จากข่าวการระงับวางจำหน่ายมือถือเรือธงรุ่นล่าสุด Huawei Mate 10 Pro ในสหรัฐอเมริกากับเครือข่าย AT&T นั้น ทำให้งานเปิดตัวเป็นทางการของ Huawei ในอเมริกาแอบกร่อยไปนิดหน่อย แต่ก็ได้มีการดีลกับเครือข่ายร้านค้าใหญ่ๆ อย่าง Bestbuy, Amazon, Microsoft Store และ B&H Photo เอาไว้แล้ว โดยจะวางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ แต่รายงานล่าสุดที่อาจเป็นสาเหตุของการล้มดีลกับโอเปอเรเตอร์ในครั้งนี้คือ สว และหน่วยข่าวกรองของสหรัฐนั้นกลัวว่าจะมีการขโมยข้อมูล
ในงานเปิดตัว Huawei Mate 10 Pro ที่ CES เมื่อคืนที่ผ่านมาทำเอาท่านประธาน Richard Yu ถึงกับหัวเสียเอามากๆ และบ่นบนเวทีเลยว่า
“Something I Want to Share, Everybody knows that in the US market that over 90 percent of smartphones are sold by carrier channels,” he said. “It’s a big loss for us, and also for carriers, but the more big loss is for consumers, because consumers don’t have the best choice.”
มือถือที่วางจำหน่ายในสหรัฐนั้นกว่า 90% ขายผ่านเครือข่าย มันเป็นการเสียโอกาสทั้งเราเอง โอกาสของเครือข่าย รวมถึงผู้บริโภคที่ไม่ได้มีตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟน
“We win the trust of the Chinese carriers, we win the trust of the emerging markets… and also we win the trust of the global carriers, all the European and Japanese carriers,” he said. “We are serving over 70 million people worldwide. We’ve proven our quality, we’ve proven our privacy and security protection.”
Huawei ได้รับการยอมรับจากหลายๆ ประเทศ ทั้งยุโรป ญี่ปุ่น มีผู้ใช้มือถือของเรากว่า 70 ล้านคนทั่วโลก เราได้พิสูจน์มาหมดแล้วทั้งคุณภาพ และมาตราฐานความปลอดภัย
สาเหตุที่ Richard Yu ต้องออกมาพูดถึงเรื่องนี้นั้นก็เพราะมีรายงานว่า สมาชิกวุฒิสภาและหน่วยข่าวกรองของสหรัญอเมริกานั้นมีความกัังวลว่าอาจจะมีการจารกรรมข้อมูลส่งกลับไปยังประเทศจีนได้ เพราะ Huawei มีความเชื่อมโยงกับพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน เลยได้แจ้งไปยัง FCC (หน่วยงานที่ดูแลเรื่องโทรคมนาคมของสหรัฐ)
The Dec. 20 letter cited an intelligence committee report on the Chinese firm’s alleged ties to the Communist Party and China’s intelligence and security services. “Additional work by the Intelligence Committees on this topic only reinforces concerns regarding Huawei and Chinese espionage.”
ล่าสุดมีรายงานว่านอกจาก AT&T ที่โดนยกเลิกสัญญาแล้ว ยังมี Verizon เครือข่ายอันดับ 1 ของสหรัฐ ก็กำลังโดนกดดันให้ระงับการวางขายมือถือ Huawei ที่กำหนดเอาไว้ในช่วงกลางปีนี้ด้วย
งานนี้ดูแล้วเหมือนทาง Huawei จะเจอปัญหาแบบเดียวกับที่ DJI เคยโดนสั่งแบนจากกระทรวงมาตุภูมิซะแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีการฟ้องร้องหรือกระบวนการอย่างไรต่อไป เพราะถ้าโดนห้ามขายผ่านผู้ให้บริการขึ้นมานี่ ยอดขายในสหรัฐคงไม่ขยับแน่นอน
