สวัสดีเพื่อนสมาชิก Droidsans ทุกท่าน วันนี้ผมจะมานำเสนอรีวิว LG G3 สมาร์ทโฟนเรือธงปี 2014 ของ LG ที่ต้องบอกว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดเท่าที่ LG เคยทำมาเลยทีเดียว(ก็เรือธงอะ) สำหรับ LG G3 นั้นมีจุดเด่นที่หน้าจอความละเอียดระดับ QHD 2K ที่ถือว่าสูงที่สุดแล้วในตลาดสมาร์ทโฟนขณะนี้ มาพร้อมกับสเปกที่ถือว่าอยู่ในระดับท็อปทั้ง CPU, RAM, กล้องหน้า และกล้องหลัง ซึ่งเดี๋ยวเราจะไปดูกันในหัวข้อสเปกนะครับ แต่ขอบอกว่าจัดมาเต็มเลยสำหรับมือถือรุ่นนี้ โดย LG G3 นั้นวางจำหน่ายได้สักพักแล้วในราคา 20,990 บาท มีทั้งหมด 3 สีด้วยกันคือ เทาดำ,ขาว และทอง และยังรองรับ 4G ของประเทศไทยอีกด้วย เดี๋ยวเรามาดูกันว่า LG G3 เครื่องนี้จะดีสมราคามือถือที่ดีที่สุดของ LG ตอนนี้หรือไม่

LG G3 เครื่องนี้ทางเว็บได้จัดซื้อมารีวิวเอง เพราะ LG Thailand ไม่ได้ส่งมาให้นะครับ โดยเลือกซื้อเป็นรุ่นสีเทาดำ Metallic Black มา ซึ่งหลังจากได้ทดลองใช้งานมาอาทิตย์กว่าๆ ก็ได้เวลามาเล่าสู่กันฟังแล้วครับ

 

แกะกล่องกันก่อน…

กล่องของ LG G3 นั้นเป็นสีทองดูพรีเมียม ออกแบบให้ดูเหมือนโลหะขัดลายหรือ Brushed Metal แบบเดียวกับงานออกแบบของตัวเครื่องเอง ขนาดกล่องไม่ใหญ่มาก พอแกะกล่องออกเราจะพบอุปกรณ์ดังนี้

  1. LG G3
  2. สาย USB 2.0
  3. Adaptor สำหรับชาร์จ ขนาด 5V 1.8A
  4. หูฟัง QuadBeat 2
  5. คู่มือแนะนำอย่างย่อ (Quck start guide)

หมดแล้วครับสำหรับอุปกรณ์ในกล่องซึ่งก็ถือว่าครบตามมาตรฐาน จะมีหูฟัง QuadBeat 2 ที่ดูดีเกินจะเป็นของแถมแต่เค้าก็แถมแบบนี้มาให้เลย ส่วนสาย USB ที่แถมมานั้นเป็นแบบเส้นหนาคุณภาพสูง รองรับกระแสไฟตามมาตรฐาน AWG ได้ตั้งแต่ 20AWG-28AWG ดังนั้นเวลาชาร์จรับรองว่ากระแสไฟวิ่งได้เต็ม ชาร์จไว และการถ่ายโอนข้อมูลผ่านสาย USB ก็เสถียรและรวดเร็วครับ

 

 

มาดูเรื่องสเปกกัน…

สเปกของ LG G3 นั้นจัดอยู่ในระดับเรือธงอยู่แล้ว ไม่น้อยหน้าค่ายอื่นแน่นอน ถ้าไม่นับเรื่องความสามารถในการกันน้ำตามสมัยนิยมที่ไม่มีในมือถือรุ่นนี้ ก็ต้องบอกว่า LG G3 นั้นจัดสเปกมาเต็มสมฐานะเรือธงเลยทีเดียว ลองมาดูรายละเอียดกัน

  • ชื่อและรหัสเครื่อง : LG G3 (D855)
  • สัดส่วน: 146.3 x 74.6 x 8.9 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก: 149 กรัม
  • หน้าจอ: LCD แบบ True HD IPS+ ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K QHD 2560×1440 พิกเซล 534 ppi
  • เครือข่ายที่รองรับ:
    • LTE : 700 / 800 / 900 / 1800 / 2100 / 2300 / 2600
    • 3G : HSPA+42.2 850/900/1900/2100
    • 2G : GSM/EDGE/GPRS 850/900/1800/1900
  • SIM : รองรับ SIM เดียวแบบ Micro SIM
  • CPU : Qualcomm MSM8974AC Snapdragon 801 แบบ Quad-core 2.5 GHz
  • GPU : Adreno 330
  • RAM : 2 GB
  • หน่วยความจำภายใน : 16 GB เพิ่ม MicroSD ได้ถึง 128GB
  • กล้องหน้า : 2.1 ล้านพิกเซล พร้อม Beauty mode
  • กล้องหลัง : 13 ล้านพิกเซล พร้อม OIS+ กันภาพสั่นไหว, dual-LED flash และ Laser autofocus
  • แบตเตอรี่ : 3,000 มิลลิแอมป์
  • OS : Android 4.4.2 KitKat พร้อม Emotion UI 2.0
  • NFC : มี
  • การเชื่อมต่ออื่นๆ :
    • Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac
    • Bluetooth 4.0 LE (APT-x)
    • A-GPS, GLONASS
    • USB 2.0
    • หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

 

