DXOMARK ให้คะแนนทดสอบประสิทธิภาพกล้อง Mate 40 Pro+ ที่ 139 แต้ม ขึ้นแท่นอันดับ 1 เป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับสมญานาม “ราชันแห่งกล้องถ่ายภาพ” โค่นแชมป์เก่าจากซีรีส์เดียวกันอย่าง Mate 40 Pro ที่เคยทำได้ 136 แต้ม โดยมีประสิทธิภาพการซูมที่เหนือกว่า
สเปคกล้อง HUAWEI Mate 40 Pro+
- 50MP Ultra Vision Camera :
– รูรับแสง ƒ/1.9
– ความยาวโฟกัส 23 มม.
– ขนาดเซนเซอร์ 1/2.8 นิ้ว
– full-pixel Octa-PD, OIS - 20MP Cine Camera :
– รูรับแสง ƒ/2.4
– ความยาวโฟกัส 14 มม.
– ขนาดเซนเซอร์ 1/5.4 นิ้ว
– PDAF - 12MP Telephoto Camera (3x Optical Zoom) :
– รูรับแสง ƒ/2.4
– ความยาวโฟกัส 70 มม.
– PDAF, OIS - 8MP SuperZoom Camera (10x Optical Zoom) :
– รูรับแสง ƒ/4.4
– ความยาวโฟกัส 240 มม.
– PDAF, OIS - คุณสมบัติอื่น ๆ :
– แฟลช LED
– เซนเซอร์วัดอุณหภูมิสี
– เซนเซอร์วัดความลึกสามมิติ - บันทึกวิดีโอ : ความละเอียด 4K ที่ 60 fps (ทดสอบบนความละเอียด 4K ที่ 30 fps)
ผลทดสอบการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ
จากการเปรียบเทียบระหว่าง Mate 40 Pro+ และ Mate 40 Pro จะเห็นได้ว่า ฝ่ายแรกนั้นมีคะแนนที่เหนือกว่าฝ่ายหลังอย่างมีนัยสำคัญในส่วนของการซูม ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ Mate 40 Pro มีกล้องเทเลโฟโต้เพียงตัวเดียว ในขณะที่ Mate 40 Pro + รุ่นท็อป มาพร้อมกับกล้องเทเลโฟโต้คู่
กล้องเทเลโฟโต้ของ Mate 40 Pro+ แบ่งเป็น เลนส์ซูม 3 เท่า ความละเอียด 12MP และเลนส์ซูม 10 เท่า ความละเอียด 8MP ทำงานแยกกันอย่างอิสระ ดังนั้นจึงให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าทั้งการซูมระยะใกล้และระยะไกล ซึ่งเป็นไปตามข้อได้เปรียบของฮาร์ดแวร์ ส่วนคะแนนด้านอื่น ๆ ที่เหลือจะไม่แตกต่างกันมากเท่าไหร่นัก
ถ่ายภาพสวยทุกสถานการณ์
DXOMARK กล่าวว่า Mate 40 Pro+ ถ่ายภาพออกมาได้ดีในทุกสถานการณ์ คะแนนหมวดหมู่ภาพนิ่ง 144 แต้ม ที่ทำได้นั้นสูงที่สุดเป็นสถิติใหม่ ด้วยการวัดแสงตัวแบบที่แม่นยำและไดนามิกเรนจ์ที่กว้างสุด ๆ จึงจัดการเก็บรายละเอียดทั้งส่วนมืดและส่วนสว่างเอาไว้ได้อยู่หมัด ต่อให้เจอกับสภาพแสงโหด ๆ เช่น การถ่ายย้อนแสงหรือการถ่ายกลางคืนก็ตาม
การเรนเดอร์สีสันและการประมวลผลไวต์บาลานซ์เองก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม แม่นยำ และเป็นธรรมชาติ แต่อาจมีติดขัดนิดหน่อยกับสภาวะแสงน้อยที่ยังมีเพี้ยน ๆ ให้เห็นอยู่บ้างในบางครั้ง
