เปิดตัวไปแล้วกับ Huawei P20, P20 Pro และ Mate RS ที่ทั้ง 3 รุ่นยังคงได้แบรนด์คู่บุญอย่าง LEICA เข้ามาร่วมพัฒนาเลนส์กล้องอีกเช่นเคย โดยในคราวนี้มือถือเรือธงทั้ง 3 รุ่น ของ Huawei ทั้ง P20 ที่มีกล้องหลัง 2 ตัว หรือจะเป็น P20 Pro และ Mate RS ที่มีกล้องหลัง 3 ตัว ทุกรุ่นได้คะแนนกล้องถ่ายรูปจากเว็บไซท์ DxOMark เอาชนะมือถือรุ่นอื่นๆ ในตอนนี้ไปแบบขาดลอยสุดๆ ว่าแล้วก็มาดูกันเลยดีกว่า ว่าทั้ง 3 รุ่นจะมีสเปคและฟีเจอร์อะไรบ้าง
Huawei P20
- หน้าจอ LCD ขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2244 อัตราส่วน 18.7:9
- CPU : Kirin 970
- GPU : Mali-G72 MP12
- RAM : 4GB
- ความจุ : 128GB
- กล้องหลังคู่ : 12MP (f/1.7) + 20MP (f/1.7), ซูม 2 เท่า แบบ lossless
- กล้องหน้า : 24MP f/2.0
- สแกนลายนิ้วมือด้านหน้า
- Bluetooth 4.2
- แบตเตอรี่ : 3400 mAh
- ระบบ Android 8.1 ครอบด้วย EMUI 8.0
Huawei P20 Pro
- หน้าจอ Amoled ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2244 อัตราส่วน 18.7:9
- CPU : Kirin 970
- GPU : Mali-G72 MP12
- RAM : 6GB
- ความจุ : 128GB
- กล้องหลัง 3 ตัว : 40MP (f/1.8) + 20MP (f/1.6) + 8MP (f/2.4), ซูม 3 เท่า แบบออพติคอล, 5 เท่า แบบ Hybrid
- กล้องหน้า : 24MP f/2.0
- สแกนลายนิ้วมือด้านหน้า
- Bluetooth 4.2
- แบตเตอรี่ : 4000 mAh
- ระบบ Android 8.1 ครอบด้วย EMUI 8.0
Huawei Mate RS
- หน้าจอ Amoled ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด 1440 x 2880 (จอไม่แหว่ง)
- CPU : Kirin 970
- GPU : Mali-G72 MP12
- RAM : 6GB
- ความจุ : 256GB / 512GB
- กล้องหลัง 3 ตัว : 40MP (f/1.8) + 20MP (f/1.6) + 8MP (f/2.4), ซูม 3 เท่า แบบออพติคอล, 5 เท่า แบบ Hybrid
- กล้องหน้า : 24MP f/2.0
- สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และด้านหลัง
- Bluetooth 4.2
- แบตเตอรี่ : 4000 mAh
- ระบบ Android 8.1 ครอบด้วย EMUI 8.0
การดีไซน์แบบโค้งมน และสมมาตร พร้อมสีให้เลือกถึง 4 สี
Huawei P20, P20 Pro และ Mate RS มีการดีไซน์แบบโค้งมนและสมมาตรเหมาะมือ แต่อาจจะไม่ถูกใจกับบางคนที่ P20 ทั้ง 2 รุ่นดันมีรอยแหว่งบนหน้าจอเหมือนกับ iPhone X แถมยังตัดรูหูฟัง 3.5 มม. ออกไปอีกด้วย และสำหรับ P20 ทั้ง 2 รุ่น จะมีสีให้เลือกถึง 4 สี คือ Twilight, Pink Gold, Midnight Blue และ Graphite Black ส่วนรุ่น Mate RS จะมี 2 สี คือ สีดำ และสีแดง
หน้าจอที่กว้างกว่าเดิม และดีกว่าเดิม
ด้วยการออกแบบหน้าจอของ Huawei P20, P20 Pro แบบ FullView Display ทำให้ได้พื้นที่แสดงผลหน้าจอที่มากกว่าเดิม และสวยกว่าเดิม โดยหน้าจอของ P20 เป็นหน้าจอแบบ RGBW ขนาด 5.8 นิ้ว และให้ความสว่างมากถึง 770 nits