Metallic Skin และขอบบาง 2 mm…

เรามาพูดถึงเรื่องงานออกแบบของ LG G3 กันครับ ถ้าดูกันตามขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้วเราคงจะคิดว่า LG G3 คงเป็น Phablet ขนาดใหญ่แนวๆ Galaxy Note ที่ใหญ่เกินกว่าจะใช้งานมือเดียวได้ แต่จากการถือใช้งานมาอาทิตย์กว่า ผมกลับรู้สึกว่าการใช้งาน LG G3 นั้นเหมือนกับการใช้งานมือถือจอ 5 นิ้วทั่วๆไป อาจจะรู้สึกว่าใหญ่กว่านิดนึง แต่ไม่ได้ใหญ่มากจนใช้งานมือเดียวไม่ได้ ตรงนี้เป็นเพราะขอบจอที่บางเพียง 2 mm ทำให้ขนาดความกว้างของ LG G3 นั้นไม่ต่างจากมือถือจอ 5 นิ้วสักเท่าไหร่ อีกทั้งน้ำหนักเพียง 149 กรัมต้องถือว่า เบาดีจริงๆ แถมบางแค่ 8.9 mm อีกด้วย ทำให้การใช้งานมือเดียวบน LG G3 ที่มีขนาดหน้า 5.5 นิ้วนั้น ไม่ถึงกับสะดวกแต่ก็ไม่ถึงกับลำบากเกินไปเหมือนการใช้งานมือถือยี่ห้ออื่นที่หน้าจอใหญ่ระดับนี้

ถ้าพูดถึงงานออกแบบของ LG G3 ในด้าน “ความเหมาะสมในการใช้งาน” หรือ Ergonomic นั้นต้องบอกว่า ยอดเยี่ยม เลยครับ ด้วยการออกแบบฝาหลังที่โค้งรับกับอุ้งมือเวลาถือใช้งาน และการรวมปุ่มต่างๆ ทั้งปุ่ม Power และปุ่มปรับเสียงไว้ด้านหลังของเครื่อง ถือว่าเหมาะกับการใช้งานมือเดียวอย่างแท้จริง ถึงแม้สำหรับคนที่เพิ่งจะเปลี่ยนมาใช้ LG G3 ครั้งแรกอาจจะมีการปรับตัวเรื่องปุ่มสักหน่อย แต่พอคุ้นเคยแล้วจะชอบเลยครับ เพราะเราไม่ต้องเปลี่ยนตำแหน่งการถือแล้วเอื้อมนิ้วไปกดปุ่มใดๆ เนื่องจากปุ่มจะอยู่ตรงกับนิ้วชี้ของเราตลอดเวลา และไม่เกี่ยงว่าจะถนัดซ้ายหรือถนัดขวาอีกด้วย

แม้แต่ตัวปุ่มเองก็ออกแบบได้สวยงาม โดยปุ่มปรับเสียงจะเป็นร่องลึกลงไปในแนวตั้งและปุ่ม Power นูนขึ้นมาตรงกลางโดยไม่นูนเกินฝาหลังของตัวเครื่องทำให้ตัวเครื่องไม่ยกขึ้นมาเวลาวางราบพิ้นเรียบอีกด้วย ตรงนี้เป็นการปรับปรุงข้อมเสียจาก LG G2 อย่างชัดเจน งานออกแบบของปุ่มผมอธิบายไม่ถูกแต่มันดูพรีเมียมดูสวยและการสัมผัสก็รู้สึกดีครับ


Tips 

  • กดปุ่มลดเสียงค้างไว้ 2 วินาทีตอนที่หน้าจอดับอยู่ จะเป็นทางลัดเข้าสู่โหมดกล้องถ่ายรูปเลย
  • กดปุ่มเพิ่มเสียงค้างไว้ 2 วินาทีตอนที่หน้าจอดับอยู่ จะเป็นทางลัดเข้าสู่ QuickMemo+

 

งานออกแบบพื้นผิวภายนอกของ LG G3 นั้นเป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนตที่ถูกทำให้เหมือนโลหะขัดลาย(Brushed Metal) โดย LG เรียกการออกแบบแบบนี้ว่า Metallic Skin เปรียบเทียบกับฝั่ง Samsung ที่เอาพลาสติกมาทำให้เหมือนหนังเรียกว่า Faux Leather ดังนั้นของ LG ก็เหมือนกับ Faux Metal นั่นเองครับ นอกจากงานออกแบบ Metallic Skin แล้วในส่วนของคุณภาพงานประกอบเองก็อยู่ในระดับดีมาก ทั้งที่ฝาหลังนั้นสามารถถอดออกมาได้แต่พอประกบกับตัวเครื่องแล้วแนบสนิทไม่กรอบแกรบ ดูคล้ายเป็นงาน Unibody เลยครับ ส่วนฝาหลังเองถึงจะดูเงาแต่ผิวสัมผัสไม่มันและไม่ติดคราบรอยนิ้วมือด้วย ทำให้ดูคงสภาพสะอาดไร้ความมันบนผิวหลังชัดเจน ตรงนี้ชอบมากเพราะผมเป็นคนมีเหงื่อออกที่มือเยอะ จับอะไรก็เป็นคราบไปซะหมด

 

