จนถึงตอนนี้ทุกคนน่าจะได้ทราบถึงรายละเอียดตัวเครื่องและฟีเจอร์ต่าง ๆ ของทั้ง Mate 40, Mate 40 Pro และ Mate 40 Pro+ ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงหัวค่ำของคืนที่ผ่านมากันไปหมดแล้ว ซึ่ง HUAWEI ได้ประกาศศักดาความเป็นเต้ยในด้านการถ่ายภาพอีกครั้ง โดยการส่ง Mate 40 Pro ขึ้นไปยืนบนบัลลังก์อันดับ 1 ของการทดสอบประสิทธิภาพกล้องจาก DXOMARK โค่นแชมป์เก่า Mi 10 Ultra ลงได้เป็นที่เรียบร้อย

สเปคกล้อง Mate 40 Pro

  • กล้องหลัก : 50MP (ƒ/1.9), ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.28 นิ้ว, ระยะเทียบเท่า 23 มม., Octa PDAF
  • กล้องอัลตร้าไวด์ : 20MP (ƒ/1.8), ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.54 นิ้ว, ระยะเทียบเท่า 18 มม., PDAF
  • กล้องเทเลโฟโต้ : 12MP (ƒ/3.4), ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.56 นิ้ว, ระยะเทียบเท่า 125 มม., PDAF, OIS
  • ไฟแฟลช LED
  • เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิสี
  • ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K 2160p ที่ 60 fps

ผลการทดสอบการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ

แม้ว่า Mate 40 Pro นั้นมาพร้อมกับฮาร์ดแวร์กล้องที่ไม่แตกต่างไปจากสมาร์ทโฟนรุ่นก่อนหน้าจากค่ายเดียวกันอย่าง P40 Pro เท่าไหร่นัก แถมโมดูลหลักยังไม่มีระบบกันสั่นอีกต่างหาก แต่ดูเหมือนวิศวกรและทีมพัฒนากล้องของ HUAWEI จะทำการบ้านมาอย่างหนักหน่วงในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา จนสามารถผลักดันให้ Mate 40 Pro ทำคะแนนรวมไปได้ทั้งสิ้น 136 คะแนน แบ่งเป็น ภาพนิ่ง 140 แต้ม ซูม 88 แต้ม และวิดีโอ 116 แต้ม ขึ้นไปยืนบนอันดับ 1 ได้อย่างสง่าผ่าเผย ทำลายสถิติทั้งคะแนนรวมและคะแนนย่อย ยกเว้นในหัวข้อการซูมเพียงเรื่องเดียว

ไดนามิกเรนจ์กว้างสุดพลัง

ในสภาพแสงปรกติสมาร์ทโฟนส่วนมากล้วนจัดการเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนทั้งส่วนมืดและส่วนสว่าง แต่มักจะมีปัญหาทันทีหากถ่ายในสภาวะแสงน้อย ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาสำหรับ Mate 40 Pro เลยแม้แต่น้อย เพราะมือถือรุ่นนี้มีไดนามิกเรนจ์ที่กว้างมากเสียจน DXOMARK ขนานนามว่า “ไดนามิกเรนจ์มอนสเตอร์” เลยทีเดียว สภาพแสงแย่แค่ไหนก็จัดการได้อยู่หมัด


Mate 40 Pro มีไดนามิกเรนจ์กว้างมาก ส่วนเงาหน้าโต๊ะที่แทบไม่มีแสงสว่างก็เก็บรายละเอียดได้เกือบทั้งหมด

ภาพคมชัด โฟกัสรวดเร็วและแม่นยำ

Mate 40 Pro สามารถเก็บรายละเอียดพื้นผิวของวัตถุต่าง ๆ ในภาพได้อย่างคมชัดในทุกระดับแสงโดยที่ไม่ดึงนอยส์ขึ้นมาสักเท่าไหร่ อีกทั้งระบบออโต้โฟกัสแบบ Octa Phase Detection บนเซ็นเซอร์หลักก็ทำงานได้อย่างฉับไวมาก ๆ แบบแทบไม่มีดีเลย์เลย


