5% เหลือข้างละประมาณ 5.8 กรัม มาพร้อมจุกซิลิโคนเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ จุกขนาดเล็กพิเศษ ไซซ์ XS เมื่อรวมกับจุกไซซ์ S, M และ L แล้ว เท่ากับว่า HUAWEI FreeBuds Pro 3 มีจุกมาให้ 4 ขนาด ช่วยเพิ่มความครอบคลุมสรีระรูหูมากขึ้น
เพิ่มรอยบากที่ก้าน คลำหาเซนเซอร์ง่ายกว่าเดิม
HUAWEI FreeBuds Pro 3 เป็นหูฟังไร้สายแบบมีก้านที่รองรับการควบคุมด้วยการบีบและการสัมผัส ซึ่งในรุ่นก่อนดีไซน์บริเวณก้านจะมีลักษณะเรียบ ๆ ทั้งชิ้น ทำให้คนที่ยังไม่คุ้นชินกับหูฟัง อาจมีปัญหาคลำหาเซนเซอร์รับสัมผัสไม่เจอ กดติดบ้างไม่ติดบ้าง
หัวเว่ยไปทำการบ้านข้อนี้มาแล้ว และแก้ปัญหาโดยการเพิ่มรอยบากและเท็กซ์เจอร์เข้าไปที่ก้านหูฟัง HUAWEI FreeBuds Pro 3 คราวนี้จับไปปุ๊บ รู้ได้ทันที เซนเซอร์อยู่ตรงไหน กดได้ไม่มีพลาด
ส่วนวิธีการควบคุม HUAWEI FreeBuds Pro 3 เป็นการอ้างอิงจากของเดิมทั้งหมด ใครที่เคยใช้รุ่นก่อนหน้านี้มาก็ไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย ดังนี้
- บีบแล้วปล่อย – เล่นเพลง / หยุดเพลง / ข้ามเพลง
- บีบค้าง – เปิด ANC / เปิด Awareness / ปิดทุกโหมด
- เลื่อนขึ้นลง – ปรับระดับเสียง
จุดที่ประทับใจในด้านการควบคุมคือ ฟีเจอร์ปรับระดับเสียงโดยการเลื่อนนิ้วขึ้นลง เพราะหูฟังไร้สายขนาดเล็กส่วนใหญ่ในตลาด ไม่ค่อยรองรับการควบคุมลักษณะนี้ หรือถ้ามีก็อาจใช้งานจริงไม่สะดวกนัก ในขณะที่ HUAWEI FreeBuds Pro 3 ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย
รวมพลัง ANC กับ AI กลายเป็น Intelligent Dynamic ANC 3.0
หัวเว่ยอัปเกรดระบบตัดเสียงรบกวนของ HUAWEI FreeBuds Pro 3 ใหม่ จากเดิมใช้ชื่อ Dynamic ANC เฉย ๆ แต่พอรอบนี้มีการนำ AI มาประยุกต์ใช้งาน ทำให้เปลี่ยนชื่อเรียกใหม่เป็น Intelligent Dynamic ANC 3.0 โดยสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาคือ โหมดตัดเสียงรบกวนแบบ
- Dynamic เมื่อรวมกับของเก่าจะมีให้เลือกปรับได้ทั้งหมด 4 โหมด
- Dynamic – ตัดเสียงรบกวนอัตโนมัติ ตามสภาพเสียงแวดล้อมแบบเรียลไทม์
- Cozy – ตัดเสียงรบกวนระดับเบา
- General – ตัดเสียงรบกวนระดับปานกลาง
- Ultra – ตัดเสียงรบกวนระดับสูง
หัวเว่ยบอกด้วยว่าคุณภาพของไมโครโฟนและอัลกอริทึมตัดเสียงรบกวนเองก็มีการปรับปรุงด้วยเช่นกัน แม้ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดมากนัก แต่ที่สังเกตความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนคือ การตัดเสียงลม ทำได้ดีกว่าเดิมพอสมควร โดยเฉพาะเสียง ‘ซ่า ๆ…’ จากแรงปะทะของลมนั้นหายไปเยอะมาก
ไดรเวอร์คู่ ความถี่กว้าง รองรับ Hi-Res
HUAWEI FreeBuds Pro 3 มาพร้อมไดรเวอร์คู่ ขนาด 11 มม. โดยไดรเวอร์ตัวที่ 1 จะทำหน้าที่ขับเสียงย่านความถี่ต่ำ ในขณะที่ได้เวอร์ตัวที่ 2 จะทำหน้าที่ขับเสียงย่านความถี่กลางไปจนถึงสูง แยกกันอิสระ หน้าที่ใครหน้าที่มัน แล้วใช้เทคโนโลยี Digital Corss-Over เป็นตัวกลางคอยผสานให้ไดรเวอร์ทั้ง 2 ตัว ขับเสียงได้เที่ยงตรง ไม่เหลื่อมล้ำกัน
