เพิ่งจะจบ Live งานเปิดตัว Apple Special Event ประจำเดือนกันยายนที่มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของ Apple ไป จากตอนแรกที่กะจะเขียนสรุปสเปค iPhone 8 และ iPhone X แค่ 2 รุ่น แต่พอได้ดูงานตั้งแต่ต้นจนจบก็คิดว่ามันมีประเด็นที่น่าสนใจมากกว่านั้น เพราะตลอดทั้งงานนั้นมีการพูดถึงนวัตกรรมและการที่ Apple พยายามทำให้การใช้เทคโนโลยีต่างๆ ดีและง่ายขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เห็นว่ามีอะไรหลายๆ อย่างที่ Apple รีบจ้ำอ้าวและก้าวตามโลกเทคโนโลยีในปัจจุบันให้ทัน บางชิ้นก็ออกมาดูดี แต่บางอันก็เหมือนกับต้องมีให้เหมือนชาวบ้าน เลยเป็นที่มาของบทความชิ้นนี้

งานเปิดตัวครั้งนี้จัดขึ้นที่ Steve Jobs Theatre ที่เปิดใช้งานเป็นครั้งแรกภายในสำนักงานใหม่ Apple Campus ที่อยู่ในระหว่างก่อสร้าง โดย Tim Cook ได้ออกมาทักทาย มีการรำลึกถึง Steve Jobs เล็กน้อย ก่อนที่จะเปิดงานด้วยเรื่องของ Retail Shop

Apple Retail ร้านค้าที่เป็นได้มากกว่า


Retail Shop หรือ Apple Store นั้นตอนนี้เป็นมากกว่าร้านขายสินค้า Apple ไปแล้ว เพราะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้คำปรึกษาตลอด สามารถเดินเข้ามาถาม แบกเครื่องมาให้สอน คือมีระบบและการดูแลที่น่าประทับใจ เชื่อว่าพอ Apple Store มาเปิดในไทยแล้วทุกคนก็น่าจะได้สัมผัสประสบการณ์แบบนี้เหมือนกัน

 

Apple Watch 3 มุ่งเน้นด้านสุขภาพ

การมาของ Apple Watch นั้นถือว่าได้รับการดอบรับดีพอสมควรและถือเป็นหนึ่งในสมาร์ทวอชที่ขายดีที่สุดในโลก และ Apple Watch Series 3 หรือ Apple Watch 3 เองก็ได้มีการปรับสเปคใช้ชิป dual core เพื่อให้มันทำงานได้เร็วขึ้น เพราะตอนนี้ Apple Watch 3 นั้นมาพร้อมกับการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือผ่านระบบ eSIM ที่ฝังเอาไว้ภายใน โดยเราสามารถใช้งาน Apple Watch 3 เป็นโทรศัพท์ ส่งข้อความ คุยกับ Siri หรือฟังเพลงจาก Apple Music ได้ โดยไม่ต้องพกมือถือไปด้วย โดย eSIM นั้นจะทำงานเหมือนระบบมัลติซิม แชร์เบอร์และแพ็คเกจของเราพูดง่ายๆ ว่าใช้เบอร์เดียวกันนั่นเอง

ส่วนแอปและการใช้งานนั้น Apple Watch 3 มีการเพิ่มความสามารถในการตรวจจับอัตราการเต้นหัวใจให้หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบค่า resting heart rate หลังออกกำลังกาย ซึ่งอันนี้มีในกลุ่มนาฬิกาที่เป็น sport watch มานานแล้ว

เรียกว่าทาง Apple เองก็พยายามจะเข้ามากินส่วนแบ่งตลาดตรงนี้ให้มากขึ้น รวมถึงการไปร่วมมือกับ มหาวิทยาลัย Standford ในการพัฒนาการตรวจหาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งเป็นการต่อยอดในเรื่องของการดูแลสุขภาพนั่นเอง

