มีแนวโน้มที่กล้องของสมาร์ทโฟนในซีรีส์ P และ Mate จาก HUAWEI ในอนาคตจะมาพร้อมกับความสามารถในการ “ปรับรูรับแสงได้” ตามสิทธิบัตรล่าสุดที่บริษัทฯ ได้ยื่นจดทะเบียนต่อองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization: WIPO) โดยเผยให้เห็นถึงโมดูลกล้องที่มีไดอะแฟรม 6 ใบเบลด ใช้สำหรับควบคุมปริมาณแสงที่ส่งผ่านมายังเซนเซอร์ภาพในลักษณะเดียวกับ Galaxy S9 ของ Samsung ในอดีต

เซนเซอร์ภาพของสมาร์ทโฟน นับวันยิ่งมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ อย่างในกรณีของ “Leitz Phone 1” จาก Leica และ “AQUOS R6” จาก Sharp ที่มีขนาดใหญ่ถึง 1 นิ้ว เทียบเท่ากับกล้องในตระกูล RX100 ของ Sony เลยทีเดียว

เซนเซอร์ภาพขนาดใหญ่ มีทั้งข้อดีและข้อเสียเมื่อนำมาใช้งานกับสมาร์ทโฟน

ข้อดีของการมีเซนเซอร์รับภาพใหญ่ ๆ หมายถึงไดนามิกเรนจ์ที่กว้างขึ้น ปริมาณสัญญาณรบกวน (นอยส์) ลดลง และมีขอบเขตของความชัดลึกต่ำ หรืออธิบายง่าย ๆ คือ ละลายฉากหลังได้ดีขึ้น (เมื่อเปรียบเทียบกับเซนเซอร์ขนาดเล็กกว่าด้วยเลนส์ที่มีค่ารูรับแสงและทางยาวโฟกัสเทียบเท่ากัน) ตัวแบบจึงโดดเด่นออกมาจากฉากหลังอย่างดูมีมิติสวยงาม

แต่ทั้งนี้ การมีรูรับแสงกว้าง ๆ และเซนเซอร์ภาพใหญ่ ๆ ใช่จะมีแต่ข้อได้เปรียบเสมอไป เพราะมักมีอาการฟุ้งแสงให้เห็นกันบ่อย ๆ อีกทั้งยังอาจเกิดแฟลร์บนภาพได้ง่าย (แม้แต่เลนส์กล้องในระบบ DSLR และมีร์เรอร์เลสเองก็ประสบปัญหานี้ ช่างภาพมืออาชีพจึงมักจะไม่ถ่ายด้วยค่ารูรับแสงกว้างสุดถ้าไม่มีความจำเป็นอะไรที่เฉพาะเจาะจง)

รูรับแสงแบบปรับได้จะช่วยเข้ามาแก้ไขและลดทอนปัญหาต่าง ๆ

นอกจากนี้ยังมีเรื่องชวนปวดหัวสำหรับสมาร์ทที่ใช้โฟนเซนเซอร์ภาพใหญ่ ๆ ที่คนบ่นกันเยอะในช่วงหลัง คือ ปัญหาถ่ายใกล้ ๆ แล้วภาพเบลอ เนื่องมาจากความชัดลึกต่ำ จนทำให้วัตถุที่อยู่ต่างระนาบหลุดออกจากระยะโฟกัสไป (ดูคลิปประกอบด้านล่าง) ผู้ผลิตบางรายแก้ไขปัญหานี้ด้วยการเพิ่มโหมดถ่ายระยะใกล้ เมื่อเลือกใช้งานจะสลับไปใช้เลนส์อัลตร้าไวด์ในการถ่ายแทน …ดังนั้น การมีรูรับแสงที่สามารถปรับได้จึงเข้ามาช่วยแก้ไขหรือบรรเทาปัญหาทั้งหลายข้างต้น ซึ่ง Samsung เคยอธิบายถึงเรื่องนี้เอาไว้เหมือนกัน ตอนที่เปิดตัว Galaxy S9

Play video

สำหรับกรณีของ Galaxy S9 นั้น มีใบเบลดของไดอะแฟรมจำนวน 8 ใบ โดยสามารถปรับรูรับแสงได้ 2 ระดับ คือ ƒ/1.5 และ ƒ/2.4 ส่วนของ HUAWEI ยังไม่มีความชัดเจนว่า สุดท้ายหากมีการนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์จริง ๆ แล้วจะปรับรูรับแสงได้กี่สเตป และจะมีความพิเศษอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เราคงต้องรอติดตามกันต่อไปครับ

 

ที่มา : LetsGoDigital (1, 2)