ส่วน P20 Pro จะใช้หน้าจอแบบ OLED ขนาด 6.1 นิ้ว ที่มีค่า Contrast สูงลิ่วถึง 1 : 1,000,000
สำหรับรุ่นท็อปสุดๆ อย่าง Mate RS ยังเป็นรุ่นที่มีความละเอียดหน้าจอสูงถึง 1440 x 2880 แถมจอยังไม่แหว่งอีกด้วยนะ
และยังมีเทคโนโลยีหน้าจอ Natural Tone Display ที่ทำให้สามารถอ่านตัวหนังสือได้สบายตามากขึ้นในทุกสภาพแสง
แบตเตอรี่มากกว่า แต่มาในตัวเครื่องที่บางกว่า
Huawei P20 และ P20 Pro เป็นมือถือเรือธงที่ให้แบตเตอรี่มามากกว่ามือถือเรือธงรุ่นอื่นๆ แต่มีขนาดตัวเครื่องที่บางกว่า
แบตเตอรี่สุดอึด และชาร์จกลับได้ไวกว่าเดิม
ด้วยแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น บวกกับ CPU Kirin 970 ที่กินไฟน้อยลง และระบบจัดการทำงานของเครื่อง ทำให้ Huawei P20 และ P20 Pro สามารถใช้งานได้ยาวนาน โดยสามารถดูวิดีโอต่อเนื่องได้นานถึง 16 – 22 ชม. เลยทีเดียว
มาพร้อมกับระบบ SuperCharge ที่สามารถชาร์จได้จาก 0% จนถึง 58% ได้ภายในเวลาแค่ 30 นาที เท่านั้น
กล้องหลังระดับโปร+ระบบ AI ที่เอาชนะคะแนน DxOMark มือถือทุกรุ่นในตลาด
Huawei P20 มีกล้องหลัง 2 ตัว ที่ใช้เลนส์ร่วมพัฒนากับ LEICA ความละเอียด 12MP RGB (f/1.8) + 20MP Mono (f/1.6) มีขนาด pixel ที่ใหญ่ถึง 1.55 ไมครอน บวกกับเทคโนโลยี AI ทำให้ Huawei P20 สามารถทำคะแนนการถ่ายภาพจากเว็บไซท์ DxOMark ได้คะแนนรวมถึง 102 คะแนน (ภาพนิ่ง 107 คะแนน และคะแนนถ่ายวิดีโอ 94 คะแนน) เอาชนะมือถือกล้องเทพรุ่นอื่นๆ ในตลาดไปได้แบบขาดลอย
ระบบ 4D Predictive Focus ที่ใช้ระบบ AI ในการคาดเดาการเคลื่อนไหวของวัตถุที่ไม่อยู่นิ่ง ทำให้สามารถเก็บภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวได้คมชัดกว่า
ส่วนมือถือกล้องหลัง 3 ตัว อย่าง Huawei P20 Pro และ Mate RS ที่ใช้เลนส์ 40MP RGB (f/1.8) + 20MP Mono (f/1.6) + 8MP 3X Telephoto (f/2.4) และมีเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขนาด 1/1.7 นิ้ว ทำให้สามารถเร่ง ISO ขึ้นไปสูงสุดได้ถึง 102400 เท่ากับกล้องระดับโปรอย่าง Canon 5D Mark IV เลยทีเดียว บวกกับระบบกันสั่นที่ใช้ความสามารถของ AI เข้ามาช่วยด้วย (ระบบ Huawei AIS) ทำให้สามารถถ่ายภาพแบบเปิดรูรับแสงได้นานถึง 8 วินาที โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง และได้ภาพถ่ายตอนกลางคืนที่ออกมามีความสว่างและคมชัดสุดๆ ไปเลย
เปิดรูรับแสงนาน 8 วินาที โดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง
หรือถ้าต้องการเปิดรูรับแสงนานกว่าเดิมที่ 58 วินาที (ใช้ขาตั้งกล้อง) Huawei P20 Pro / Mate RS สามารถเก็บภาพในที่มืดขนาดที่ว่าตาคนยังมองไม่เห็น ได้แบบสบายๆ เลยล่ะ
