Apple เริ่มปรับราคาสินค้าหลายชิ้นในญี่ปุ่นมาตั้งแต่เดือนที่แล้วสูงสุด 25% รวมถึง iPhone 13 จากการที่เงินเยนอ่อนค่าหนักสุดในรอบ 20 ปี สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ตลาดหลายฝ่ายประเมินไว้ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก และสถานการณ์ของไทยเองก็น่าจับตามองไม่แพ้กัน เพราะล่าสุดเงินบาทอ่อนค่าแตะ 36 บาทต่อดอลลาร์ เป็นสถิติใหม่ในรอบ 6 ปีกว่า

iPhone 13 ขึ้นราคาในญี่ปุ่นเกือบ 20%

สื่อญี่ปุ่นบางแห่งถึงกับบอกว่า นี่เป็นโศกนาฏกรรมของคนที่คิดจะเอาเงินโบนัสมาซื้อสินค้า Apple ในช่วงฤดูร้อนชัด ๆ คือไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์หลักอย่าง iPhone, iPad และ Mac เท่านั้นที่แพงขึ้น แต่ AirPods กับอุปกรณ์เสริมจิปาถะอื่น ๆ ยังมาแพงขึ้นตามอีก ขนาด ‘ผ้าเช็ดรอย’ ยังขึ้นราคามา 500 เยนเลย…

เปรียบเทียบ iPhone 13 mini และ iPhone 13 ก่อนและหลังปรับราคาในญี่ปุ่น

ยกตัวอย่างสินค้า Apple บางส่วนที่ปรับราคาในญี่ปุ่น

  • iPhone 13 จากเดิมเริ่มต้น 98,800 เยน → ปรับเป็น 117,800 เยน
  • iPhone SE จากเดิมเริ่มต้น 57,800 เยน → ปรับเป็น 62,800 เยน
  • iPad mini จากเดิมเริ่มต้น 59,800 เยน → ปรับเป็น 72,800 เยน
  • iPad จากเดิมเริ่มต้น  39,800 เยน → ปรับเป็น 49,800 เยน
  • iPad Air จากเดิมเริ่มต้น 74,800 เยน → ปรับเป็น 84,800 เยน
  • iPad Pro จากเดิมเริ่มต้น 94,800 เยน → ปรับเป็น 117,800 เยน

iPhone 14 อาจมีราคาแพงขึ้นตามเหมือนกัน

ตอนนี้สาวก Apple ในญี่ปุ่นรวมถึงแฟน ๆ ในประเทศอื่น พอเห็นการปรับราคาครั้งนี้ก็เริ่มมีการพูดคุยแสดงความกังวลถึง iPhone 14 ที่กำลังจะเปิดตัวในอีกสองเดือนถัดไป โดยนอกเหนือจากปัญหาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเสริมอีก เช่น

  • การขาดแคลนชิ้นส่วนตอนนี้ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ เรื่องนี้เป็นตัวฉุดยอดขาย iPad ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ทำให้รายได้ของ Apple หดหายไประดับหนึ่งจากที่ควรจะเป็น
  • ซ้ำร้าย ในจีนที่เป็นฐานผลิตใหญ่ยังมาล็อกดาวน์จากมาตรการโควิดซีโร่ของรัฐบาล ทำให้โรงงานสำคัญ ๆ หลายแห่งต้องปิดตัวลงชั่วคราว
  • ภาวะเงินเฟ้อ ทำให้อุปสงค์ของผู้บริโภคตกต่ำลง จากที่เคยซื้อของชิ้นหนึ่งได้โดยไม่ต้องคิดอะไรเยอะ พอเศรษฐกิจไม่สู้ดี คราวนี้จะใช้จ่ายอะไรก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนหน่อย
  • การสูญเสียรายได้ของ Apple จากการเลิกขายสินค้าในรัสเซีย

ทิม คุก ซีอีโอของ Apple เองก็ยอมรับในแถลงผลประกอบการประจำปีหนล่าสุด ว่าอะไรต่าง ๆ เหล่านี้สร้างปัญหาให้กับบริษัท

อย่างไรก็ตาม ข่าวดีเล็กน้อยคือ นักวิเคราะห์จะให้ความเห็นตรงกันเป็นส่วนใหญ่ว่า พวกปัจจัยรอง ๆ ไม่น่าจะทำให้ iPhone 14 ขึ้นราคา ความหมายคือ Apple ก็เปิดมาราคาเท่าเดิมนั่นแหละ เริ่มต้น 699 ดอลลาร์ หรือเท่าไหร่ก็ว่าไป แต่ลูกค้าที่อยู่นอกสหรัฐฯ ก็ต้องไปลุ้นอีกที ว่าตอนนั้นสถานการณ์ค่าเงินในประเทศตนเองจะเป็นอย่างไร ซึ่งถ้ายังเป็นแบบญี่ปุ่นอยู่ตอนนี้ ก็ต้องจ่ายแพงขึ้นแน่ ๆ (ถึงจะจ่ายแพงขึ้นเหมือนกัน แต่มาจากเหตุผลที่แตกต่างกัน สินค้าไม่ได้ขึ้นราคามาจากต้นทาง)

เงินบาทก็อ่อนค่า ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบอะไรไหม

ในส่วนของประเทศไทย ตอน iPhone 13 เปิดตัวมา ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32 บาทต่อดอลลาร์ ตอนนี้ขยับเป็น 36 บาทต่อดอลลาร์ หากถามว่า Apple จะปรับราคาสินค้าในบ้านเราด้วยไหม ก็อาจจะไม่ถึงขนาดนั้น เพราะถ้าเทียบกันแล้ว ญี่ปุ่นหนักกว่าเราเยอะ แต่ทั้งนี้ ความเป็นไปได้ก็คงไม่ใช่ 0% เสียทีเดียว

ดังนั้น ถ้าใครมีความจำเป็นต้องซื้อสินค้าของ Apple ในช่วงนี้ แล้วถือเงินอยู่ในมือพร้อม ก็ให้รีบซื้อแต่เนิ่น ๆ ยังไงก็ดูปลอดภัยกว่าครับ

 

อ้างอิง