สวัสดีเพื่อนสมาชิก Droidsans ทุกท่าน วันนี้ผมจะมานำเสนอรีวิว LG G3 สมาร์ทโฟนเรือธงปี 2014 ของ LG ที่ต้องบอกว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดเท่าที่ LG เคยทำมาเลยทีเดียว(ก็เรือธงอะ) สำหรับ LG G3 นั้นมีจุดเด่นที่หน้าจอความละเอียดระดับ QHD 2K ที่ถือว่าสูงที่สุดแล้วในตลาดสมาร์ทโฟนขณะนี้ มาพร้อมกับสเปกที่ถือว่าอยู่ในระดับท็อปทั้ง CPU, RAM, กล้องหน้า และกล้องหลัง ซึ่งเดี๋ยวเราจะไปดูกันในหัวข้อสเปกนะครับ แต่ขอบอกว่าจัดมาเต็มเลยสำหรับมือถือรุ่นนี้ โดย LG G3 นั้นวางจำหน่ายได้สักพักแล้วในราคา 20,990 บาท มีทั้งหมด 3 สีด้วยกันคือ เทาดำ,ขาว และทอง และยังรองรับ 4G ของประเทศไทยอีกด้วย เดี๋ยวเรามาดูกันว่า LG G3 เครื่องนี้จะดีสมราคามือถือที่ดีที่สุดของ LG ตอนนี้หรือไม่
LG G3 เครื่องนี้ทางเว็บได้จัดซื้อมารีวิวเอง เพราะ LG Thailand ไม่ได้ส่งมาให้นะครับ โดยเลือกซื้อเป็นรุ่นสีเทาดำ Metallic Black มา ซึ่งหลังจากได้ทดลองใช้งานมาอาทิตย์กว่าๆ ก็ได้เวลามาเล่าสู่กันฟังแล้วครับ
แกะกล่องกันก่อน…
กล่องของ LG G3 นั้นเป็นสีทองดูพรีเมียม ออกแบบให้ดูเหมือนโลหะขัดลายหรือ Brushed Metal แบบเดียวกับงานออกแบบของตัวเครื่องเอง ขนาดกล่องไม่ใหญ่มาก พอแกะกล่องออกเราจะพบอุปกรณ์ดังนี้
- LG G3
- สาย USB 2.0
- Adaptor สำหรับชาร์จ ขนาด 5V 1.8A
- หูฟัง QuadBeat 2
- คู่มือแนะนำอย่างย่อ (Quck start guide)
หมดแล้วครับสำหรับอุปกรณ์ในกล่องซึ่งก็ถือว่าครบตามมาตรฐาน จะมีหูฟัง QuadBeat 2 ที่ดูดีเกินจะเป็นของแถมแต่เค้าก็แถมแบบนี้มาให้เลย ส่วนสาย USB ที่แถมมานั้นเป็นแบบเส้นหนาคุณภาพสูง รองรับกระแสไฟตามมาตรฐาน AWG ได้ตั้งแต่ 20AWG-28AWG ดังนั้นเวลาชาร์จรับรองว่ากระแสไฟวิ่งได้เต็ม ชาร์จไว และการถ่ายโอนข้อมูลผ่านสาย USB ก็เสถียรและรวดเร็วครับ
มาดูเรื่องสเปกกัน…
สเปกของ LG G3 นั้นจัดอยู่ในระดับเรือธงอยู่แล้ว ไม่น้อยหน้าค่ายอื่นแน่นอน ถ้าไม่นับเรื่องความสามารถในการกันน้ำตามสมัยนิยมที่ไม่มีในมือถือรุ่นนี้ ก็ต้องบอกว่า LG G3 นั้นจัดสเปกมาเต็มสมฐานะเรือธงเลยทีเดียว ลองมาดูรายละเอียดกัน
- ชื่อและรหัสเครื่อง : LG G3 (D855)
- สัดส่วน: 146.3 x 74.6 x 8.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก: 149 กรัม
- หน้าจอ: LCD แบบ True HD IPS+ ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K QHD 2560×1440 พิกเซล 534 ppi
- เครือข่ายที่รองรับ:
- LTE : 700 / 800 / 900 / 1800 / 2100 / 2300 / 2600
- 3G : HSPA+42.2 850/900/1900/2100
- 2G : GSM/EDGE/GPRS 850/900/1800/1900
- SIM : รองรับ SIM เดียวแบบ Micro SIM
