เป็นเวลาเกือบ ๆ เดือนแล้วที่ HUAWEI FreeBuds 4 หูฟังดีไซน์สวยได้มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ประเทศไทยของเรา ด้วยจุดเด่น จุกหูฟังแบบ EarBuds ใส่สบาย ไม่ระคายเคืองหู มีระบบตัดเสียง Active Noise Cancellation โดยเคาะราคามาแบบกลาง ๆ ที่ 5,999 บาท ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนได้ทดลองใช้งานเจ้าหูฟังรุ่นนี้มาเป็นเวลากว่าหลายสัปดาห์ วันนี้จะมาเขียนเล่าประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านประกอบการตัดสินใจกันครับ

ดีไซน์การออกแบบ

ก่อนจะเข้าเรื่องดีไซน์ เรามาดูของแถมในกล่อง HUAWEI FreeBuds 4 กันก่อนดีกว่า ว่านอกจากตัวหูฟังแล้ว จะมีอะไรข้างในบ้าง ซึ่งตัวกล่องก็มาในขนาดเล็กกระทัดรัด ไม่ใหญ่หรือหนาจนเกินไป ด้านหน้ามีการบรรยายสรรพคุณของหูฟังเอาไว้เล็กน้อย แต่ที่แตะตาที่สุดก็คือ “Studio-grade Sound” หรือคุณภาพเสียงเกรดเดียวกับที่ใช้ในสตูดิโอ 😳

ภายในกล่องไม่มีอะไรมาก ถ้าไม่นับพวกคู่มือ ตัวหูฟัง ก็จะมีแต่สายชาร์จแบบ USB-A to USB-C เท่านั้น ที่แถมมาให้

โดยรอบนี้ HUAWEI ออกแบบตัวหูฟัง FreeBuds 4 มาได้แบบพรีเมียมและใส่สบายเอามาก ๆ รูปทรง EarBuds แม้ว่าจะใส่แล้วไม่แน่นหนาติดหูเหมือน In-Ear แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความสบายแล้ว แบบนี้กินขาด

ที่บอกว่าเบานี่ไม่ได้พูดเล่นหรือตามบรีฟนะ เพราะมันเบาและใส่สบายจริง ๆ หนักข้างละ 4.1 กรัมเท่านั้น คือใส่ไปนาน ๆ แล้วแทบลืมว่าใส่หูฟังอยู่ สบายมาก เหมาะกับคนที่ใส่ In-Ear แล้วปวดหรือเจ็บหู ตัวนี้ตอบโจทย์

ส่วนตัวเคสก็ไม่มีอะไรหวือหวาไปจากปกติ มีไฟ LED บอกสถานะแบตเตอรี่ มีปุ่มเชื่อมต่อ Pair & Connect กดค้างเอาไว้ประมาณ 3 – 4 วินาที จนกว่าตัวเคสจะขึ้นไฟสีเทา ๆ เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใหม่ ขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป ใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์อะไรแบบนี้ได้สบาย

การเชื่อมต่อ

เอาจริง ๆ HUAWEI FreeBuds 4 มันสามารถใช้งานเชื่อมต่อ Bluetooth แบบปกติได้เหมือนหูฟังทั่ว ๆ ไปนะ แต่ถ้าจะอยากควบคุมเปิดฟังก์ชั่นต่าง ๆ ได้มากกว่าเดิม อันนี้แนะนำให้ไปดาวน์โหลดแอป AI Life เพิ่มเติมมา ตรงนี้สามารถเลือกปรับเพิ่ม Bass หรือ Treble ได้ รวมถึงดูปริมาณแบตเตอรี่ทั้งของตัวหูฟังและเคสว่าเหลือเท่าไหร่ ต้องชาร์จแล้วหรือยัง

อีกอย่างที่อยากแนะนำคือให้ไปดาวน์โหลดแอป AI Life บนหน้าเว็บของ HUAWEI โดยตรงเลย จะได้ตัวแอปที่สมบูรณ์และใหม่กว่าตัวที่อยู่บน Play Store ของ Google เพราะ AI Life บน Play Store นั้น ยังไม่มี FreeBuds 4 ให้เลือกเชื่อมต่อ ผมนี่ก็หาอยู่นานมาก ๆ ทำทุกวิถีทาง เท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เลยไปจบที่โหลดจากเว็บ HUAWEI

  • ดาวน์โหลดแอป AI Life บนเว็บ Official ของ HUAWEI (คลิก)

เพิ่ม – ลดเสียงได้โดยการเลื่อนบริเวณก้านหูฟังขึ้นลง 

ระบบตัดเสียง & คุณภาพเสียง

แม้ว่า HUAWEI FreeBuds 4 จะมาในรูปแบบ EarBuds แต่ในแง่ Sound Isolation ก็ทำออกมาได้ค่อนข้างโอเคเลยทีเดียว แต่ข้อแม้คือต้องเปิดระบบตัดเสียง Active Noise Cancellation ไปด้วย ไม่งั้นเสียงเพลงกับเสียงรอบข้างตีกัน ฟังไม่รู้เรื่อง ปวดหัวแน่ ๆ อย่างไรก็ดี แม้จะเปิดระบบตัดเสียง แต่ก็จะยังมีเสียงภายนอกเล็กน้อยเล็ดรอดเข้ามาได้อยู่นะ