นอกจากนี้ Huawei P20 Pro ยังใช้เทคโนโลยี Intelligent Motion Detection + Zero Shutter Lag ที่สามารถกดชัตเตอร์เก็บภาพได้แบบไม่มีอาการหน่วง ทำให้จับภาพในช่วงเวลาที่ต้องการได้ถูกจังหวะ
แถมการถ่ายวิดีโอใน P20 Pro / Mate RS ยังได้รับการปรับปรุงขึ้นอย่างมากจากที่มีแต่คนบ่นในรุ่นที่ผ่านๆ มา ว่ามือถือ Huawei ถ่ายวิดีโอไม่นิ่ง มาคราวนี้ระบบ Huawei AIS สามารถทำให้การถ่ายวิดีโอตอนเดินหรือวิ่ง มีความลื่นและนิ่งเหมือนใช้ Stabilizer เลยทีเดียว
รวมทั้งยังสามารถถ่ายวิดีโอสโลว์โมชั่นระดับ 960fps ที่ความชัดระดับ HD ได้อีกด้วย
และด้วยความสามารถทั้งหมดนั้นเองทำให้ Huawei P20 Pro ได้คะแนนรวมจากเว็บ DxOMark ไปถึง 109 คะแนน (ภาพนิ่ง 114 คะแนน วิดีโอ 98 คะแนน)
กล้องหน้าระดับ 24MP และฟีเจอร์ 3D Portrait Lighting ที่สามารถปรับแต่งแสงตกกระทบบนใบหน้าได้
กล้องหน้าระดับ 24MP ของ Huawei ทั้ง 3 รุ่น นอกจากจะมีความคมชัดระดับ 24MP แล้ว ยังสามารถใส่เอฟเฟ็คท์แสงแบบ 3D ให้เราเลือกตั้งค่าแสงที่ตกกระทบบนใบหน้าได้ ว่าจะให้แสงมาทางไหน รวมถึงสามารถถ่ายเซลฟี่ได้คมชัด แม้อยู่ในที่ย้อนแสง
ระบบเสียงไร้สาย Hi-Res, ลำโพงสเตอรีโอ และระบบเสียง Dolby Atmos
Huawei P20, P20 Pro และ Mate RS มาพร้อมกับลำโพงสเตอรีโอพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos สุดกระหึ่ม แถมยังรองรับการฟังเพลงผ่านหูฟังบลูทูธระดับ Hi-Res 990 kbps อีกด้วย
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้กระจก และสแกนด้านหลัง ในเครื่องเดียว
Huawei Mate RS ยังใช้เทคโนโลยีสุดล้ำอย่างการสแกนนิ้วมือใต้กระจกมาให้อีกด้วย หรือถ้าใครไม่ถนัดสแกนนิ้วด้านหน้า พลิกมาด้านหลังเครื่องก็ยังสามารถสแกนได้ด้วยเหมือนกันนะ
Huawei P20 มีราคาเปิดตัวในโซนยุโรปที่ 649 ยูโร (ประมาณ 25,060 บาท) เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2561, Huawei P20 Pro ที่ 899 ยูโร (ประมาณ 34,714) วางจำหน่ายวันที่ 6 เมษายน 2561 และรุ่นท็อป Mate RS 6GB / 256GB ที่ 1,695 ยูโร (ประมาณ 65,451), 6GB / 512GB ที่ 2,095 ยูโร (ประมาณ 80,897 บาท) จำหน่ายวันที่ 12 เมษายน 2561
ส่วนในบ้านเราถ้ามีข้อมูลของราคา และวันวางจำหน่าย เราจะเอามาอัพเดทให้นะครับ
P20, P20 Pro = iPhone X แต่ข้างล่างยังแอบเหลือพื้นที่ว่างไว้ใส่สแกนนิ้ว โถ่ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว อย่าเหนียมอายไปเลย ฮ่าๆ ต่ำตมสุดๆ
Mate RS = Samsung S จอโค้ง มุมจอโค้งมน ไม่แหว่ง
สุดท้าย ราคาไปไกลแล้ว งานก๊อปเกรดพรีเมี่ยมจริงๆ ฮ่าๆ