ข้อดีของไดรเวอร์คู่ โดยทั่วไปแล้วจะให้มิติเสียงและรายละเอียดที่ครบถ้วนกว่าไดรเวอร์แบบฟูลเรนจ์ หากเทียบที่ขนาดเท่า ๆ กัน โดย HUAWEI FreeBuds Pro 3 ตอบสนองความถี่เสียงได้ครอบคลุม 14 Hz – 48 kHz ตามเกณฑ์ Hi-Res และตัวมันก็ผ่านการรับรองมาตรฐาน Hi-Res ทั้ง 2 สาขา ได้แก่ Hi-Res Audio Wireless และ HWA สามารถฟังเพลงระดับ Lossless ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยตัวถอดรหัส LDAC และ L2HC
ไม่มี Devialet แล้ว เสียงยังดีเหมือนเดิมไหม
HUAWEI FreeBuds Pro ทั้งสองรุ่นก่อนหน้านี้ สร้างมาตรฐานไว้สูง และได้รับคำชื่นชมอย่างมากในแง่คุณภาพเสียง พอ HUAWEI FreeBuds Pro 3 ไม่ได้มีการร่วมมือกับ Devialet แล้ว ยอมรับตามตรงว่าตอนแรกก็เป็นกังวลอยู่บ้างว่าเสียงยังดีเหมือนเดิมหรือเปล่า
แต่บทสรุปคือ ไม่มี Devialet ก็ไม่มีปัญหา HUAWEI FreeBuds Pro 3 ยังมาพร้อมเสียงที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพเช่นเดิม
แนวเสียงของ HUAWEI FreeBuds Pro 3 ออกไปทางแฟลต ไม่โดดเด่นไปที่ด้านใดด้านหนึ่งมากเป็นพิเศษ หรือกล่าวอีกทางคือ ไม่ค่อยปรุงแต่ง เสียงร้องและเสียงเบสมีความคมชัด เวทีเสียงไม่กว้างมากนัก ตามธรรมชาติของหูฟังประเภทนี้ เสียงร้องให้ความรู้สึกอยู่ระนาบเดียวกับเสียงเครื่องดนตรี ใช้ฟังเพลงป๊อป คลาสสิก หรืออะคูสติกได้น่าประทับใจ
แม้เสียงที่ปรับจูนมาจากโรงงานหัวเว่ยจะทำได้ดีอยู่แล้ว ฉีกซองพร้อมกินได้ทันที แต่ถ้าอยากได้เสียงเบสเพิ่ม ก็สามารถปรับ EQ เองได้ในแอป AI Life มีให้ดาวน์โหลดทั้งบน Android และ iOS
แบตอึดกว่าเดิมเล็กน้อย ชาร์จอาทิตย์ละครั้งก็พอไหว
หัวเว่ยเคลมว่า HUAWEI FreeBuds Pro 3 ฟังเพลงต่อเนื่องได้ 4.5 ชั่วโมง กรณีเปิด ANC และใช้งานได้สูงสุด 22 ชั่วโมง หากนับรวมกับเคสชาร์จ ถ้าเฉลี่ยว่าฟังวันละประมาณ 3 ชั่วโมง แบตก็จะอยู่ได้ราว 1 อาทิตย์ พอดี
ในการใช้งานจริง ทดสอบด้วยไฟล์ Hi-Res นามสกุล FLAC เปิดเสียงดังกว่าปกติเล็กน้อย พบว่า HUAWEI FreeBuds Pro 3 ใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งแบตก็เริ่มปริ่ม ๆ แล้ว แต่ทั้งนี้ระยะเวลาการใช้งานอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
สรุป HUAWEI FreeBuds Pro 3 ดีไหม น่าซื้อหรือเปล่า
HUAWEI FreeBuds Pro 3 เปิดราคาอย่างเป็นทางการมาที่ 6,990 บาท ระบบตัดเสียงรบกวน คุณภาพลำโพง และประสิทธิภาพไมโครโฟน ต่างทำได้ดี ไม่มีข้อตำหนิอะไรที่เด่นชัด นอกจากนี้ ยังใส่ฟีเจอร์ต่าง ๆ มาให้อย่างครบครัน แม้จะมีจุดสังเกตอยู่บ้าง ตรงที่ไม่รองรังระบบ Fast Pair ของ Google แต่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรนัก โดยรวมแล้ว HUAWEI FreeBuds Pro 3 ถือเป็นหูฟังไร้สาย TWS ที่น่าสนใจมาก ๆ ในช่วงราคาประมาณนี้
HUAWEI FreeBuds Pro 3 เตรียมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ธันวาคม 2023 ที่ HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์
สำหรับการสั่งซื้อระหว่างวันที่ 12 ธันวาคม 2023 ถึง 7 มกราคม 2024 จะได้รับกระเป๋าหูฟัง มูลค่า 599 บาท เป็นของแถมเพิ่มเติม
ดูข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ : HUAWEI
Comment