จากการที่ Huawei ถูกยกเลิก Android license เนื่องจากคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลให้ Huawei จะไม่สามารถใช้งานในระบบปฏิบัติการ Android รวมถึง Google play และ Google Service ได้ ทั้งนี้มีข่าวว่าทาง Huawei ได้เตรียมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวด้วยการพัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเองซึ่งอาจจะมาในชื่อ HongMeng OS หรือ KirinOS ซึ่งมีรายงานเพิ่มเติมว่าระบบปฏิบัติการดังกล่าวอาจพร้อมใช้งานในช่วงปลายปีนี้ก็เป็นได้
ทั้งนี้ Huawei ก็ได้พยายามหลีกเลี่ยงปัญหาที่เคยเกิดขึ้นกับระบบปฏิบัติการอื่นๆ อย่างเช่น BlackBerry OS, Windows Phone, และ Samsung Tizen โดยมีข่าวว่าระบบปฏิบัติการของ Huawei สามารถใช้งานได้กับแอพลิเคชั่นเดิมของ Android ทั้งหมด และหากนักพัฒนาคอมไพล์ไฟล์อีกครั้งจะส่งผลให้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึง 60% และคาดว่าแอพพลิเคชั่นต่างๆ จะสามารถดาวน์โหลดได้จาก Huawei Play Store หรือ App Gallery อย่างไรก็ตามระบบปฏิบัติการดังกล่าวจะไม่สามารถเข้าถึงแอพลิเคชั่นของทางฝั่งอเมริกาอย่างเช่น YouTube, Twitter, Instagram และ WhatsApp เป็นต้น
จากรายงานข่าวล่าสุดของสื่อในประเทศจีน ดูเหมือนว่าแนวโน้มของชื่อระบบปฏิบัติการ ของ Huawei มีความเป็นไปได้ว่าจะใช้ชื่อ ‘HongMeng OS’ มากกว่า ‘KirinOS’ รวมถึงยังมีข้อมูลว่า Huawei ได้เริ่มทดลองใช้งานในบางภูมิภาคของประเทศจีนแล้วเช่นกัน และนอกเหนือจากมือถือและแท็บเล็ตแล้ว Huawei จะนำระบบปฏิบัติการใหม่ไปใช้กับ laptop แทน Window 10 รวมถึงผลิตภัณ์อื่นๆ อย่าง wearables, TVs, และรถยนต์อีกด้วย
สำหรับในเรื่องของเวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการนั้น Mr. Ridchard Yu เผยว่าเร็วที่สุดก็น่าจะเป็นช่วงปลายปีนี้ โดยคาดว่าจะนำมาใช้ในมือถือเรือธงในรุ่น Mate 30 Pro แทนระบบปฏิบัติการ Android 10 Q แต่หากการพัฒนายังไม่สมบูรณ์ ก็อาจจะเลื่อนไปเป็นช่วงต้นปีหน้า โดยคาดว่าจะนำมาใช้กับ Huawei P40 Pro
ที่มา phonearena
ถ้าแบรนจีนทั้งหมดรวมกันไปใช้ os ใหม่ทั้งหมด google มีสะเทือนแต่ก็คงรอให้แบรนเข้มแข็งกว่านี้ก่อน
"อย่างไรก็ตามระบบปฏิบัติการดังกล่าวจะไม่สามารถเข้าถึงแอพลิเคชั่นของทางฝั่งอเมริกาอย่างเช่น YouTube, Twitter, Instagram และ WhatsApp เป็นต้น"