เราลองมาดูรอบตัวเครื่องว่ามีอะไรบ้าง เริ่มกันที่ด้านบนของตัวเครื่องมีพอร์ต Infrared ใช้คู่กับแอพ QuickRemote เพื่อทำตัว LG G3 เป็นรีโมทควบคุมทีวี, เครื่องเสียง และ Set Top box ต่างๆ ได้ ข้างๆพอร์ต Infrared จะเป็นไมค์สำหรับตัดเสียงรบกวนระะหว่างการสนทนาครับ ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมค์สนทนา และพอร์ต MicroUSB สำหรับเสียบสายเพื่อชาร์จและโอนข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ สำหรับด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่องจะโล่งๆไม่มีปุ่มอะไร

 

ด้านหลังประกอบด้วย กล้องหลักขนาด 13 ล้านพิกเซลที่มาพร้อมกับระบบ OIS+ ป้องกันภาพสั่นไหวได้อย่างดีเยี่ยม ด้านซ้ายของกล้องเป็น Laser Autofocus ที่เอาไว้ยิงแสงเลเซอร์เพื่อจับระยะของวัตถุและช่วยในการโฟกัสภาพ ด้านขวาของกล้องเป็น Dual-LED Flash แบบทูโทน ถัดลงมาเป็น Slot สำหรับเสียบ SIM แบบ MicroSIM และ Slot ของ MicroSD card ที่อยู่ทับด้านบนอีกที ส่วนด้านล่างจะเป็นลำโพงสำหรับเสียงเรียกเข้าและเสียงเตือนกำลังขับ 1W ที่ให้เสียงได้ดังและชัดเจนกว่าลำโพงทั่วไป แต่ถ้าจะให้เทียบกับลำโพง Boomsound ของ HTC One M8 หรือลำโพง S-Force Surround ของ Sony Xperia Z2 นั้นยังถือว่าคนละชั้นกัน เพราะทั้งสองรุ่นที่กล่าวมาเป็นลำโพงคู่สเตอริโอที่วางอยู่ด้านหน้าเครื่องเลย พอแกะฝาหลังก็จะเห็น Battery ขนาด 3,000 mAh ที่เพียงพอต่อการใช้งานในหนึ่งพอดีครับ

 

สรุปงานออกแบบของ LG G3 นั้นถือว่าปรับปรุงข้อเสียจาก LG G2 มาหลายจุดเลยทีเดียว ทั้งเรื่อง Metallic Skin และการออกแบบปุ่มให้แนบไปกับฝาหลังยิ่งกว่าเดิม แถมฝาหลังก็ไม่จับรอยนิ้วมือหรือคราบเหงื่อให้ดูสกปรกอีกด้วย ดูภาพรวมแล้วเหมาะสมกับการเป็นมือถือพรีเมียม แต่ยังไม่สุดเพราะยังเป็นเพียงพลาสติกที่ทำให้ดูเหมือนโลหะเท่านั้น พอจับแล้วยังไงก็ยังพลาสติกเหมือนเดิม

 

หน้าจอ 2K QHD ที่ให้ภาพชัดและคมเวอร์ (Over-sharpened)

LG G3 นั้นมาพร้อมกับหน้าจอ True-HD IPS+ ขนาด 5.5 นิ้วที่มีความละเอียดระดับ Quad HD 2560 x 1440 พิกเซลหรือที่หลายคนเรียกว่าหน้าจอ 2K นั่นเอง โดยหน้าจอแบบนี้จะให้ความละเอียดมากว่า Full HD ถึง 2 เท่า คิดเป็นความหนาแน่นพิกเซลได้มากถึง 534 ppi ซึ่งทาง LG เคลมในงานเปิดตัวว่า ตาเราคนเราสามารถแยกแยะความละเอียดได้ถึงระดับนี้เลยแหละ แต่ผมลองมองเทียบกันระหว่าง HD กับ Full HD นั้นสามารถแยกออกได้ แต่ถ้าเป็น Full HD กับ Quad HD แล้วแยกไม่ออกเหมือนกันครับ

 

จากการใช้งานทั่วไปพบว่าหน้าจอ QHD ของ LG G3 นั้นให้ภาพที่คมชัดสวยงาม มุมมองกว้างหายห่วง โดยเฉพาะเวลาที่บริโภคไฟล์มีเดียประเภทต่างๆ ไม่ว่าเป็นจะเป็นภาพถ่ายหรือวิดีโอโดยเฉพาะการดู Youtube นั้นให้ประสบการณ์ที่น่าประทับใจเลยทีเดียว แต่หน้าจอของ LG G3 นั้นยังมีการแสดงผลแปลกๆ ในการดูเว็บที่มีตัวหนังสือเยอะๆ โดยจะเห็นได้ชัดว่า บริเวณขอบของตัวหนังสือนั้นมีสีขาวบริเวณรอบๆตัวหนังสือชัดเจนมาก และการดูภาพในบางสีนั้นจะเห็นเป็นเส้นแนวดิ่งชัดเจนอีกเหมือนกัน ซึ่งปัญหาตรงนี้ก็ ได้รับการยืนยันจากผู้ใช้หลายคน ทั้งบ้านเราและต่างประเทศ แต่ผมคิดว่านี่ไม่น่าจะใช่ปัญหาระดับ Hardware แต่เป็นปัญหาที่ Software มากกว่า เข้าใจว่า LG ตั้งใจเร่งความคมของภาพเพื่อโชว์ศักยภาพหน้าจอมากเกินไปจนมันโอเวอร์ นี่จึงเป็นที่มาของ “หน้าจอคมเวอร์” ภาษาอังกฤษเรียกว่า “ Over-sharpened display” ก็ต้องรอดูว่า LG จะได้ยินปัญหานี้แล้วเอาไปแก้ไขหรือไม่ หรืออาจจะคิดว่านี่เป็น Feature ที่ตั้งใจใส่เข้ามาในมือถือรุ่นนี้ก็เป็นได้