เก็บรายละเอียดได้คมชัดและดีงาม
แม้ว่า Mate 40 Pro+ ไม่ใช่สมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพออกมาแล้วมีนอยส์น้อยที่สุดก็จริง แต่ในทางตรงกันข้ามก็ทำได้ดีในเรื่องความสมดุลระหว่างรายละเอียดของพื้นผิวและนอยส์ กล่าวคือ ซอฟต์แวร์ไม่เกลี่ยภาพหนักเกินไปเสียจนสูญเสียรายละเอียดนั่นเอง
เลนส์ซูมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ประสิทธิภาพการซูมของ Mate 40 Pro+ ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหากเทียบกับ Mate 40 Pro รุ่นธรรมดา ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น โดยในหมวดหมู่ย่อยนี้สามารถทำคะแนนไปได้ทั้งสิ้น 98 แต้ม เป็นรองแค่ Xiaomi Mi 10 Ultra ที่ทำได้ 117 แต้ม เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น ณ ตอนนี้
การถ่ายวิดีโอก็โหดไม่แพ้กัน
สำหรับการถ่ายวิดีโอที่ทำได้ 115 แต้ม แจ่มไม่แพ้กัน มีทั้งระบบโฟกัสที่รวดเร็ว ระบบกันสั่นที่หวังผลได้ ส่วนเรื่องความสว่าง สีสัน ไวต์บาลานซ์ และการเก็บรายละเอียดของภาพเองก็หายห่วง เว้นแต่ในสภาวะแสงน้อยที่ยังมีปัญหาอยู่บ้าง ซึ่งมีผลลัพธ์เป็นไปในทิศทางเดียวกับภาพนิ่ง คือ เกิดอาการสีเพี้ยน
สรุปจุดเด่นและข้อสังเกต
จุดเด่น
- ไดนามิกเรนจ์กว้างในทุกสภาวะแสง
- ให้สีสันสวยงามและมีไวต์บาลานซ์เที่ยงตรง ทั้งในสภาวะแสงกลางแจ้งและในร่ม
- เก็บรายละเอียดของภาพได้ดีในทุกสถานการณ์
- ระบบออโต้โฟกัสทำงานได้รวดเร็วและมีความสม่ำเสมอ
- การถ่ายภาพเทเลโฟโต้ เก็บรายละเอียดได้ดีและมีนอยส์น้อย
- การถ่ายภาพกลางคืน มีได้นามิกเรนจ์กว้าง จัดการสมดุลระหว่างรายละเอียดของพื้นผิวและนอยส์ได้ดี
- จัดการสมดุลระหว่างรายละเอียดของพื้นผิวและนอยส์ได้ดีมาก สำหรับการถ่ายวิดีโอในสภาวะแสงกลางแจ้งและในร่ม
- ระบบกันสั่นสำหรับการถ่ายวิดีโอ มีประสิทธิภาพที่หวังผลได้
ข้อสังเกต
- เกิดการเรนเดอร์เพี้ยน ๆ เป็นปื้นสี (color quantization), เกิด moiré แบบขั้นบันได (aliasing), และเกิดแสงสะท้อน (ghosting) ในภาพ
- โฟกัสในระยะใกล้ไม่เข้าเป้าในบางครั้ง หากวัตถุนั้น ๆ มีขนาดเล็ก
- บ่อยครั้งที่พรีวิวบนหน้าจอไม่สัมพันธ์กับผลลัพธ์หลังการถ่ายภาพ (เห็นบนหน้าจอเป็นอย่างหนึ่ง ถ่ายออกมาแล้วเป็นอีกอย่างหนึ่ง เช่น สีสันหรือความสว่างไม่ตรงกัน)
- การถ่ายวิดีโอ มีปัญหาเรื่องความคมชัดที่ไม่สม่ำเสมอระหว่างเฟรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากถ่ายในสภาวะแสงน้อย
ที่มา : DXOMARK
Comment