ตรงนี้สิจะแก้ยังไง
หรืออาจจะ app service ใหม่เป็นตัวกลางไว้เข้าใช้แทนการเข้าใช้โดยตรงรึเปล่าหนอ
ใช้บน Browser ก็ได้นี่ครับ ยกเว้น whatsapp
Browser มันใช้งานไม่ได้สะดวกเหมือนเป็นแอพนี่ครับ
ถ้ายังเเก้ไขจุดนี้ไม่ได้ โดนเเบรนด์อื่นตีตายแน่
นั่นแหละตามนั้นแหละ ผมว่าต้องมีตัว app service กลางเป็นตัวเชื่อมระหว่าง service อื่นๆ
เท่าที่คิดๆ นะ คล้ายๆ บนเวป แต่บนหน้าเวปอาจจะดูไม่สะดวกเท่าไหร่
ดี ทางเลือกของคนมีมากขึ้น
อยากให้ HW จับมือกับ SS ทำ OS ไปเลย จะได้ไม่ต้องกลัวอเมริกา เป็น OS ของชาวเอเชีย
รวมถึง gmail และ google map ด้วยใช่ป่ะครับ
‘HongMeng OS’ อ่านว่า อะไร เนีย ใช้ชื่อKirinOS ดูดีกว่าอีก หรือใช้ชื่อ Huawei OS ไปเลยก็ได้มั้ง
google น่าจะขายแอปให้ผู้ใช้โดยตรง อยากใช้ก็ไปโหลดเอาไรงี้ แต่…ทรัมป์คงไม่ยอม
ผมคิดว่ามันน่าจะเหมือน AOSP นะ คือไม่มี Google Service และแอปฝั่งอเมริกาตอนที่แกะออกจากกล่อง แต่ผู้ใช้หามาติดตั้งเองได้
แต่จะทำยังไงให้ผู้ใช้หามาติดตั้งและอัพเดทเองได้ง่ายๆนี่แหละ จะทำใส่ app store ของตัวเองก็คงไม่ได้ (สำหรับขายทั่วโลก)
จีนพยายามจะสร้างการวัฒนธรรมป๊อปสมัยใหม่ให้โลกยอมรับ
โดยพยายามใช้ชื่อจีน(ไม่พึ่งชื่อฝรั่ง)แบบที่ญี่ปุ่นเคยทำสำเร็จ
แต่ชื่อ ฮงเหม็ง นี่มันฟังยังงัยก็ไม่เสนาะหูเลย
ถ้าใช้เป็นชื่อย่อเหมือน บริษัท HP ก็ได้นะ HM ไม่ ต้องมี & นะเดี๋ยวโดน 55
ออกแบบโลโก้ สวยๆ หน่อย มินิมอล หน่อย คิดว่า น่าจะได้ เวลาเรียก็เรียกสั้นๆไป
เอาเลยๆๆ
แอนดรอยด์ด๋อยๆ ใครจะไปใช้เนาะ
ว่าปะ
น่าจะ Emulate ให้ใช้ Android App แน่เลย
งานนี้ถือเป็นสถาณการณ์บังคับแล้วล่ะ ..ใครคิดว่า Huawei ทำ OS เอง พัฒนาเอง จะไปรอดไหม? ผมว่าไม่ควรจะถามคำถามอย่างนี้ ณ สถานการณ์อย่างนี้แล้วล่ะ เพราะในเมื่อ Huawei โดยตัดขาดจากการใช้ Android by Google จากตลาดโลกไปแล้ว จากผลงานของประธานาธิบดี "ทรัมป์" เราจะไปโทษ Huawei ก็ไม่ได้ด้วย
แต่ในเมื่อโดนมาแบบนี้ ผมว่าควรให้กำลังใจให้เขาทำออกมาให้สำเร็จดีกว่า เพราะถ้า Huawei ทำออกมาแล้วดี แล้ว Huawei เห็นว่าสามารถลดการพึ่งพาจนถึงไม่พึ่งพา Google อีกต่อไป และสามารถส่งมอบเทคโนโลยีไปให้กับแบรนด์จีนอื่นๆ จนแบรนด์อื่นหันมาทำตามกัน งานนี้มีสะเทือนต่อไปยัง Google และบริษัทสัญชาติอเมริกันด้วย และถ้าต่อไป Samsung, ASUS, Sony ฯลฯ ที่อยู่แถบเอเซีย เอาบ้าง และลดการพึ่งพาอเมริกาลง ทำให้เศรษฐกิจอเมริกาลดจนน่าใจหายได้ งานนี้ไม่ว่าจะเป็นทรัมป์หรือคนที่จะบริหารอเมริกาต่อไปในอนาคต อาจจะได้รับผลกระทบอีกยาวเลยก็ได้