สเปค HUAWEI FreeBuds 4

  • ไดร์เวอร์ขนาด 14.3 มม.
  • ระบบตัดเสียง Active Noise Cancellation 2.0
  • มาตรฐานทนน้ำ IPX4
  • Bluetooth 5.2
  • น้ำหนักข้างละ 4.1 กรัม
  • แบตเตอรี่ฟังได้ต่อเนื่อง 4 ชั่วโมง (ปิด ANC) 2 ชั่วโมง (เปิด ANC)

ส่วนตัวเวลานั่งทำงานอยู่ที่บ้าน ก็ชอบใส่หูฟังเอาไว้เฉย ๆ ไม่เปิดเพลง แต่เปิดระบบตัดเสียง ANC เพื่อตัดเสียง White Noise อาทิ เสียงแอร์ เสียงพัดลม แทน คือมันช่วยทำให้มีสมาธิมากกว่าเดิม ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า

แต่ถ้าให้เทียบประสิทธิภาพระบบตัดเสียง ตรงนี้รุ่นน้องอย่าง FreeBuds 4i ทำผลงานได้ดีกว่าหลายเท่าตัวเลยทีเดียว แม้ว่าจะมีราคาค่าตัวที่ถูกกว่าพอสมควร ทั้งนี้ก็คาดว่าน่าจะเป็นเพราะด้วยความที่หูฟังรุ่นนี้เป็นแบบ EarBuds ด้วย ก็เลยซีลรูหูไม่หมดจดเหมือน FreeBuds 4i ที่เป็น In-ear

โดย HUAWEI FreeBuds 4 เป็นอีกหนึ่งหูฟังที่ส่วนตัวรู้สึกว่าสามารถเอาไปฟังเพลงได้แทบทุกแนว ขับเสียงกลาง ต่ำ หรือสูงอะไรออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ได้ โดยภายในแอป AI Life มีตัวเลือกให้ปรับว่าจะเน้น Bass (ต่ำ) หรือ Treble (สูง)

บรรยายเรื่องเสียงอีกสักนิด คือ HUAWEI FreeBuds 4 ใส่ฟังเพลงแล้วไม่รู้สึกอึดอัด หายใจสะดวกมาก ๆ Sound Stage ค่อนข้างกว้างใช้ได้ เมื่อเทียบกับหูฟังไร้สายแบบ Truly Wireless รุ่นอื่น ๆ แต่คุณภาพเสียงก็ถือว่าไม่ได้ดีมากอะไรขนาดนั้น อยู่ในระดับปานกลาง พูดตรง ๆ คือในราคานี้มีตัวที่เสียงดีกว่า เพียงแต่จุดเด่นของ HUAWEI FreeBuds 4 อยู่ที่ความสบายในการสวมใส่นั่นเอง

เมื่อลองเอา HUAWEI FreeBuds 4 ไปใช้ดูคลิปบน YouTube หรือ Netflix ก็ไม่ได้พบเจอปัญหาว่าเกิดอาการดีเลย์ เสียงกับภาพมาไม่ตรงกันแต่อย่างใด ขณะที่การเล่นเกม ทดสอบกับ PUBG ก็ถือว่าโอเค ใช้ได้ เสียงปืนไม่ดีเลย์เช่นเดียวกัน

การใส่ออกกำลังกาย

ด้วยความที่ตัวหูฟังเป็นแบบ EarBuds ทำให้ส่วนตัวไม่ค่อยแนะนำให้ใส่วิ่งหรือการออกกำลังกายหนัก ๆ เพราะเสี่ยงที่จะหลุดเอามาก ๆ ถ้าวิ่งจ๊อกกิ้งเบา ๆ อันนี้อาจจะพอไหวอยู่ แต่ถ้าเป็นการออกกำลังกายแบบ Weight Training อันนี้ใส่ได้สบาย ๆ ไม่มีหลุดครับ ตัวหูฟังรองรับมาตรฐานทนน้ำ IPX4 ใส่ตากฝน เปียกน้ำได้นิดหน่อย

ตัวหูฟังแนบไปกับใบหน้า ไม่เผยอออกมา 

แบตเตอรี่

HUAWEI FreeBuds 4 หากเปิดระบบตัดเสียง ANC ไปด้วย จะฟังได้แค่ราว ๆ 2 ชั่วโมงนิด ๆ เท่านั้น ซึ่งต้องบอกว่าค่อนข้างน้อยไปนิดเมื่อนำไปเทียบกับหูฟังแบรนด์อื่น ๆ ในย่านราคาใกล้เคียงกัน แต่หากใครนั่งฟังเพลงอยู่ห้องเฉย ๆ Work from Home หรือเรียนออนไลน์ ไม่ต้องกรองเสียงภายนอกอะไรขนาดนั้น ปิด ANC ดีกว่า อันนั้นจะฟังได้ 4 – 5 ชั่วโมงเลย

สรุป

หลังจากใช้งานมาเกือบหนึ่งเดือน ต้องบอกว่า HUAWEI FreeBuds 4 เป็นหูฟังที่ใส่สบายเอามาก ๆ ใส่ไว้นาน ๆ ไม่รู้สึกเจ็บหรือปวดหูเลยสักนิด แต่ก็ต้องแลกมาด้วยคุณภาพเสียงที่อาจจะไม่ได้ยืนอยู่บนระดับท็อป ๆ ของตารางหูฟังไร้สายแบบ Truly Wireless โดยส่วนตัวผมพอใจกับประสิทธิภาพของ HUAWEI FreeBuds 4 และถ้าถามว่าจะใช้ต่อเป็นหูฟังเครื่องหลักไหม? คำตอบก็คือ ใช้ครับ ไม่ลังเลเลย