หากจะเอา Apple Watch 3 มาเทียบ กับ Smart Watch ในตลาดตอนนี้ ถ้าพูดถึงความสามารถแน่นอนว่ามันมีเพิ่มขึ้นหลายอย่าง มีความน่าสนใจมากขึ้น แต่ก็ยังมีประเด็นของแบตเตอรี่และอายุการใช้งานที่ 18 ชั่วโมง ซึ่งถ้ามองเป็นกลุ่มนาฬิกาสำหรับออกกำลังก็ถือว่ายังไม่ผ่านในเรื่องของอายุการใช้งาน แต่ถ้ามองเป็นสมาร์ทวอชและความครบเครื่องก็พอให้อภัย (แต่พอต้องชาร์จทุกคืนแบบนี้ตอนนอนก็วัดค่าอะไรไม่ได้หรือเปล่า?)

 

Apple TV 4K HDR อัพเกรดให้ทันเพื่อน

ห่างหายจากการออกรุ่นใหม่ไปนาน มาวันนี้ Apple TV ได้อัพเกรดกับเค้าสักที ซึ่งเป็นการอัพเกรดใหญ่ เพราะ Apple จัดให้ทั้งการแสดงผลแบบ 4K พ่วงกับ HDR มาพร้อมกัน ก้าวตามมาตรฐาน Box ต่อพ่วงในปัจจุบันทันแล้ว ถึงแม้เรื่องภาพ 4K นั้นจะช้าไปเป็นปี แต่เรื่อง HDR10 ยังถือว่าเกาะกระแสพอได้ เพราะเพิ่งจะมีอุปกรณ์ต่างๆ เปิดตัวกันไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี่เอง

โดยรายการหรือหนังต่างๆ ที่เป็น 4K HDR จะทยอยเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ และมีการไปพาร์ทเนอร์กับ Amazon Prime ที่มีหนัง HDR อยู่ในมืออีกเพียบ

แล้วก็มีการพูดถึงเกมบน Apple TV ด้วย เพราะได้ชิปใหม่ รองรับการเล่นเกมได้สูงสุดถึง 8 คน (ยังไม่ชัวร์ว่าต้องใช้ Remote เล่น หรือใช้ iPhone แทนจอยเกมได้)

 

iPhone 8 มือถือที่ทำสถิติตกรุ่นเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์

ถือเป็นงานเศร้าที่สุดของการเปิดตัว iPhone ที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจาก iPhone 8 จะไม่มีความโดดเด่นให้น่าจดจำแล้ว มันยังถูก iPhone X ฆ่าตายในไม่กี่นาทีหลังจากเปิดตัวอีกต่างหาก

รูปลักษณ์ภายนอกหรือดีไซน์นั้นมองผ่านๆ อาจจะไม่เห็นความต่างจาก iPhone 7 แต่จริงๆ แล้วมีการเปลี่ยนจากโลหะแบบ Unibody มาใข้เป็นโลหะ + กระจก แทน ซึ่งสาเหตุหลักๆ เลยคือการนำเอา Wireless charging ระบบชาร์จแบบไร้สายเข้ามา

ถือเป็นเรื่องน่าแปลกใจมากที่ Apple เลือกเอาเทคโนโลยี Wireless Charging ใส่มาในตอนนี้ แถมยังเลือกใช้ Qi มาตรฐานสากล อีกต่างหาก เรียกว่าผิดวิสัยของ Apple ซึ่งถ้าคุณเคยใช้ระบบ Wireless Charge มาก่อนคุณจะรู้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมามันมีปัญหาคือมันชาร์จได้ช้ามากๆ ช้าจน Samsung ต้องพัฒนาระบบ Quick Wireless Charge ขึ้นมา นอกจากนั้นยังโดนระบบชาร์จเร็วผ่านสาย Quick Charge ที่พัฒนาขึ้นจนชาร์จได้เร็วมากๆ เข้ามากลบกระแสไปแล้ว การที่ iPhone 8 มาได้ฟีเจอร์ Wireless Charge ตอนนี้เลยเหมือนแค่ใส่มาเป็นฟีเจอร์ใหม่แก้เก้อ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า Apple เห็นว่าในสหรัฐมีการติดตั้งระบบ Wireless Charge ไว้ในหลายๆ สถานที่ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านกาแฟ รวมถึงในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เลยพิจารณาเอามาใส่ในรุ่นนี้ก็เป็นได้

