Samsung เป็นผู้ผลิตมือถือกลุ่มแรกที่ตอบรับกฎ right to repair ของสหภาพยุโรป โดยประกาศความร่วมมือกับ iFixit ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน ให้ลูกค้าทั่วไปสามารถซื้ออะไหล่ไปซ่อมมือถือเองได้ รวมถึงร้านซ่อมภายนอกก็สามารถซื้ออะไหล่ไปให้บริการลูกค้าต่ออีกทอดได้เช่นกัน ดูเหมือนเป็นการเริ่มต้นที่ดีในตอนแรก แต่ไป ๆ มา ๆ ตอนนี้ iFixit ประกาศยุติความสัมพันธ์กับ Samsung แล้ว หลังทั้งสองฝ่ายมีแนวทางที่ขัดแย้งกัน

ภาพจาก Samsung

iFixit ตำหนิว่า Samsung ไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจแนวทาง self-repair อย่างที่ควรจะเป็น ยกตัวอย่างปัญหาที่ iFixit เจอบางส่วน คือ

  • การออกแบบมือถือไม่เป็นมิตรกับการซ่อม
  • บางรุ่นลูกค้าทั่วไปไม่สามารถซ่อมเองได้
  • อะไหล่มีราคาสูง บางชิ้นมาแบบเป็นชิ้นเดียวกัน ลูกค้าต้องจ่ายแพงเกินจำเป็น
  • เช่น กรณีเปลี่ยนแบต iPhone และ Pixel ค่าแบตไม่ถึง 50 ดอลลาร์
  • ส่วน Samsung เริ่มต้นก็ปาเข้าไป 160 ดอลลาร์ เพราะแบตพ่วงมากับจอ

นอกจากนี้ Samsung ยังมีข้อจำกัดที่เข้มงวดกว่าพาร์ตเนอร์ค่ายอื่น เช่น สั่งห้ามไม่ให้ iFixit ขายอะไหล่ให้ลูกค้ารายเดียวกันเกินกว่า 7 ชิ้นภายในกรอบเวลา 3 เดือน เหมือนเป็นการกีดกันร้านซ่อมภายนอกในทางอ้อมไปในตัว

แต่เหนือสิ่งอื่นใด 404 Media ได้ออกมาแฉต่อว่า Samsung ได้ร่างสัญญาที่กำหนดให้ร้านซ่อมภายนอก (ที่ผ่านการรับรอง) ต้องส่งข้อมูลของลูกค้ากลับไปให้ Samsung แบบละเอียดยิบเป็นรายวัน ทั้งอีเมล เบอร์โทรศัพท์ อาการเสีย อะไหล่ที่เปลี่ยน สถานะการรับประกันของเครื่อง หมายเลข IMEI และอื่น ๆ หากไม่ปฏิบัติตามก็จะโดนยกเลิกสัญญา

และกรณีนี้ The Verge เสริมว่า iFixit ก็น่าจะอยู่ในข่ายด้วย และคงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ iFixit เลือกจะไม่ต่อสัญญากับ Samsung

สัญญาเดิมระหว่าง Samsung กับ iFixit หมดอายุไปตั้งแแต่เดือนมิถุนายนแล้ว ของที่เหลืออยู่ในสต็อกจะยังมีขายต่อไป แต่จะหยุดเผยแพร่คู่มือการซ่อมอย่างเป็นทางการที่ออกร่วมกับ Samsung โดยเปลี่ยนมาเป็นคู่มือที่ออกโดย iFixit เอง

ที่มา : The Verge | 404 Media