หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ก่อน Infinix เพิ่งส่งรุ่นน้องอย่าง Note 30i มาชิงพื้นที่เปิดตัวก่อน วันนี้ Infinix Note 30 Series รุ่นพี่อีก 3 รุ่นก็ได้เรียงขบวนกันมาเปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วพร้อมกันถึง 3 รุ่น ได้แก่ Note 30, Note 30 Pro และ Note 30 5G โดยได้ชูจุดเด่นอย่างระบบ All Round Fast Charge ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาพร้อมกับความเร็วทุบสถิติ แต่ก็ได้ใส่กันมาครบ ๆ ให้ทุกรุ่น นอกจากนี้ยังได้ระบบเสียงจาก JBL ด้วย

เปิดตัว Infinix Note 30

Infinix Note 30

Infinix Note 30 (4G) รุ่นมาตรฐานมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล IPS LCD ขนาดใหญ่เต็มตา 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับรีเฟรชเรทที่ 120Hz และรองรับ Touch Sampling Rate ที่ 240Hz สว่างสูงสุด 580 nits ส่วนดีไซน์กล้องหน้าใช้เป็นแบบเจาะรู Punch-Hole

ในรุ่นนี้มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว โดยกล้องหลักจะใช้เซนเซอร์ Omnivision OV64B ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล + กล้อง Depth 2MP + กล้อง AI Lens ความละเอียด QVGA รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1440p@30FPS ส่วนกล้องหน้าให้มาที่ 16MP รองรับการถ่ายวิดีโอที่ 1080p@30FPS

ด้านประสิทธิภาพ รุ่นนี้ใช้ชิปประมวลผล Helio G99 รองรับ 4G มาพร้อม RAM 8GB พ่วงด้วยตัวเลือกความจุ 2 ขนาด 128GB / 256GB ให้แบตเตอรี่มาที่ 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จไว All Round Fast Charge ชาร์จผ่านสาย USB-C 2.0 ที่ความเร็ว 45W โดยได้ผ่านการทดสอบการชาร์จสูงสุดถึง 1,000 รอบ (Cycles) รองรับ PD 3.0 และการชาร์จให้อุปกรณ์อื่น

ในรุ่นนี้มาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอที่ได้จับมือร่วมกับ JBL เพื่อมาช่วยในการปรับจูนเสียง มีช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. รองรับการเพิ่มความจุผ่าน microSD Card  และมี NFC ติดตั้งมาพร้อมกับ Android 13 ตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ Magic Black, สีฟ้า Interstellar Blue และสีส้ม Sunset Gold ที่ใช้ฝาหลังวัสดุหนังเทียม

สเปค Infinix Note 30

Infinix Note 30

  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2460 x 1080)
  • CPU : Helio G99
  • RAM : 8GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก Omnivision OV64B 64MP (f/1.7)
    – กล้อง Depth 2MP (f/2.4)
    – กล้อง AI QVGA
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.0)
  • การเชื่อมต่อ : 4G, WiFi 5, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ จูนเสียงโดย JBL, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไว 45W
  • ขนาด / น้ำหนัก : 168.6 x 76.6 x 8.6 มม. / 219 กรัม

เปิดตัว Infinix Note 30 Pro

Infinix Note 30 Pro

รุ่น Pro จะได้อัปเกรดพาเนลจอแสดงผลเป็น AMOLED มาตรฐานสี 10 bits ในขนาดใหญ่เท่ากันที่ 6.78 นิ้ว บนความละเอียด Full HD+ รองรับรีเฟรชเรทระดับสูง 120Hz และ Tounch Sampling Rate อยู่ที่ 360Hz สว่างสูงสุด 900 nits ส่วนกล้องหน้าก็มาในดีไซน์แบบเจาะรูเช่นกัน

ด้านประสิทธิภาพโดยรวมแล้วยังคงคล้ายกับรุ่นมาตรฐาน ให้ชิป Helio G99 (4G) และ RAM 8GB พ่วงด้วยตัวเลือกความจุ 2 ขนาด 128GB / 256GB มีระบบระบายความร้อน Vapoส่วนแบตเตอรี่ให้มาที่ 5,000 mAh รองรับ All Round Fast Charge ผ่านสาย USB-C 2.0 ที่เร็วกว่านิดหน่อย 68W ชาร์จจาก 1 – 80% ใช้เวลาเพียง 30 นาที นอกจากนี้ยังรองรับชาร์จไร้สายที่ 15W และรองรับ Reverse Charging ทั้งผ่านสาย และไร้สายด้วย

