ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ทางจีนได้โดนทางสหรัฐแบนการเข้าถึงเทคโนโลยีไปหลายตัว ถ้าจะให้เจาะจงก็คงเป็นเรื่องของเทคโนโลยีการผลิตชิปสมัยใหม่พวก 7nm 5nm 3nm เป็นต้น ทำให้สามารถผลิตได้แต่เทคโนโลยีเก่า ๆ อย่าง 14 nm เป็นหลัก และเมื่อประเมินออกมาจะพบว่าเทคโนโลยียังตามหลังโลกตะวันตกอยู่ไกลเลย

วันนี้ทางคุณ Pat Gelsinger ตำแหน่ง CEO ของบริษัท Intel ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทาง CNBC ว่าเขาไม่คิดว่าทางจีนจะสามารถตามฝั่งตะวันตกได้ทันเร็ว ๆ นี้ เพราะนโยบายการแบนสารพัดจากชาติอย่าง สหรัฐ ญี่ปุ่น หรือ เนเธอร์แลนด์ ปิดทางอยู่นั่นเอง ทำให้จีนไม่สามารถผลิตชิปที่ล้ำหน้าไปกว่ายุค 7nm ได้โดยง่าย

แม้จีนจะพยายามพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิป รวมถึงออกแบบเครื่องมือการผลิตชิปขั้นสูงในประเทศ แต่เมื่อเทียบระดับโลกแล้วก็ยังห่างไกลราว 10 ปีเลยทีเดียว

“นโยบายการส่งออกไปยังประเทศจีนที่เพิ่งถูกนำมาใช้เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทั้งนโยบายของสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ จะจำกัดเทคโนโลยีการผลิตชิปของจีนไว้ที่ระดับ 7 ถึง 10nm เท่านั้น ในขณะที่ทั่วโลกกำลังแข่งขันกันที่ระดับ 1.5 ถึง 2nm กันแล้วด้วยซ้ำ” – Pat Gelsinger กล่าว

แม้ว่าในตอนนี้บริษัทที่มีเทคโนโลยีการผลิตชิปที่ล้ำหน้าที่สุดของจีนอย่าง SMIC จะมีเทคโนโลยีในการผลิตชิปในระดับ 7nm ที่สามารถผลิตในแบบปริมาณมาก ๆ แล้วก็ตาม แต่ก็ยังล้าหลังกว่าการผลิตชิประดับเดียวกันของ TSMC และ Samsung ราว 5 ปี

และนอกจาก SMIC แล้วยังมีบริษัทผลิตชิปอื่นของจีนอย่าง Shanghai Huali Microelectronics Crop (HLMC) นั้นได้เข้าสู่ขั้นตอนการทดลองผลิตชิป 14nm FinFET ตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งถ้าเทียบกับของ TSMC แล้ว ก็ถือว่าช้ากว่ากันอยู่ราว 10 ปี

หรือต่อให้สามารถรู้วิธีผลิตชิปได้ก็ตาม แต่เครื่องมือผลิตชิปที่ถูกสร้างขึ้นใน เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และ สหรัฐ รวมไปถึงวัตถุดิบการผลิตชิปหลายอย่างก็นำเข้ามาจากญี่ปุ่น ซึ่งถ้าจีนโดนประเทศเหล่านี้แบนก็ต้องหาวิธีผลิตแผ่นเวเฟอร์เองด้วย นี่ยังไม่รวมวัตถุดิบอีกหลายอย่างที่ใช้ในการผลิตชิปอีกนะ

นอกจากเครื่องมือและวัตถุดิบสำหรับการผลิตชิปสมัยใหม่แล้ว ยังมีเรื่องของการวิจัยและพัฒนาอีก ที่ตามปกติแล้วการที่จะผลิตชิปเทคโนโลยีล้ำ ๆ ออกมาต้องใช้ความร่วมมือของหลายชาติ ทั้งเรื่องงานวิจัยและเรื่องเงินทุน ไม่ใช่ชาติใดชาติหนึ่งจะทำได้เพียงชาติเดียว

พอนำปัจจัยทั้งหมดมาวัดผลรวม ๆ แล้วจึงเป็นข้อสรุปว่าทำไมจีนถึงมีความสามารถในการผลิตชิปตามหลังโลกตะวันตกอยู่ 10 ปี แม้ทางจีนจะสามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยบางอย่างได้ด้วยวิธีการ Reverse Engineer เพื่อที่จะไม่ต้องไปเริ่มต้นใหม่หมดเอง เพื่อให้ตามทันเทคโนโลยีของโลกตะวันตกมากขึ้นก็ตาม แต่ระยะยาวย่อมไม่ส่งผลดีกับทางจีนเอง

ที่มา : tomshardware