 

สิ่งหนึ่งที่หน้าจอของ LG G3 นั้นยังทำได้ไม่ดีนักในความเห็นส่วนตัวของผมคือเรื่องสีสันและ Contrast โดยจากการใช้งานพบว่า สีสันที่ได้จากหน้าจอของ LG G3 ไม่สดเลยและดูออกจืดๆไปนิด อีกทั้ง Contrast ของภาพบางทีก็น้อยจนดูภาพมันมืดๆทึมๆยังไงพิกล เทียบกับหน้าจอ Super AMOLED ของ Samsung Galaxy Tab S ที่ผมเพิ่งจะรีวิวไปนั้นถือว่าสีสันและ Contrast ต่างกันมากเลยทีเดียว ตรงนี้อาจจะแล้วแต่รสนิยมทางสายตาของแต่ละคนด้วยนะครับ อย่างไรก็ตาม LG ก็อนุญาตให้เราสามารถปรับค่า Color และ Contrast ได้เอง ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้


Tips

การปรับ Color และ Contrast ของหน้าจอ สามารถทำได้โดยเข้าไปที่ Settings -> Accessibility -> Color adjustment โดยถ้าเราเปิด Color adjustment ให้เป็น On เราจะสามารถเลื่อนรูปวงแหวนที่อยู่บนหน้าจอ เพื่อปรับสีสันและ Contrast ได้เอง ผมปรับไว้ที่ตำแหน่งตามรูปด้านล่างครับ

 

ไม่ใช่ LG G3 เท่านั้นที่มีหน้าจอความละเอียดระดับนี้ในตลาด Oppo Find 7 เป็นมือถืออีกรุ่นที่ใช้หน้าจอความละเอียด 2K QHD และจากการ รีวิวเปรียบเทียบ LG G3 กับ Oppo Find 7 ของคุณ HD_Mania ต้องบอกว่าหน้าจอของ Oppo นั้นดูสวยกว่า LG อยู่เหมือนกัน

 

ว่ากันด้วยเรื่อง Software …

ในส่วนของซอฟท์แวร์นั้น LG G3 มาพร้อมกับ Android 4.4.2 KitKat ซึ่งสามารถอัพเกรดเป็น Android L ได้ในอนาคตอย่างแน่นอน LG นั้นมีระบบ UI ที่เป็นของตัวเองอยู่แล้วชื่อว่า Optimus UI ที่ใช้มาอย่างช้านาน ซึ่งโดยส่วนตัวเคยลองใช้ LG Optimus UI ต้องบอกว่ามันยังขาดๆเกินๆ อยู่หลายเรื่อง แต่ใน LG G3 นั้นมีการยกเครื่อง UI ใหม่ทั้งหมด โดยมีเปลี่ยนการไอคอนและ element ต่างๆบนหน้าจอให้ดู flat มากขึ้นตามเทรนด์ยุคนี้ และสีที่เลือกใช้ก็เป็นสีพาสเทลดูสบายตา

Home Screen ของ LG G3 การใช้งานไม่ต่างจาก Home Screen มาตรฐานของ Android สักเท่าไหร่ โดยที่พิเศษหน่อยคือ หน้าจอซ้ายสุดเรียกว่า Smart Bulettin ที่จะแสดงข้อมูลอยู่ 2 อย่างคือ ข้อมูล LG Health ที่เป็นแอพออกกำลังกายที่มากับ LG G3 แบบเดียวกับ S Health ของ Samsung นั่นเอง และข้อมูลอีกอย่างคือ Smart Tips ที่แนะนำเทคนิคการใช้งาน LG G3 เบื้องต้น ส่วนอีก 2 หน้าที่เหลือเป็นหน้า Home Screen ธรรมดาที่เอาไว้วาง Widget และ App shortcut ต่างๆ

 

Tips

การปิด Smart Bulletin เมื่อไม่ต้องการใช้งานแล้ว สามารถทำได้โดยเข้าไปที่ Settings -> Home screen แล้วกดสวิทช์เป็น Off ตรงหัวข้อ Smart Bulletin ครับ

 

มาต่อกันเรื่องการเพิ่ม Widget หรือ App ลงบนหน้าจอสามารถทำได้โดยการแตะค้างบนที่ว่างบนหน้าจอแล้วจะเป็นตามรูปด้านล่าง

การเพิ่มหรือลด Widget และ App บนหน้าจอก็ทำได้ง่ายๆ โดยการจับลากจากถาดรวมด้านล่างแล้วเอาไปแปะบนตำแหน่งของหน้าจอที่เราต้องการได้เลยครับ นอกจากนั้นก็ยังสามารถเปลี่ยน Wallpaper ได้จากหน้านี้อีกด้วย ทั้งภาพจาก Gallery, Live wallpapers หรือ Multi-photo ที่เอารูปมาต่อกันแล้วรูปจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตอนที่เราเลื่อนซ้ายเลื่อนขวาบนหน้า Homescreen นะครับ

 