สอดคล้องกับท่านผู้นำกองทัพจีน บอกใก้กองทัพจีนเตรียมพร้อมต่อสงคราม
เกาหลีเหนือแต่ขอบโต๊ะสนุ๊กที่ พี่เมกันจะชิงไปหาจีน
จีนกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของเอเชีย และกำลังจะก้าวเข้าสู่มหาอำนาจทางทหารด้วย เมกันต้องตอนกำลัง จีน เพราะถ้านานวันเข้าจะตึงมือที่จะต่อรองสายกำลังกับจีน
ข่าวไม่กรองเมกาเริ่มไล่ตอนสินค้าสื่อสารจากจีนเรื่อยๆ (สินค้าที่เป็นจีนแท้ เทคโนโลยีและการผลิต)
ปมเริ่มของชนวน ในทางสักยภาพ จีนก็อยู่ม่ได้ถ้าไม่มีฝรั่งคิดเริ่ม จีนถนัดต่อยอดไม่ใช่เริ่ม ฝรั่งก็ไม่รอดถนัดเริ่มแต่ไม่ถนัดผลิต สงครามเกิดพังทั้งหมด ไม่ใช้พังทั้งคู่
เหมือนไม่เกี่ยวกับข่าวแต่ก็พันๆกันอยู่
ทั้งจีนทั้งอเมริกามันก็พอๆกันแหละ เรื่องแอบเก็บข้อมูลผมว่าอเมริกาล่ะตัวดีเลย Apple,Microsoft,Google, Microsoft ต่างมีชื่ออยู่ในโครงการ PRISM ทั้งหมด ใครคิดว่าใช้แบรนด์อเมริกาแล้วจะมีความเป็นส่วนตัวนั้นคิดผิดละครับ
ครับ ของตัวเองส่งขายได้ทั่วโลกแต่ห้ามคนอื่นมาขายในบ้านตัวเอง ไอโฟน7 ที่โดนแอบลดความเร็วของผมคงเป็นเครื่องสุดท้ายแล้ว
จีนหนักกว่าเยอะ กลัวใครขายดีก็ไม่ให้ขาย
เรื่อง ทีเอ็งทีข้า นี่ผมว่ามันแน่นอนครับ แต่ให้ เมการู้ กับให้ จีนรู้ อยากได้อย่างไหนกว่าล่ะครับ
ผมไม่รู้นะแต่เป็นผม ผมยังไว้ใจหัวทองกว่าไว้ใจจีน ในเนื่องของ คุณภาพการจัดการ และการกระทำต่อเพื่อร่วมโลก
เห็นด้วยเลยครับ
ถ้าผมเป็นจีน ผมจะสั่งยกเลิกการผลิตสินค้า แบรนด์ us และส่วนประกอบทั้งหมด ในจีน และ อนุญาติให้แบรนด์อื่นใช้โรงงานแทน เพื่อจะได้ผลิตสินค้าขายได้ก่อน เจ้าใหญ่ดู โดยใช้อำนาจเผด็จการทหาร ในจีนที่มีอยู่แล้ว โดยใช้เรื่อง โดนกีดกันทางการค้า ดูซิว่า ใครจะเสียหายกว่ากัน
การเมืองอีกจนได้
ไม่มีจีน ยังมีอินเดีย ยังมีประเทศกลุ่มที่สาม หรือแม้แต่ไทย ที่พร้อมอ้าแขนรับผลิตให้
จีนรู้เรื่องนี้ดี ยิ่งนานวัน จีนก็พัฒนาเศรฐกิจให้เติบโต เศรฐกิจดีค่าแรงก็สูงขึ้น จีนจะไม่ใช้ดินแดนของของถูกอีกต่อไป และมันจะสวนทางกับทรัพยากรที่เคยมีมหาศาลลดลงไปเรื่อยๆ จนฝืดมือจะหามาใช้อย่างฟุ่มเฟือยอีกต่อไป
จีนตระหนักรู้ดีมันกลไกเศรษฐศาสตร์ จีนต้อฝสร้างความแกร่งให้สินค้าตัวเองมากขึ้น การกีดกันจีนไม่ผลิตของให้ เมกา หรือ ฝนั่งหัวทอง ญี่ปุ่นทำได้แน่นอน แต่จีนก็ต้องเจอกับภาวะแรงงานล้นไม่มีงาน เศรษฐกิจตกต่ำ(คล้ายกับเราที่กำลังเผชิญอยู่) จีนก็หยั่งไม้หยั่งมือไม่บูมบามเพราะตัวเอฝยังแกร่งไม่พอจะยืนด้วยเองในฐานะผู้นำอย่างเบ็ดเสร็จ เมกาเองก็รู้
เรื่องแค่นี้มันเหมือนเรื่องงดให้อาหารเสือ เสือจะดุน้อยลงแต่สักพักก็ต้องให้อาหารเพราะกลัวเสือะหิวจนคลั่งแลเวกลับมากินคนเลี้ยง สักเพราะก็หาทางลง แต่นี่แสดงถึงอำนาจของผู้ซื้อมา เห้ยนายจะทำอะไรโดยไม่ใจชั้นไม่ได้นะเว้ย
เท่านั้นเอง
ยุคทรัมป์ ก็แบบเนี๊ย ถ้าเป็นยุคโอบามา ได้ขายไปและ
ตอนแรกผมก็สน Huawei Mate 10 pro นะ แต่พอมีแบรนด์อื่นเจ๋งๆ ไม่แพ้กัน เช่น Mi ที่จะออกใหม่ , S9+ ที่จะออกใหม่
ทำให้ผมชะลอการตัดสินใจเลย ว่าตัวไหนจะน่าซื้อที่สุด