บนเวทีใหญ่ของ Huawei นอกจากจะเป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชุดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน Mate 70 Series, Mate X6, แท็บเล็ต MatePad Pro 13.2 หรือสมาร์ทวอทช์ Watch Ultimate Design บริษัทยังได้เปิดตัว Huawei FreeBuds Pro 4 หูฟัง TWS รุ่นใหม่ล่าสุดที่เป็นหูฟังรุ่นแรกของค่ายที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ HarmonyOS Next และระบบเสียง Huawei Sound ของตนเองแบบเต็มตัว สลัดภาพที่เคยจับมือกับ Devialet ก่อนหน้านี้

เปิดตัว Huawei FreeBuds Pro 4 หูฟังรุ่นแรกที่มาพร้อมระบบ HarmonyOS NEXT และตัดเสียงรบกวนด้วย AI

FreeBuds Pro 4 เปิดตัวภายใต้แบรนด์ Yuezhang มาพร้อมชิป Kirin A2, กำลังการส่งข้อมูล 2.3 Mbps และเสียง lossless ที่ 48kHz/24 บิตด้วย

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมไดรเวอร์คู่แบบพิเศษ super-sensing dual drivers ที่มีไดรเวอร์ไดนามิกแม่เหล็กสี่ตัวขนาด 11 มม. เข้ากับทวีตเตอร์แบบไมโครพลานาร์ เพื่อคุณภาพเสียงที่ดียิ่งขึ้น และรองรับเทคโนโลยีแบ่งความถี่ดิจิทัล, อีควอไลเซอร์แบบไดนามิก, ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ (ANC) และโหมดเสียงโปร่งใสเพื่อการฟังในหลากหลายสถานการณ์

ตัวหูฟังยังมีระบบลดเสียงรบกวนด้วย AI ที่อัปเกรด ช่วยเพิ่มความชัดเจนในการสนทนา เสริมด้วยไมโครโฟนสี่ตัวและไมโครโฟนรับเสียงแบบย้อนกลับ ซึ่งช่วยขจัดเสียงรบกวนในพื้นหลังและจับเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบยังรองรับการตัดเสียงรบกวนการสนทนา 100 เดซิเบลและตัดเสียงลมที่ความเร็วสูงสุด 10 ม./วินาที และสำหรับการฟังเพลง FreeBuds Pro 4 รองรับ Codec ต่าง ๆ เช่น SBC, AAC, L2HC 4.0 (HarmonyOS 4.0 ขึ้นไป) และ LDAC

หูฟังไร้สายรุ่นนี้มาพร้อมระบบปฏิบัติการ HarmonyOS NEXT ที่มีฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น การแปลแบบ face-to-face ระบบเสียงเชิงพื้นที่ ultra-immersive spatial audio ที่สมจริงเป็นพิเศษ และการค้นหาแบบ Star Flash นอกจากนี้ยังกันฝุ่นและน้ำตามมาตรฐาน IP54 ช่วยให้ใช้งานในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา

ด้านงานประกอบหูฟังแต่ละข้างมีน้ำหนัก 5.8 กรัม ส่วนเคสชาร์จมีน้ำหนัก 47 กรัม มีแบตเตอรี่ 55mAh ในแต่ละข้าง รองรับการเล่นเพลงสูงสุด 6.5 ชั่วโมงแบบปิด ANC, และ 4.5 ชั่วโมงแบบเปิด ANC ส่วนเคสชาร์จมีแบต 510mAh ใช้งานได้รวมนานถึง 33 ชั่วโมงโดยปิด ANC หรือ 23 ชั่วโมงเมื่อเปิด ANC

HUAWEI FreeBuds Pro 4 มีจำหน่ายในสี Obsidian Black, Snow White และ Spruce Green ในราคา 1,499 หยวน หรือประมาณ 7,100 บาท โดยเริ่มเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าแล้ว และจะเริ่มจำหน่ายในประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคมเป็นต้นไป

ที่มา gizmochina