Smart Notice เป็นส่วนการแจ้งเตือนเหตุการณ์ต่างๆที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ โดยจะเป็นแผ่นพับอยู่ข้างล่าง Widget พยากรณ์อากาศ ซึ่งข้อมูลที่จะนำมาแสดงนั้นสามารถปรับแต่งได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ได้แก่

  • การแนะนำให้เราสร้าง Contact ใหม่สำหรับเบอร์โทรศัพท์ที่เรามีการติดต่ออยู่บ่อยครั้ง
  • แจ้งเตือนให้โทรกลับเบอร์ที่เรากดตัดสายและเคยส่งข้อความไปบอกว่ายังไม่ว่าง
  • แจ้งเตือนวันเกิดของ Contact ที่เราเคยบันทึกวันเกิดเอาไว้
  • แจ้งเตือนตอนแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า 30% พร้อมให้เรากดเปิดโหมดประหยัดพลังงาน (Battery Saver) ได้
  • แจ้งเตือนให้ลบไฟล์แคชและไฟล์ขยะต่างๆที่อยู่ในเครื่อง
  • แจ้งเตือนข้อมูลจาก Smart Bulletin ทั้ง Smart Tips และ LG Health

 

LG Smart World เราสามารถ download Theme และ Font ใหม่ๆได้ผ่านทาง LG Smart World ซึ่งเป็นที่รวบรวม Theme ของ Home screen และ Keyboard รวมถึง Font น่ารักๆแบบต่างๆ ให้เรานำมาปรับใช้กับมือถือของเราได้ตามสะดวก

 

Knock Code และ KnockOn ความสามารถที่เป็นลายเซ็นต์มือถือ LG ในยุคหลัง ตั้งแต่ LG G2 เป็นต้นมา Knock Code นั้นเป็นวิธีการในการปลดล็อคหน้าจอ โดยให้เราสามารถกำหนดการเคาะหน้าจอเป็นรูปแบบตามช่องสี่เหลี่ยม 4 ช่องที่กำหนดไว้ให้ ซึ่งเราสามารถเคาะเป็นรูปแบบที่เราต้องการได้ตั้งแต่ 2-8 ครั้ง รวมเป็นรูปแบบที่เป็นไปได้ทั้งหมด 86,367 รูปแบบ ถ้าเคาะตรงตามรูปแบบที่กำหนดไว้ก็จะปลดล็อคหน้าจอเข้าไป Homescreen ให้เลย ส่วน KnockOn นั้นเป็นการเคาะ 2 ครั้งเพื่อเปิดและปิดหน้าจอ โดยการเคาะบนที่ว่างของ Home screen หรือถ้าใช้งาน App อื่นอยู่ก็สามารถเคาะ 2 ครั้งบน Status bar เพื่อปิดหน้าจอได้เหมือนกัน

 

 

Dual Window ความสามารถใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน LG G3 คือ การแบ่งครึ่งหน้าจอเปิด App สองอันใช้งานพร้อมกันได้ ซึ่งก็เหมือนกับ Multi Window ที่มีอยู่ในสมาร์ทโฟนของ Samsung นั่นเอง โดยการใช้งานก็ไม่ได้ต่างจาก Multi Window สักเท่าไหร่ เริ่มด้วยการกดปุ่ม Back ค้างไว้ จะมีหน้าจอ Dual Window เปิดขึ้นมาให้เราเลือก App ที่จะเปิดครึ่งบนและครึ่งล่างของหน้าจอตามลำดับ พอเปิด App แล้วเราก็สามารถใช้งานได้ทันที นอกจากนั้นเรายังสามารถปรับขนาดการแสดงผลของแต่ละ App ได้ และยังเลือกสลับตำแหน่ง App. เปลี่ยน App, ขยายเต็มจอ และปิด App ที่ไม่ใช้แล้วได้เช่นกัน

 

QSlide คือความสามารถในการเปิด App ขึ้นมาเป็น window บนหน้าจอ เพื่อทำงานแบบ Multitasking โดย QSlide อนุญาตให้เราเปิด App ได้ไม่เกิน 2 App พร้อมกัน วิธีการเปิดก็แค่ปัดเอา Notification bar ลงมา แล้วเลือกเปิด App จากส่วนของ QSlide ได้เลยครับ ตอนนี้ App ที่รองรับ QSilde มีเพียง 8 App พื้นฐาน คือ Videos, Internet, Phone, Messaging, Calendar, Email, File Manager และ Calculator

 

 

QuickMemo นั้นเป็น App สำหรับจดโน๊ตเพื่อคนที่ชอบขีดๆเขียนๆ หรืออยากจะทำ screenshot แล้วจดโน๊ตลงไปบนรูปหน้าจอขณะนั้นก็ได้

 

 

Home touch buttons เราสามารถปรับเปลี่ยนปุ่ม Softkey ได้ที่อยู่ด้านล่างชองหน้าจอได้เอง โดยเข้าไปที่ Settings -> Home touch buttons ซึ่งเราจะเพิ่มหรือลดปุ่มก็ได้ โดยมีให้เลือก 7 ปุ่มด้วยกันคือ Back, Home, Recent apps, Notifications, QuickMemo+, Qslide และ Dual Window นอกจากนั้นก็สามารถเปลี่ยนสีพื้นหลังของแถบปุ่มนี้ได้ด้วย สุดท้ายเราสามารถเลือกซ่อนปุ่ม Softkeys ทั้งหมดในกรณีที่มีการเปิดใช้ App บาง App ได้ ซึ่งตรงนี้มีประโยชน์มากสำหรับ App เกมส์ทั้งหลายที่ต้องการการแสดงผลแบบเต็มหน้าจอ โดยเมื่อปุ่มถูกซ่อนไปแล้ว เราสามารถเรียกกลับมาได้โดยการเอานิ้วปัดจากขอบจอด้านล่างขึ้นมา แล้วปุ่มก็จะกลับมา