ส่วนกล้องในรุ่นนี้ได้อัปเกรดมาใช้กล้องหลักความละเอียด 108MP ที่ไม่ระบุเซนเซอร์ แต่คาดว่าน่าจะเป็น ISOCELL HM6 + กล้อง Depth 2MP + กล้อง AI QVGA ส่วนกล้องหน้าก็อัปเกรดความละเอียดจาก 16MP เป็น 32MP

ในรุ่นนี้ยังคงมาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอที่ได้จับมือร่วมกับ JBL มีช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. รองรับการเพิ่มความจุผ่าน microSD Card  และมี NFC ติดตั้งมาพร้อมกับ Android 13 ตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ Black และสีทอง Variable Gold

สเปค Infinix Note 30 Pro

Infinix Note 30 Pro

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2460 x 1080)
  • CPU : Helio G99
  • RAM : 8GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก 108MP
    – กล้อง Depth 2MP
    – กล้อง AI QVGA
  • กล้องหน้า : 32MP
  • การเชื่อมต่อ : 4G, WiFi 5, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ จูนเสียงโดย JBL, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไวผ่านสาย 68W / ไร้สาย 15W
  • มาตรฐานทนน้ำ: IP53
  • ระบบ: Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13
  • ขนาด / น้ำหนัก : 168.5 x 76.5 x 8.5 มม. / 205 กรัม

เปิดตัว Infinix Note 30 5G

Infinix Note 30 5G

สำหรับรุ่น 5G ต้องบอกว่าสเปคโดยรวมนั้นคล้ายกับรุ่นมาตรฐานเกือบ 100% เปลี่ยนเพียงแค่ชิปที่ใช้จาก Helio G99 เป็นชิป 5G อย่าง Dimensity 6080 (รีแบรนด์มาจาก Dimensity 810) และมีการอัปเกรดกล้องหลักไปใช้เซนเซอร์ความละเอียดสูง 108MP ISOCELL HM6

ด้านดีไซน์มีการสลับตำแหน่งแฟลช LED นิดหน่อย และนำกล้องรองทั้งสองตัวไปรวมกันอยู่ในโมดูลเดียว ตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ Magic Black, สีฟ้า Interstellar Blue และสีส้ม Sunset Gold ที่ใช้ฝาหลังวัสดุหนังเทียมซึ่งคล้ายกับรุ่น 4G แบบเป๊ะ ๆ

สเปค Infinix Note 30 5G

Infinix Note 30 5G

  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2460 x 1080)
  • CPU : Dimensity 6080
  • RAM : 8GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก ISOCELL HM6 108MP (f/1.75)
    – กล้อง Depth 2MP (f/2.4)
    – กล้อง AI QVGA
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.0)
  • การเชื่อมต่อ : 5G, WiFi 5, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ จูนเสียงโดย JBL, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไว 45W
  • ระบบ: Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13
  • ขนาด / น้ำหนัก : 168.5 x 76.5 x 8.5 มม. / 205 กรัม

ราคา และวันวางจำหน่าย

ทางแบรนด์ได้ออกมายืนยันว่า Infinix Note 30 Series รุ่นเริ่มต้นจะมีราคาอยู่ที่ 230 เหรียญสหรัฐฯ (ราว ๆ 8,000 บาท ยังไม่รวมภาษี) ส่วนอีก 2 รุ่นจะตั้งราคาไม่เกิน 300 เหรียญฯ (ไม่เกิน 10,000 บาท ยังไม่รวมภาษี) ส่วนราคาแบบเต็ม ๆ และวันวางจำหน่ายต้องรอติดตามกันต่อไป และตอนนี้ยังมีอีก 1 รุ่นท็อปสุดอย่าง Note 30 VIP ที่ยังไม่ได้เปิดตัวด้วย

ส่วนในไทยตอนนี้มีรายชื่อ 2 รุ่น ได้ผ่าน กสทช. เป็นที่เรียบร้อย และพร้อมเข้ามาวางจำหน่ายในไทยแล้ว ได้แก่ Note 30 4G (X6833B) และ Note 30 5G (X6711) ส่วนจะเปิดตัวเมื่อไหร่ ราคาจะเป็นอย่างไร รอติดตามกันได้ เร็ว ๆ นี้นะ

 

ที่มา: GSMArena, MoCheck กสทช.