การถ่าย Seflie นั้นเป็นกิจกรรมที่ถือว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับยุดปัจจุบัน แต่สำหรับประเทศอินเดียนั้นมันคือ “ปรากฎการณ์” อย่างแท้จริง เพราะตอนนี้คนอินเดียติดโรค Selfie Fever กันงอมแงมตามกระแสสมาร์ทโฟนที่กำลังเฟื่องฟู อย่างไรก็ตามการถ่าย Selfie ในที่แปลกๆและอันตรายก็ได้รับความนิยมเช่นกัน และนั่นทำให้เกิดเรื่องสลดไปทั่วโลกเพราะตั้งแต่ปี 2014 ถึงปัจจุบันมีคนตายเพราะ Selfie ไปแล้วทั้งหมด 49 ราย โดยมีอยู่ 19 รายที่เกิดในประเทศอินเดีย และนั่นทำให้ทางเมืองท่องเที่ยวอย่าง “มุมไบ” ตัดสินใจแบนการ Selfie ในพื้นที่ 16 แห่งของเมืองนี้

 ภาพต้นฉบับจาก ABC 

 

เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดย The Guardian ที่ค้นพบสาเหตุของการตายแบบแปลกๆจากการถ่าย Selfie นั้นมาจากสื่อภายในประเทศที่พยายามประโคมข่าวภาพถ่าย Selfie ของดาราและคนดัง รวมไปถึงจัดการแข่งขันถ่าย Selfie ด้วยไอเดียสร้างสรรค์โดยการถ่ายจากสถานที่แปลกๆหรือมุมแปลกๆแล้วแต่จะคิดได้ ช่วยเติมเชื้อไฟ Selfie Fever ในอินเดียให้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในหมู่ประชากร 1,250 ล้านคนและตลาดสมาร์ทโฟนที่กำลังมาแรงอย่างมาก

 

นักจิตวิทยาในมุมไบบอกว่า ต้นตอมาจากความต้องการของวัยรุ่นที่อยากจะเป็นที่ชื่นชมและได้รับการยอมรับในหมู่เพื่อนฝูง ด้วยความรู้สึกที่อยากให้ทุกคนยอมรับจึงทำให้พวกเขาตัดสินใจถ่าย Selfie ในที่ๆไม่มีใครคิดมาก่อนหรือไม่มีใครคิดจะถ่ายแบบนั้น และสมาร์ทโฟน, เครื่องมือ และเทคโนโลยีต่างๆล้วนสนับสนุนให้เกิดการทำแบบนี้ขึ้นมาด้วย

ภาพจาก notable.ca

 

มีตัวอย่างคดีหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ เมื่อมีการกลุ่มนักเรียนอายุ 18 ปีเดินทางไปทัศนศึกษาที่เขื่อนแห่งหนึ่ง และพยายามจะถ่ายภาพ Selfie ที่น่าทึ่งด้วยการไปนั่งอยู่บนขอบหินสูงริมเขื่อน แล้วเสียการทรงตัวตกลงไปในน้ำ เพื่อนนักเรียนอีกคนกระโดดลงน้ำเพื่อไปช่วย แต่สุดท้ายก็เสียชีวิตทั้ง 2 คน มีอีกเคสที่เป็นกลุ่มนักศึกษาพยายามถ่าย Selfie หมู่บนหินชันแล้วมีคนหนึ่งลื่นตกลงมาหัวกระแทกโขดหินบาดเจ็บสาหัส และอีกเคสที่เป็นนักเรียน 3 คนพยายามหยุดถ่ายรูปหน้ารถไฟที่กำลังวิ่งมาแล้วโดนชนอย่างรุนแรง  

 

ทางเทศบาลนครมุมไบได้จัดโซนพื้นที่อันตราย 16 แห่งรอบๆเมืองและตั้งเป็นเขตปลอด Selfie นอกจากนั้นยังมีแผนการรณรงค์ให้ผู้คนรับรู้เรื่องการถ่าย Selfie ที่เสี่ยงอันตรายด้วย เพื่อนสมาชิกคิดอย่างไรกับการถ่าย Selfie แบบเสี่ยงอันตราย? หรือใครเคยเจอการถ่าย Selfie แบบแปลกๆก็มาแชร์กันได้ครับ

 

ภาพจาก The Tech Bulleting

 

ที่มา: The Guardian