ไม่ว่าใครก็ตามอ่ะนะ ที่ยังมีไฟอยู่ หากโดนบีบบังคับ เขาก็ต้องหาทางดิ้นรนเอาตัวรอด และหาทางแก้ไขปัญหาเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดกันอยู่แล้วล่ะ ไม่งั้นก็แพ้
ผมมองว่าน่าจะหาชื่อที่เป็นกลางๆหน่อยที่พร้อมสำหรับแบรนด์จีนทั้งหมด (ถ้าคิดจะใช้แต่กับเครื่องจีน) แต่ถ้าจะขยายเพื่อให้คนอื่นๆก็ลดการพึ่งพาด้วย ก็ใช้ชื่อที่ทั้งเอเชีย ยุโรป แอฟริกา หรือโซนอื่นๆก็นำไปใช้ได้ แล้วให้แต่ละภูมิภาคเข้ามาแข่งบริการกลางกันเช่น mail , ดูหนัง ดูคลิป (เหมือนยูทูป) , clound รับฝากรูป , หรือ service อื่นๆ เพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาด ขอแค่ os ที่พร้อมรองรับทุกๆคน
เช่น ยูทูปที่อยู่ได้ก็เพราะทุกคนเอาคลิปขึ้นไปวาวเผยแพร่ได้แล้วได้ส่วนแบ่งรายได้ ถ้ามีตัวอื่นทำได้คล้ายๆกัน แล้วชวนกันมาเพิ่มทางเลือกก็น่าจะได้นะ
ต้องรอดูกะนยาวๆเลยงานนี้
อเมริกาเองก็พึ่งพาจีนไม่ใช่น้อย อย่างน้อยก็สินค้าอุปโภคบริโภคภายในประเทศเกินครึ่งแน่ๆที่มาจากจีน ลองไปเดินใน Walmart หรือห้างอื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่ร้านขายของที่ระลึกใน Disney land งานนี้คงต้องดูว่าถ้าจีนเอาคืนบ้าง และหันมาทำการค้ากับ เอเชีย, ตะวันออกกลาง, รัสเซีย หรือพวกที่เป็นปรปักษ์กับอเมริกาไปเลย จีนอาจจะแฟ่บอยู่ซักพัก แต่อาจกลับมาได้แบบยั่งยืน และอาจจะยั่งยืนกว่าอเมริกาด้วย ผมเชื่อว่าประชาชนคนอเมริกัน ไม่ชอบเรื่องนี้ การจะเปลี่ยนให้อเมริกามาเพิ่งพาตัวเองไม่ใช่เรื่องจะทำง่ายๆ คนเคยสบายทำงานไม่เสี่ยงได้เงินเยอะ ต้นทุนในการทำงานอุตสาหกรรมในอเมริกาสูงมากนะ ทุกวันนี้ที่อยู่ได้เพราะใช้วิธีว่าตัวเองเป็นเจ้าของเทคโนโลยี แล้วใช้คนอื่นผลิตเอา มันไม่ใช่ว่าถ้าอยากจะให้กลับมาทำ แล้วจะทำได้ ทำแล้วถูก ทำแล้วคุ้ม ยิ่งมาเป็นคนเริ่มก่อนแบบนี้ อาจจะทำให้เกิดเรื่องชาตินิยมขึ้นมาในจีนหรือเอเซียด้วย ซึ่งมันมีแรงผลักบางอย่างที่คาดเอาได้ยากอยู่ในเรื่องแบบนี้ ไม่ได้ดู Youtube ไม่ได้เล่น Facebook ไม่ตายนะ แต่ไม่มีของกินของใช้ ข้าวของแพงนี่ มันเห็นกันจะๆ เดินเกมส์อันตรายแบบนี้จะทำยังไงกันต่อไปน่าสนใจจริงๆ