 

Smart Keyboard

หนึ่งในความสามารถที่เป็นจุดขายของ LG G3 ที่ทาง LG หยิบยกขึ้นมาพูดถึงในงานเปิดตัวด้วย โดย Smart Keyboard จะเพิ่มลูกเล่นเข้าไปใน LG Keyboard ให้ฉลาดขึ้น ได้แก่

  • การเลื่อน Cursor แก้คำผิดด้วย Space bar ซึ่งโดยทั่วไปเวลาเราพิมพ์ผิดแล้วอยากจะแก้คำผิด เราต้องเอานิ้วไปแตะในกล่องข้อความที่เราพิมพ์ไปแล้วให้ตรงกับบริเวณคำที่เราต้องการจะแก้ แต่ส่วนใหญ่เมื่อแตะไปแล้วมักจะไม่ตรงตำแหน่ง ต้องแตะซ้ำกันหลายรอบ เราสมารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยการกดปุ่ม Space bar ค้างไว้แล้วเลื่อนนิ้วไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อเลื่อน Cursor ในกล่องข้อความได้เลย 
  • การปัดนิ้วขึ่นเพื่อเลือกคำตามที่ Keyboard แนะนำ โดยการปัดขึ้นทางฝั่งซ้ายจะเป็นการเลือกคำแนะนำทางด้านซ้าย และการปัดขึ้นทางด้านขวาจะเป็นการเลือกคำแนะนำทางด้านขวา 
  • Path input คือการลากนิ้วไปบน Keyboard เพื่อพิมพ์คำที่ต้องการ จริงๆแล้วมันก็คือ Swype นั่นเองครับ โดนตอนนี้รองรับเพียงแค่ภาษาอังกฤษอย่างเดียว ภาษาไทยยังไม่ได้ 
  • แยก Keyboard เป็นสองฝั่งเพื่อพิมพ์สองมือในแนวนอน ด้วยเอานิ้วสองนิ้วดึง Keyboard แยกจากกัน ตรงนี้ก็สะดวกดีเพราะหน้าจอ 5.5 นิ้วถือว่าใหญ่พอสมควรในแนวนอน การพิมพ์สองมือจึงเป็นสิ่งจำเป็น 
  • ปรับ Layout ของ Keyboard สำหรับการใช้งานมือเดียวหรือมือเล็ก โดยให้ลากนิ้วจากขอบจอไปทางซ้ายหรือทางขวา แล้วแต่ถนัดมือไหนนะครับ ตรงนี้ลองเล่นแล้วลำบากนิดๆ ลากไม่ค่อยจะติดสักไหร่ 

 

จริงๆ ตอนงานเปิดตัวมีความสามารถหนึ่งของ Smart Keyboard ที่ถูกพูดถึงคือ การที่แป้นตัวอักษรบน Keyboard สามารถปรับขนาดได้เอง ตามการคาดคะเนตัวอักษรถัดไป แนวคิดแบบเดียวกับ ManMan Keyboard เลยครับ แต่ปรากฎว่าพอวางจำหน่ายจริงแล้วไม่เห็นมีให้ใช้แฮะ หรือว่าผมหาไม่เจอเองก็ไม่รู้นะครับ

 

EasyHome

หน้าจอ Home screen ที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการใช้อะไรมากมาย เน้นใช้งานโทรศัพท์กับ App เพียงไม่กี่อย่าง ยึดความง่ายเป็นหลัก อย่างเช่น ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ที่อาจจะคุ้นเคยกับการใช้งานลักษณะที่เป็น Featurephone มากกว่า Smartphone ซึ่งจริงๆ แล้ว EasyHome ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะครับ การเปิดใช้ EasyHome ทำได้โดยเข้าไปที่ Settings -> Home screen -> Select Home แล้วเลือก “EasyHome” จะได้หน้าตาเป็นแบบรูปด้านบน (ขออนุญาตเปลี่ยนภาษาเครื่องเป็นภาษาไทยด้วยเพื่อให้เข้ากับการใช้งาน)

 

EasyHome จะมีอยู่ 2 หน้าจอ หน้าจอหลักจะเป็นแป้นโทรศัพท์ กดเบอร์โทรออกได้เลย นอกจากนั้นก็จะมีการแสดงข้อมูลพยากรณ์อากาศ, นาฬิกา, วันที่ปัจจุบัน และ Shortcut สำหรับการเข้าถึง App พื้นฐาน ได้แก่ นาฬิกาปลุก, อินเตอร์เน็ต, ข้อความ, กล้องถ่ายรูป, สมุดรายชื่อ และแกลเลอรี่ เรายังสามารถเข้าดู App ทั้งหมดและเลือก App ที่ใช้บ่อยๆ มาแปะไว้ได้ 1 อัน โดยผมเลือกเป็น Line นะครับ ส่วนหน้าที่ 2 ก็เหมือนการเอา App มาเรียงต่อกัน เลือกได้ตามใจโดยการกด “เพิ่ม” ถ้าต้องการลบ Shortcut ที่กล่องไหนก็ให้แตะหน้าจอค้างไว้ แล้วก็เลือก “ลบ” ออกได้เลยครับ ง่ายๆแค่นี้แหละ และเมื่อเปิด EasyHome ขึ้นมา Font ของระบบก็ถูกขยายให้ใหญ่อีกด้วย คราวนี้ต่อให้เป็นพ่อแม่หรือปู่ย่าตามยายใช้ก็ไม่หวั่น


