เปิดตัวไปอย่างสดๆ ร้อนๆ ในงาน CES 2015 กับอีกหนึ่งสุดยอดเทคโนโลยีแห่งปี 2015 กับ LG G Flex 2 ซึ่งงานนี้ก็เรียกได้ว่า เป็นไปตามคาดไม่ผิดเพี้ยนจากข่าวหลุดก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือสเป็คที่แทบจะลอกออกมาจากข่าวหลุดก่อนๆ กันเลยทีเดียว
โดยรอบนี้ เจ้า LG G Flex 2 นั้นมาพร้อมกับสีของตัวเครื่องให้เลือก 2 สี คือ สีแดง Flamenco Red และสีเงิน Platinum Silver พร้อมกับดีไซน์ตัวเครื่องโค้งงอได้แบบเดิม (ใช่สิ เพราะมันคือ G Flex) แต่ได้ปรับปรุงและปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่ โดยมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD 1080p แบบ P-OLED (Plastic OLED) ซึ่งส่งผลให้ขนาดของตัวเครื่องโดยรวมนั้นลดลงจาก G Flex ตัวเดิมมาอยู่ที่ 149.1 x 75.3 x 7.1-9.4 ม.ม.(ความหนาไล่จากจุดที่บางสุดถึงจุดที่หนาสุด) เท่านั้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับดีไซน์ตัวเครื่องแบบเหลี่ยม แตกต่างไปจากดีไซน์เดิม จึงทำให้หน้าตาโดยรวมดูหรูหรายิ่งขึ้น และในส่วนของฝาหลังนั้น ก็ยังมาพร้อมกับฟังค์ชั่นสุดเจ๋งอย่าง Self-healing ลดรอยขีดข่วนได้เช่นเดิม แต่ได้มีการปรับปรุงให้ advance มากขึ้นอีกเล็กน้อย จากของ G Flex ตัวเดิมที่จะลดรอยขีดข่วนบางๆให้หายไปได้ใน 3 นาที มาคราวนี้ลดลงเหลือแค่ 10 วินาที เท่านั้น!!!
ยังไม่พอ LG ยังได้พัฒนากระจกขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อใช้กับ G Flex 2 อีกด้วย โดยมีชื่อเรียกว่า “Dura Glass” ซึ่ง LG เคลมว่า เจ้ากระจกพิเศษนี้ สามารถทนแรงกดได้มากกว่ากระจกปกติถึง 20% เลยทีเดียว ซึ่งจะส่งผลให้เจ้า G Flex 2 นั้นสามารถทนแรงกดที่หน้าจอได้มากกว่ารุ่นอื่นๆ
ในส่วนของสเปคนั้น ก็ไม่ได้ต่างจากข่าวหลุดนัก โดยจุดเด่นทางด้านสเป็คนั้นก็คือ LG G Flex 2 นั้นเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกมาพร้อมกับ CPU แบบ 64-bit ตัวใหม่ล่าสุด “Qualcomm Snapdragon 810” มาพร้อมกับความจุหน่วยความจำตัวเครื่อง 16/32gb และแรม 2/3gb แบบ LP-DDR4 (ขึ้นอยู่กับความจุตัวเครื่อง) พร้อมทั้งสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้อีกด้วย จุดเด่นอีกอย่างคือกล้องที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นจากรุ่นเดิม โดยมาพร้อมกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยไฟแฟลชแบบ two tones, OIS+ และ Laser focus (สเปคกล้องเดียวกับ G3) แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh รองรับการชาร์จเร็วผ่านเทคโนโลยี “Step Charging”โดยชาร์จได้ 50% ของความจุภายในเวลาเพียง 40 นาทีเท่านั้น (คล้ายกับใน Galxy Note4 และ Nexus 6)