การถ่ายในสภาวะแสงกลางแจ้งก็แสดงให้เห็นเช่นกันว่า Mate 40 Pro มีไดนามิกเรนจ์กว้างและให้สีสันที่ดีมาก

ให้โบเก้เหมือนกล้อง DSLR เบลอฉากหลังเนียนมาก

ทาง DXOMARK ให้ความเห็นว่า การถ่ายภาพพอร์เทรตของ Mate 40 Pro นั้นทำผลลัพธ์ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม โบเก้ที่ซอฟต์แวร์เรนเดอร์ขึ้นมาใกล้เคียงกับสิ่งที่ได้จากกล้อง DSLR เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประมวลผลความลึกนั้นสร้างความประทับใจให้ผู้ทดสอบเป็นอย่างมาก Mate 40 Pro สามารถแยกแยะตัวแบบออกจากฉากหลังได้เนียนกริบ ต่อให้เจอฉากหลังที่ซับซ้อนหรือช่องว่างระหว่างเส้นผมที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ก็รับมือไหว


DXOMARK ชมว่า Mate 40 Pro เลือกเบลอฉากหลังได้ฉลาดมาก ๆ ต่อให้เจอโจทย์หิน ๆ แบบภาพด้านบนก็ตาม

มีปื้นสีแปลก ๆ ในภาพบ้าง แต่ไม่ใช่ปัญหาถ้าไม่ซูมเข้าไปดู

จุดสังเกตคือ Mate 40 Pro เกิด artifact ในภาพอยู่บ้าง โดยการถ่ายวัตถุพื้นผิวเรียบจะเกิดปื้นสีแปลก ๆ เล็กน้อย และหากเจอกับวัตถุขนาดเล็กที่มีเส้นตรงขนานและซ้อนกันหลายชั้นจะเรนเดอร์ผิดเพี้ยนจนเส้นเกยกันในลักษณะขั้นบันได อย่างไรก็ตาม หากไม่ซูมดูภาพจนสุดจะไม่มีทางมองเห็นถึงข้อผิดพลาดทางการประมวลผลดังกล่าวเลย จึงอาจไม่ใช่เรื่องที่ต้องซีเรียสขนาดนั้น


เกิด artifact เป็นจุดสีชมพูบริเวณเพดาน แต่ต้องซูมและเพ่งดูแบบสุด ๆ ถึงจะมองเห็น จึงไม่ใช่ปัญหาที่ต้องกังวล

กล้องเทเลโฟกัสไม่ค่อยเข้าเป้า เลยโดนหักคะแนน

เนื่องจากระบบออโต้โฟกัสของกล้องเทเลโฟโต้มักจะทำงานจะวืดวาดอยู่บ่อยครั้ง Mate 40 Pro จึงถูก DXOMARK หักคะแนนไปในส่วนนี้ ถึงแม้จะทำได้ดีในส่วนของรายละเอียดในทุกช่วงระยะซูม จนได้คะแนนในหัวข้อนี้ไปถึง 88 แต้ม แต่ก็ยังเทียบไม่ได้อยู่ดีกับ Mi 10 Ultra ที่มาพร้อมกับกล้องเทเลโฟโต้ถึง 2 ตัว และมีคะแนนสูงถึง 117 แต้ม


กล้องเทเลโฟโต้ให้รายละเอียดที่ดีในทุกช่วงระยะซูม

กล้องอัลตร้าไวด์แคบไปนิด แต่ภาพแจ่มอยู่

กล้องอัลตร้าไวด์เป็นอีกหนึ่งข้อจำกัดใหญ่ ๆ ของ Mate 40 Pro เพราะมันให้มุมมองภาพเพียง 18 มม. ซึ่งถือว่าค่อนข้างแคบหากเทียบกับคู่แข่งส่วนใหญ่ในตลาด ดังนั้นมันอาจสร้างความไม่สะดวกให้แก่ผู้ใช้งานได้ในบางสถานการณ์ แต่เรื่องคุณภาพนั้นสอบผ่านฉลุย