หน้าจอ iPhone 8 นั้นมีการใช้ True Tone Display ที่ปรับแสงและสีของหน้าจอตามสภาพแสงที่เราใช้งานที่เคยเปิดตัวไปกับ iPad ส่วนเรื่องชิป A11 Bionic นั้นก็ตรงตามที่หลุดคือเป็นชิปแบบ 6 Core รุ่นแรกของ Apple แรงกว่ารุ่นเก่า A10 Fusion

ส่วนกล้องของ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus นั้นไม่ได้ลงรายละเอียดเท่าไหร่นัก แต่มีการระบุว่าเป็นเซนเซอร์ตัวใหม่ที่ถ่ายภาพได้ดีขึ้น เก็บสีแสงได้มากขึ้น โดยมีค่า f หรือรูรับแสงของเลนส์เท่าเดิม

โหมดการถ่ายภาพแบบใหม่ Portrait Lightning (ยังเป็น Beta) สามารถเติมแสงให้กับใบหน้าของเราได้ อันนี้ทางฝั่ง Android ก็มีความพยายามทำแล้ว ทั้ง Samsung LG OPPO ก็มีให้เลือกเพิ่มแสงได้ แต่ดูแล้วของ iPhone อันนี้ทำมาจบและครบกว่า มีแสงหลายแบบให้เลือกด้วย

อีกหนึ่งไฮไลท์คือการถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps และถ่ายวิดีโอสโลโมชั่นที่ 240fps ได้ที่ความละเอียด HD 1080p อันนี้ใครที่ชอบบันทึกวิดีโอหรือใช้มือถือถ่ายน่าจะโดนใจสุดๆ โดยครั้งนี้ถือเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการถ่ายวิดีโอบนสมาร์ทโฟนเลยก็ว่าได้เพราะยังไม่มีค่ายไหนทำได้มาก่อน

 

iPhone X งานรีบต้องมา

มาถึงตัวขโมยซีนของงาน iPhone X (อ่านว่าเท็นหรือสิบ) แน่นอนว่าเป็นรุ่นพิเศษที่ Apple บอกว่ามันคืออนาคตและตัวกำหนดทิศทางของสมาร์ทโฟนยุคใหม่ ซึ่งถ้าจะว่าตาม Apple ก็แปลว่าตอนนี้หลายๆ ค่ายก็มีมือถือยุคใหม่กันแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Xiaomi Mi MIX ที่ขอบบางมาแล้ว 2 รุ่น หรือ Galaxy S8 และ Note 8 ไหนจะยัง LG G6 และ V30 อ้อ และต้องไม่ลืม Essential Phone กับ Sharp Aquos S2 ที่ผลิตจากโรงงานเดียวกับ iPhone X ด้วย หุหุหุหุ

เอ แต่จะบอกว่า iPhone X ขอบบางก็ไม่เชิง เพราะมันก็ยังดูหนากว่าหลายๆ รุ่น บอกว่าเป็นมือถือที่มีหน้าจอเต็มพื้นที่น่าจะเหมาะกว่า โดยมีขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436 x 1125 พิกเซล

ส่วนเรื่องฟีเจอร์และความสามารถใหม่ๆ ทุกสิ่งอย่างที่ iPhone 8 ทำได้ iPhone X ก็ทำได้เช่นกัน แถมยังทำได้มากกว่าด้วย

หน้าจอแม้จะเว้าแหว่งไปหน่อย แต่ก็ยังมาพร้อมการแสดงผลแบบ Dolby Vision และ HDR10 อ้อ ลืมบอกว่าอันนี้เป็นจอ Super Retina ที่ใช้จอ OLED เป็นครั้งแรกของ iPhone