มาต่อกันที่ส่วนของซอฟแวร์ภายในกันบ้าง มาคราวนี้ LG จัดระบบปฏิบัติการล่าสุดอย่าง Android 5.0 Lollipop มาให้ตั้งแต่เกิดโดยไม่ต้องรออัพเดทเพิ่มเลย พร้อมครอบด้วย LG UI แบบอัพเดทซึ่งดูคล้ายกับใน G3 ที่พึ่งได้รับอัพเดทไป ลูกเล่นอื่นๆ ที่มีเพิ่มเข้ามาก็อย่างเช่น ฟังค์ชั่นรีวิวภาพที่พึ่งถ่ายไป โดยการลดเครื่องลงไปอยู่ในระดับของการจับถือปกติหลังจากถ่ายภาพเสร็จ และฟังค์ชั่น Knock-On กับ Knock-Code ที่มีการเพิ่มลูกเล่นโชว์นาฬิกาและการแจ้งเตือนใหม่โดยที่ไม่ได้เปิดเครื่องทั้งหมด โดยการ double tap แล้วจอจะติดขึ้นมาโดยแสดงนาฬิกาและการแจ้งเตือน ถ้าจะเปิดจอเต็มที่จึงค่อยแตะค้างแล้วลากหน้าจอลงทั้งหมดจึงจะเป็นการเปิดจอเต็มที่ได้อีกด้วย
ในส่วนของกำหนดการวางขายนั้น คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศเกาหลีใต้ภายในสิ้นเดือนนี้ ส่วนราคาและกำหนดการวางขายในประเทศอื่นๆ นั้นก็คงต้องติดตามข่าวกันต่อไป
ที่มา : Android Central และ Phone Arena
ราคาแรงน่าดูเลย
// จะหาเคสใส่ได้มั้ยเนี่ย
ตัวแรกเคสก็มีขายเยอะแยะนะ
ซ้ำ*
คือ จิงๆ ชอบ สวย แต่ก้อยังไม่ค่อยเข้าใจประโยชน์ ของ curve เท่าไร ว่า เพื่อ?? เหอๆ
มันยืดหยุ่นไงครับ แบ็ต กรอบฝาหลังจอ เทคโนโลยีข้างในออกแบบมาสำหรับรับแรงกดแล้วสามรถคืนรูปได้ มันเทพมากเลยนะ
810 ตัวแรกของปีนี้จะเป็นใครหว่า
แว๊ปแรก นี่ 1+1 ชัดๆ 555
เหมือน find7มากกว่านะ ถถถถถถ
ราคาไม่แพงเว่อร๋แบบรุ่นแรกก็ดีนะ
ราคาไม่แพงเว่อร๋แบบรุ่นแรกก็ดีนะ
สวยมากในความคิดผม แต่คิดว่าราคาคงแรงแฮะ *0*
เก๋แบบไม่มีประโยชน์
LG นี่ขึ้นเร็วลงเร็วแฮะ ตอน G2 มานี่คิดว่ามาฆ่าเพื่อนร่วมชาติแท้ๆ
พอไปๆได้แปบ ก็หลงทางเหมือนกัน
g3 ก็ฆ่า s5 ได้นะ ถึงแม้จะแค่ในเกาหลีเองก็เถ่อะ
เอาจริงๆ พี่สาวไปเกาหลีมา บอกว่า เดี๋ยวนี้เห็นคนส่วนใหญ่ใช้ LG กะ Vega
S5 ยอมรับครับว่าดีไซน์ฆ่าตัวตายแต่เกิด จุดเด่นก็หลงเข้ารกเข้าพง
จะว่า S5 เป้กเพราะ G3 เทพฝุดคงไม่ใช่ น่าจะเพราะ S5 ทำตัวเองด้วย
และในขณะที่ S5 กำลังสะบักสบอม G3 แทนที่จะกระทืบซ้ำให้คาที่
กลับมาลงคลองเรื่อง over sharpen กระตุกแหลกจนคนส่ายหัว
ส่วนไอ่เครื่องงอๆแบบนี้ ผมถือว่าเก๋แต่ไม่มีประโยชน์ครับ
เปิดหลังมาเปลี่ยนแค่ซิมกับใส่ SD card -_-"
แอบ fail เล็กๆ ทำไมไม่ทำ slot ใส่ด้านข้างเลยนะ
กลับมาใช้ glossy plastic เหมือนเดิม นึกว่าจะหลุดพ้นตั้งแต่ G3แล้ว