มุมมองของกล้องอัลตร้าไวด์อาจจะแคบไปนิด แต่คุณภาพต้องยกนิ้วโป้งให้

วิดีโอเองก็ทำได้ดีมากเช่นกัน

Mate 40 Pro รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุดในระดับ 4K ที่ 60 fps แต่ในการทดสอบของ DXOMARK จำกัดไว้เพียงแค่ 4K ที่ 30 fps เช่นเดียวกับรุ่นอื่น ๆ โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้สามารถทำคะแนนในหมวดหมู่นี้ไปได้ 116 แต้ม สูงที่สุด ณ ตอนนี้ เพราะทำผลงานออกมาได้น่าพอใจในแทบทุกด้าน ทั้งให้รายละเอียดที่ดี มีนอยส์น้อย สีสันสดใสสวยงาม และไวต์บาลานซ์มีความแม่นยำเชื่อถือได้

นอกจากนี้ การปรับระดับความสว่างของภาพและระบบออโต้โฟกัสเองก็ทำได้อย่างราบรื่นไปตามสภาพแสงโดยรอบและวัตถุเป้าหมาย ไม่กระโชกโฮกฮากจนรู้สึกรำคาญสายตา เมื่อรวมกับระบบกันสั่นสุดเทพ ทำให้ภาพวิดีโอที่ออกมาให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูภาพยนตร์เลย

อย่างไรก็ดี Mate 40 Pro มีเรื่องให้หงุดหงิดเล็กน้อยในหัวข้อนี้ เพราะเมื่อเจอกับสภาพแสงที่มีคอนทราสต์สูงมาก ๆ เช่น การถ่ายย้อนแสง ตัวกล้องจะไม่สามารถเก็บรายละเอียดในส่วนสว่างได้ รวมถึงการเดินถ่ายวิดีโอในสภาวะแสงน้อยระบบกันสั่นจะด้อยประสิทธิภาพลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงอย่างนั้น Mate 40 Pro ทำคะแนนในหัวข้อนี้สูง 116 คะแนน เป็นสถิติใหม่อยู่ดี

Play video

สรุปจุดเด่นและข้อสังเกต

จุดเด่น

  • ไดนามิกเรนจ์กว้างแม้ถ่ายในที่แสงน้อย
  • เก็บรายละเอียดได้ดีมากทั้งในสภาพแสงกลางแจ้งและในร่มโดยที่ยังควบคุมปริมาณของนอยส์เอาไว้ได้
  • ระบบออโต้โฟกัสทำงานรวดเร็วทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ
  • ให้รายละเอียดที่ดีแม้แต่ในการถ่ายแบบซูมด้วยเลนส์เทเลโฟโต้
  • ถึงจะเจอกับฉากหลังที่ซับซ้อนก็สามารถจำลองความลึกออกมาได้สมจริง
  • ไดนามิกเรนจ์กว้างพอสมควรในการถ่ายภาพตอนกลางคืน
  • ระบบกันสั่นทำงานได้อย่างดีเยี่ยมในการถ่ายวิดีโอ
  • การถ่ายวิดีโอกลางแจ้งและในร่มมีนอยส์แค่เล็กน้อย
  • คำนวณไวต์บาลานซ์ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงเรนเดอร์สีออกมาได้อย่างน่าพอใจในการถ่ายวิดีโอ

ข้อสังเกต

  • มุมมองภาพจากเลนส์อัลตร้าไวด์ค่อนข้างแคบ (เทียบเท่า 18 มม.)
  • เกิดการเรนเดอร์เพี้ยน ๆ เป็นปื้นสี (color quantization) และเกิด moiré แบบขั้นบันไดในภาพ (aliasing)
  • เลนส์เทเลโฟโต้มักจะโฟกัสไม่เข้าเป้า
  • พบปัญหาภาพมืดกว่าที่ควรจะเป็นและไดนามิกเรนจ์ถูกจำกัดในการถ่ายวิดีโอภายใต้ภาพแสงที่ยาก
  • ความคมชัดของภาพวิดีโอในแต่ละเฟรมจะไม่คงที่หากเดินถ่ายในที่แสงน้อย (เกิดจากระบบกันสั่น)

 

ที่มา : DXOMARK