กล้องหลังและกล้องหน้า…

 

กล้องหลัง ของ LG G3 นั้นถ่ายภาพนิ่งได้ที่ความละเอียดสูงสุด 13 ล้านพิกเซลสัดส่วนแบบ 4:3 และสามารถถ่ายแบบมุมกว้าง (wide) ได้ที่ความละเอียด 10 ล้านพิกเซลสัดส่วนเป็น 16:9 ซึ่ง LG ตั้งให้ถ่ายที่ 10 ล้านพิกเซลเป็น Default ครับ ถ้าอยากถ่าย 13 ล้านต้องไปเลือกเอาเองใน Settings ของกล้อง ส่วนคุณภาพของภาพถ่ายนั้นอาจจะไม่ดีที่สุดแต่ก็อยู่ในระดับ Top ของสมาร์ทโฟนปัจจุบัน สำหรับรีวิวการถ่ายภาพของ LG G3 เทียบกับเรือธงอีกหลายๆรุ่น เว็บเรามีรีวิวในตำนานของคุณ HD_Mania อยู่แล้ว เชิญเข้าไปทัศนาได้ที่ ทดสอบกล้องมือถือ 9 ตัวดังในตลาด จัดเต็มละเอียดยิบ พร้อมจัดอันดับใครคือเบอร์หนึ่งในเวลานี้!! ส่วนเรามาว่ากันต่อกับรีวิวถ่ายภาพแบบบ้านๆ โดย LG G3 มี mode ถ่ายรูปให้เล่นไม่เยอะเท่าไหร่นัก สมกับสโลแกน “Simple Is The New Smart” จริงๆ ดังนี้

  • Auto : เป็น default mode เน้นถ่ายง่ายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก
  • Magic focus : ถ่ายแบบโฟกัสหลายๆระยะ แล้วค่อยมาเลือกจุดโฟกัสที่ต้องการทีหลัง โหมดนี้จะใช้เวลาถ่ายประมาณ 2-3 วินาที       
 
  • Panorama : ถ่ายภาพพาโนรามา
  • Dual : ถ่ายรูปแบบใช้กล้องหลังและกล้องหน้าพร้อมกัน โดยภาพจากกล้องหน้าจะอยู่ในกรอบเล็กๆ ที่เราสามารถเลือกกรอบสวยๆได้ แต่เราไม่สามารถแตะจุดโฟกัสได้เองใน mode นี้นะครับ ต้องให้กล้อง focus ให้อย่างเดียว 

 

กล้องของ LG G3 นั้นมาพร้อมกับระบบ OIS+ ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก OIS ของ LG G2 ทำให้ป้องกันการสั่นไหวได้ดีกว่าเดิม ถ้าใครจำโฆษณาที่เจ้าของไก่เอากล้องไปติดหัวไก่แล้วถ่ายวิดีโอได้ อันนั้นนั่นแหละ นอกจากนั้นยังพร้อมกับ Dual-LED flash 2 สีตามสมัยนิยมอีกด้วย แต่จุดขายเรื่องการถ่ายภาพจริงๆของ LG G3 คือ Laser Autofocus ซึ่งเป็นการยิงแสงเลเซอร์ออกมาเพื่อช่วยในการโฟกัสวัตถุที่อยู่บนภาพโดยเฉพาะ และต้องบอกว่าจุดนี้ทำให้ LG G3 โฟกัสได้เร็วมากและสามารถกดถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็ว จากการใช้งานมาผมรู้สึกว่า การถ่ายภาพบน LG G3 นี่มีความสุขจริงๆ มันโฟกัสเร็ว ชัตเตอร์เร็ว ถ่ายมันส์มากๆครับ ลองมาดูตัวอย่างภาพถ่ายกัน ส่วนอัลบั้มเต็มกด link เข้าไปดูกันที่ Google Plus ครับ


ภาพกลางวัน

 

ภาพกลางคืน

 

ภาพมาโคร

 

สำหรับการถ่ายวิดีโอสามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K UHD 3840 x 2160P และ framerate ที่ 30 fps ภาพวิดีโอที่ได้ถือว่าชัดเจนดีมาก เพราะความละเอียดระดับ 4K นี่หน้าจอคอมผมก็ยังละเอียดไม่ถึง แต่เวลาดูก็รู้สึกว่ามันชัดกว่า 1080p จริงๆนะ ตัวอย่างวิดีโออยู่ด้านล่างครับ การถ่ายวิดีโอสามารถ Pause กลางทางแล้วถ่ายต่อได้ไม่จำเป็นต้องกด stop เพื่อบันทึกวิดีโอแล้วเริ่มถ่ายเป็น clip ใหม่

Play video

Play video

Play video

 