เอาจริงๆ p20pro กับ mate rs นี้กระเป๋าตังผมสั่นระรัวยิ่งกว่าตอน mate 10 เยอะเลยนะถ้ามันจะไม่จอแหว่ง และก็ rs ไม่ราคาไปดาวนาแมคขนาดนั้น
ต่ำจริงๆ
ตามยันราคาเลย เห้ออออ
แต่ต้องชมเรื่องกล้องโหดมากจริงๆ รอดูกันต่อไปสำหรับแบรนด์นี้ จะมีข่าวไม่ดีอะไรอีกรึเปล่า
เรื่องจอแหว่งมันปรับให้ไม่แหว่งก็ได้นะ ก็จะสีดำเนียนๆไปกับกล้องคับ เรื่องก๊อปไม่ก๊อปนี่ผมว้ามันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องมานั่นใส่ใจนะ เพราะทุกวันนี้ไม่เห็นมีของอะไรไม่ซ้ำกันเลย รถนั่งคันเป็นล้านแพงกว่ามือถือมากมาย ยังซ้ำกันในหล่ยจุดมากมาย สนใจเรื่องที่ว่าเราได้ใช้แล้วเราได้อะไรจากมัน อย่างที่คนทำเค้าโม้ไว้หรือปล่าว ดีกว่า
อีกอย่างมันเป็นสินค้าเทคโนโลยี่ มาไวไปไว
ต้องยอมรับจริงๆ ว่าสเป็กเรื่องกล้องล้ำมาก คือเทพเกินหน้าเกินตาเพื่อนๆ (คู่แข่ง) ไปแบบชัดเจน เรียกว่าเทพตัวจริง ปกติกล้องมือถือเรือธงก็ไม่ห่างกันมาก แต่อันนี้ยอมรับเลยว่ามาเหนือ จะทุเรศก็ตรงดีไซน์จอแหว่ง ที่ดูยังไงก็อดคิดไม่ได้ว่าลอกไอโฟนมา นอกนั้นก็ดีงามสมราคาเรือธง
ส่วนเรื่องราคา… จะแข่งกันแพงไปไหน -_-"
แล้วก็นะ… "เปิดรูรับแสงนาน…" คือบอกว่าเปิดชัตเตอร์ดีกว่าไหม เพราะรูรับแสงมันเปิดตลอดเวลาอยู่แล้ว มีแค่เปิดกว้างกับแคบเท่านั้นเอง คือศัพท์ทางการถ่ายภาพ ผมไม่เคยได้ยินใครเค้าบอกว่า "เปิดรูรับแสงนาน…" มีแต่บอกว่า เปิดชัตเตอร์นาน… หรือ เปิดหน้ากล้องนาน…
ใครงงว่าทำไมต้องตั้ง Hi-Res Wireless Audio ออกมาต่างหากมารวมกันตรงนี้ครับ 555
เพราะ bandwidth ก็เท่า LDAC ที่รุ่นเรือธงส่วนใหญ่ได้อานิสงส์จาก Android 8 อยู่แล้ว สงสัยว่า Huawei เค้าคิดออะไรทำไมถึงตั้งแยกออกมา
สรุปมันเท่ากันเลยหรอครับ แล้วจะแยกเพื่อไรนั่นสิ ในชาร์ตก็ทำให้งงดูเหมือนจะอยู่เหนือกว่าซะงั้น
Kernel ของ LDAC มีใน Android 8 จริงครับ แต่มือถือไม่ใช่ทุกรุ่นจะใช้งานได้ ต้อง support จริงๆถึงจะใช้ได้
ยกเว้นพวกใช้ chip ของ Qualcomm โดยเฉพาะตัวท๊อป ก็จะได้ Aptx Codec ไปด้วยเลย
ดังนั้นเค้าโม้มาแบบนั้นก็ไม่แปลกครับ
เพิ่งถอย 10 Pro มาได้ 3 วันเอง แต่ดูแล้ว ไม่ต่างกันเท่าไหร่มั้ง 5555 ปลอบใจตัวเอง
สงสัยเมาเห็นถ้าดุแล้วไม่ต่างกับ p10 pro 55
MATE RS สวยและดู ลงตัวกว่ามาก ส่วน p20 ไม่สวยเลย
ไม่แหว่งและไม่กล้องแนวตั้ง ก็ทำได้ แต่ไม่ทำ หวัง mate 20 (11) รูปทรงคงประมาณ MATE RS
ดีตรงที่แสดงผลสีดำข้างๆติ่งเพื่อให้มันดูไม่มีติ่งได้ แต่ปัญหาที่จะตามมาได้คือจอเบิร์นใน P20 Pro เพราะเป็นจอ AMOLED สรุปก็ปล่อยให้มันมีติ่งแบบนั้นแหละดีแล้ว
เวลเปิดจอเป็นสีดำ คือปิด LED ในจุดๆนั้นหรือป่าวครับ มันจะเบรินหรือป่าวอ่ะครับ
รอจัด Xiaomi Mi Mix 2S ดีกว่า ใช้ไปนานๆรำคาญติ่ง แกะกะสายตา, กระทู้ Xiaomi หายไปไหนหว่า?