แถบที่เป็นปิ้นๆ ดำๆ นี่แหละคือจุดรวมความพิเศษของ iPhone X เพราะมันมีอุปกรณ์ต่างๆ เยอะมาก หลักๆ คือการนำเอามาใช้กับระบบ Face ID ในการยืนยันตัวตนและปลดล็อคเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น Infrared Camera, Flood Illuminator, Dot Projector พวกนี้ถูกนำมาใช้สแกนใบหน้าแบบ 3D

ระบบ Face ID ที่ใช้ปลดล็อดเครื่องนั้นจะยิงกลุ่มเซนเซอร์เข้ามาที่ใบหน้าเพื่อทำการตรวจจับและระบุตัวตนในรูปแบบสามมิติ อันนี้ดูมีความปลอดภัยมากกว่าระบบ Face Unlock ของ Android ที่เป็นแบบ 2D เท่านั้นเลยโดนหลอกด้วยภาพได้

ยังไม่หมดแค่นี้เพราะด้านหน้ามีเซนเซอร์ที่สามารถวัดความลึก True Depth ได้ ทำให้กล้องหน้าของ iPhone X ถ่ายภาพ Portrait Mode ได้เหมือนกล้องหลัง (เผลอๆ จะดีกว่าและละลายหลังได้เนียนกว่าด้วย)

กล้องหลังของ iPhone X ตอนนี้มีกันสั่นมาให้ทั้งคู่แล้ว โดยเซนเซอร์กล้องที่นำมาใช้ก็ใหญ่กว่าและดีกว่าของ iPhone 8 อีก

ไฮไลท์ของ iPhone X หรือจะบอกว่าเป็น Killing Feature ก็ว่าได้ คือการที่เราสามารถเปลี่ยนหน้าเราให้เป็นอุนจิ หรือสัตว์ต่างๆ ได้กับ Animoji ที่ใช้ระบบ Face ID นี่แหละมาสแกนใบหน้าและมันจะขยับตามหน้าของเราเลย

ส่วนราคาของ iPhone X นั้นพุ่งขึ้นไปถึง 999 เหรียญสหรัฐ ถ้าคำนวนคร่าวๆ เร็วๆ บวกภาษีไปก็น่าจะราวๆ 37,500 บาท

และตอนนี้ Apple ก็ได้ปรับราคา iPhone ใหม่ยกชุดตามนี้ครับ

  • iPhone SE เริ่มต้นที่ 349USD ~14,500 บาท
  • iPhone 6s เริ่มต้นที่ 449 USD ~18,500 บาท
  • iPhone 7 เริ่มต้นที่ 549USD ~22,500 บาท
  • iPhone 8 เริ่มต้นที่ 699 USD ~ 26,500 บาท (ราคาประเมิน)
  • iPhone X เริ่มต้นที่ 999 USD ~ 37,500 บาท (ราคาประเมิน)

และนั่นคือทั้งหมดของงานเปิดตัวผลิตภัณพ์ใหม่ของ Apple ที่พยายามจะก้าวตามเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาแล้วให้ทัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ 4K, HDR, Wireless Charging, มือถือหน้าจอเต็มพื้นที่ ส่วนที่เป็นนวัตกรรมและน่าสนใจจริงๆ ในงานนี้ผมยกให้ Animoji แต่มันดันมีอยู่แค่บน iPhone X ที่แพงแสนแพงนี่สิ (นี่ต้องจ่ายเงินเกือบ 40,000 บาทเพื่อจะได้เปลี่ยนหน้าเป็นอุนจิ)

 

CCC iPhone 8 September

แชทชิงโชคเดือนกันยา – ตุลามาแล้ววววว แจก iPhone 8 ตามคำเรียกร้องเลย ใครอยากร่วมสนุกอย่าลืมรีบกดไปลงทะเบียนกันที่ m.me/dswhatever ตอนนี้ถึงเที่ยงวันพรุ่งนี้ เพื่อรับคูปองลุ้นโชคเพิ่มอีกใบเลย แล้วมาเจอกันวันจันทร์ที่จะถึงนี้เวลา 2 ทุ่มนะ

อ่านกฎกติกาเพิ่มเติมที่ https://droidsans.com/chatchingchoke-september-iphone8/