กล้องหน้า เป็นแบบ Auto focus Fixed focus ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ถึงความละเอียดจะดูน้อยกว่ามือถือคู่แข่งบางยี่ห้อ แต่คุณภาพของภาพถ่ายก็ถือว่าทำได้เหมาะสำหรับการถ่ายรูป Selfie เลยครับ โดย Beauty mode จะถูกเปิดไว้ตลอดเวลา และสามารถปรับระดับความเนียนได้ถึง 8 ระดับ นอกจากนั้นก็สามารถแตะจุดวัดแสงบนหน้าจอได้ด้วย เหมาะสำหรับคนชอบถ่าย Selfie อวดคนอื่นนะครับ ตัวอย่างภาพถ่ายครับ

 

 

ประสิทธิภาพและความอึด

จากการวัดประสิทธิภาพของตัวเครื่องด้วย App ยอดนิยมอย่าง Antutu และ Quadrant ได้ผลออกมาดังภาพ

จากผลคะแนนที่ได้ออกมาจากทั้ง 2 App ต้องบอกว่าประสิทธิภาพของ LG G3 นั้นถ้ากันที่ตัวเลขถือว่าน้อยกว่าคู่แข่งพอสมควรเลยทีเดียว สาเหตุที่เป็นอย่างนี้อาจจะมาจากหน้าจอความละเอียดสูงที่ต้องใช้พลังในการประมวลผลมากกว่า และ LG อาจจะมีการใส่กลไกบางอย่างเข้าไปเพื่อป้องกันไม่ให้ CPU มีความร้อนมากจนเกินไปก็เป็นได้ แต่ถึงแม้ตัวเลขจะออกมาอย่างนี้ การใช้งานจริงนั้นต้องบอกว่ารวดเร็ว ลื่นไหล สมกับเป็นมือถือเรือธง เรื่องการเล่นเกมส์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เล่นได้สบายมาก Asphalt 8 จิ๊บๆ ส่วนที่ถึงจะกระตุกนิดหน่อยแต่ก็น่ารำคาญคือ LG UI Launcher ที่มีอาการสะดุดบ่อยครั้ง น่าจะเป็นเพราะ UI มีการบริโภคทรัพยากรเครื่องพอสมควร สังเกตว่า เวลาใช้งานไปนานๆ ตัว UI Launcher จะถูดปิดทิ้ง พอกดปุ่ม Home ก็จะต้องเสียเวลา Load ขึ้นมาใหม่ทุกครั้ง ปัญหาตรงนี้แก้ไขได้โดยใช้ Launcher อื่น เช่น Google Now Launcher, Nova Launcher หรือ Apex Launcher

 

มาในส่วนของแบตเตอรี่ 3,000 mAh นั้น ต้องบอกว่าประทับใจเพราะสามารถใช้งาน 1 วันได้แบบสบายๆ ผมถอดสายชาร์จตอน 8 โมงเช้า มีการใช้งานทั้งวัน โดยเป็นการใช้งานทั่วไปคือ Social, ถ่ายรูป และ ฟังเพลง พอกลับถึงบ้านก็ยังมีแบตก็ยังเหลืออยู่ 11% ชาร์จได้พอดิบพอดี แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งรุ่นอื่นที่เป็นเรือธงด้วยกันก็อาจจะแพ้ไปนิดหน่อยครับ

 

สรุปข้อดีและข้อเสีย…

ข้อดี

  • งานออกแบบสวยงาม
  • LG UI ปรับแต่งมาดี
  • จอละเอียด ภาพชัด
  • ประสิทธิภาพดี
  • แบตเตอรี่อึดใช้ได้
  • ถ่ายรูปได้รวดเร็ว
  • ภาพถ่ายสวย
  • ราคาเหมาะสม

ข้อเสีย

  • จอคมเวอร์ (Over-sharpened)
  • LG UI กระตุกบ่อยเวลาใช้งาน
  • ลำโพงไม่น่าวางไว้ข้างหลังเครื่อง


บทส่งท้าย…

LG G3 เป็นมือถือเรือธงตัวหนึ่งในตลาดที่มีความน่าสนใจในหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องหน้าจอความละเอียดสูง, งานออกแบบสวยงาม และหน้าจอใหญ่แต่ขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่มากเพราะขอบหน้าจอที่บางตามสไตล์ของ LG ส่วนกล้องหลังที่มาพร้อม OIS+, Dual-LED Flash และ Laser AF นั้นถือว่าเพียบพร้อม เป็นมือถือที่ถ่ายรูปสนุกเพราะโฟกัสได้ไวและแม่นยำ เทียบกับราคา 20,990 บาทต่อสเปกและประสิทธิภาพโดยรวมจากการใช้งาน ต้องบอกว่าราคานั้นเหมาะสมดีแล้ว แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง Oppo Find 7 ก็คงต้องบอกว่าแพงกว่าเค้าเยอะเหมือนกัน แต่ชื่อชั้น LG กับ Oppo นั้นก็ต่างกันด้วย สำหรับท่านที่มองหามือถือ Flagship สักตัวหนึ่ง LG G3 เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมาก

ส่วนปัญหาเรื่อง หน้าจอคมเวอร์ หรือ Over-sharpened ที่เจอกันนั้น ได้แต่หวังว่า LG จะมองว่านี่คือปัญหาไม่ใช่ Feature เพราะมีหลายๆคนไม่ชอบหรือถึงกับรับไม่ได้ไปเลยก็มี ตรงนี้น่าจะแก้ไขได้ด้วย Software นะครับ

จบแล้วครับสำหรับรีวิว LG G3 หนึ่งในมือถือเรือธงที่น่าสนใขระดับต้นๆของตลาดในตอนนี้ แล้วคราวหน้ามาพบกันใหม่ครับ