มีสีนึง น่าจะ midnight blue เหมือนสี EVA-01 ของ Evangelion เลย
ฝากคนที่ใช้มือถือนะจ๊ะ ซื้ิอมือถือ UX สำคัญสุดละ ไปลองด้วยตัวเอง สเปคนู่นนี่นั่นแค่ไหนก็ไม่สำคัญ
ผมว้าวทุกอย่างเลย แต่ขัดใจเรื่องจอแหว่งอย่างเดียว
เข้าไปดูรูปที่ DxO tests ทำไมผมชอบรูป pixel/ipX มากกว่า ดูสวยกว่าหลายๆรูปเลย แต่คะเเนนคือเเบบ ห่างมาก
GG PX2 เก็บรายละเอียดผิวหน้า รูขุมขน กละ ได้ดีกว่า P20 p นี่เกลี่ยซะบิ้วตี้หายเลย
4 ข้อเทสแรกของ ภาพนิ่ง GG p2 ดีกว่าแค่ 1 คะแนน
ทั้งๆที่ผมว่า ดูดีกว่าอีกการเก็บรายละเอียดผิวคน
นี่กล้องตัวเดียวนะ
อัตราส่วนหน้าจอ 18.7/9 ยังนับว่าลาดกว่า Apple ตรงที่อีก 0.7 เอาไว้เเสดงนันติฟิเคชั่นกับติ่ง เวลาดูวีดิโอจะได้ไม่โดนติ่งกินเนื้อที่
iPX ก็ 19.5:9 นี่ครับ เหลือที่เยอะกว่าอีกนะ
คงต้องยอมรับว่า Huawei สามารถใส่เซ็นเซอร์กล้องขนาดใหญ่ลงไปในตัวเครื่องที่บางได้อย่างน่าทึ่ง
แต่จะดีกว่านี้ถ้า Huawei นำเสนอการทดสอบกล้องเทียบคู่แข่งด้วยการตั้งค่า ISO และ Speed เดียวกัน
แล้วชูว่าระบบ AIS ตัวนี้ช่วยให้ภาพสั่นไหวน้อยกว่าคู่แข่ง มีช่วง DR กว้างกว่าคู่แข่ง
อะไรแบบนี้จะดูแมนมาก
แต่การนำเสนอแบบตั้งค่าคนละแบบกันเลย แล้วแอบชี้นำให้คนดูเผินๆเข้าใจไปว่าภาพสว่างสวยใสไร้น๊อยส์กว่าอีกเจ้า
ผมว่ามันดูไม่สง่างามเท่าไหร่
โดยเฉพาะภาพนี้ผมว่าไม่จริงใจมากๆครับ
จีนก็คือจีนแดงวันยังค่ำ หมกเม็ด ชอบพุดบิดเบือนไ่มซื่อตรง ไม่แปลกใจ
อันนี้ไม่มีประเด็นเลย เพราะใต้รูป เขาเขียนชัดๆว่า
long exposure อีกเจ้า เขียน normal shot พร้อมค่าต่างๆ ระบุชัด
เขาเอารูปมาเทียบ พร้อมมีคำบรรยายพร้อม ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเขามั่วไม่คำอธิบายนี่ซิ เรียกคดโกง
และจากรูป พร้อมคำบรรยาย คงไม่มีใครมา ดราม่า เรื่องนี้แน่ เพราะระบุชัด
ส่วนทำไม เขาไม่ถ่ายแบบเดียวกัน แล้วเอามาเทียบ นั้นก็แล้วแต่เขา ไม่มีกฏเกณกำหนด เพราะเขาระบุคำอธิบายใว้ชัดแล้วว่ามันไม่เหมือนกัน (ป้องกันมาม่า) ซึ่งใครๆที่มี ip x ก็สามารถถ่ายเองได้ และเทียบเองก็ได้
ประเด็นของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ
เหมือนเครื่องดื่มชูกำลัง มีโฆษนาเชิญชวนให้ดื่มยาวเหยียด
แล้วก็มามีคำเตือนเร็วจี๋ตอนจบนิดนึงใช่ไหมครับ
เขาทำได้ครับ ไม่ผิดอะไร แต่มันดูไม่จริงใจงัย
จริงครับ ทำไมไม่ใช้โหมด Long exposure เหมือนกัน ดูไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่ผมว่าก็คงอยากให้ภาพมันชัดขึ้นมากกว่า เพราะถ้าใช้โหมดเดียวกัน น่าจะให้ภาพใกล้เคียงกันมากครับ
ถ้าคะแนนถูกใจ DxO == ถูกต้องแล้ว
ถ้าคะแนนไม่ถูกใจ DxO ====มั่วแล้ว
ก็ขำดีครับ