- CPU : Qualcomm MSM8974AC Snapdragon 801 แบบ Quad-core 2.5 GHz
- GPU : Adreno 330
- RAM : 2 GB
- หน่วยความจำภายใน : 16 GB เพิ่ม MicroSD ได้ถึง 128GB
- กล้องหน้า : 2.1 ล้านพิกเซล พร้อม Beauty mode
- กล้องหลัง : 13 ล้านพิกเซล พร้อม OIS+ กันภาพสั่นไหว, dual-LED flash และ Laser autofocus
- แบตเตอรี่ : 3,000 มิลลิแอมป์
- OS : Android 4.4.2 KitKat พร้อม Emotion UI 2.0
- NFC : มี
- การเชื่อมต่ออื่นๆ :
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac
- Bluetooth 4.0 LE (APT-x)
- A-GPS, GLONASS
- USB 2.0
- หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
Metallic Skin และขอบบาง 2 mm…
เรามาพูดถึงเรื่องงานออกแบบของ LG G3 กันครับ ถ้าดูกันตามขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้วเราคงจะคิดว่า LG G3 คงเป็น Phablet ขนาดใหญ่แนวๆ Galaxy Note ที่ใหญ่เกินกว่าจะใช้งานมือเดียวได้ แต่จากการถือใช้งานมาอาทิตย์กว่า ผมกลับรู้สึกว่าการใช้งาน LG G3 นั้นเหมือนกับการใช้งานมือถือจอ 5 นิ้วทั่วๆไป อาจจะรู้สึกว่าใหญ่กว่านิดนึง แต่ไม่ได้ใหญ่มากจนใช้งานมือเดียวไม่ได้ ตรงนี้เป็นเพราะขอบจอที่บางเพียง 2 mm ทำให้ขนาดความกว้างของ LG G3 นั้นไม่ต่างจากมือถือจอ 5 นิ้วสักเท่าไหร่ อีกทั้งน้ำหนักเพียง 149 กรัมต้องถือว่า เบาดีจริงๆ แถมบางแค่ 8.9 mm อีกด้วย ทำให้การใช้งานมือเดียวบน LG G3 ที่มีขนาดหน้า 5.5 นิ้วนั้น ไม่ถึงกับสะดวกแต่ก็ไม่ถึงกับลำบากเกินไปเหมือนการใช้งานมือถือยี่ห้ออื่นที่หน้าจอใหญ่ระดับนี้
ถ้าพูดถึงงานออกแบบของ LG G3 ในด้าน “ความเหมาะสมในการใช้งาน” หรือ Ergonomic นั้นต้องบอกว่า ยอดเยี่ยม เลยครับ ด้วยการออกแบบฝาหลังที่โค้งรับกับอุ้งมือเวลาถือใช้งาน และการรวมปุ่มต่างๆ ทั้งปุ่ม Power และปุ่มปรับเสียงไว้ด้านหลังของเครื่อง ถือว่าเหมาะกับการใช้งานมือเดียวอย่างแท้จริง ถึงแม้สำหรับคนที่เพิ่งจะเปลี่ยนมาใช้ LG G3 ครั้งแรกอาจจะมีการปรับตัวเรื่องปุ่มสักหน่อย แต่พอคุ้นเคยแล้วจะชอบเลยครับ เพราะเราไม่ต้องเปลี่ยนตำแหน่งการถือแล้วเอื้อมนิ้วไปกดปุ่มใดๆ เนื่องจากปุ่มจะอยู่ตรงกับนิ้วชี้ของเราตลอดเวลา และไม่เกี่ยงว่าจะถนัดซ้ายหรือถนัดขวาอีกด้วย
แม้แต่ตัวปุ่มเองก็ออกแบบได้สวยงาม โดยปุ่มปรับเสียงจะเป็นร่องลึกลงไปในแนวตั้งและปุ่ม Power นูนขึ้นมาตรงกลางโดยไม่นูนเกินฝาหลังของตัวเครื่องทำให้ตัวเครื่องไม่ยกขึ้นมาเวลาวางราบพิ้นเรียบอีกด้วย ตรงนี้เป็นการปรับปรุงข้อมเสียจาก LG G2 อย่างชัดเจน งานออกแบบของปุ่มผมอธิบายไม่ถูกแต่มันดูพรีเมียมดูสวยและการสัมผัสก็รู้สึกดีครับ
Tips
- กดปุ่มลดเสียงค้างไว้ 2 วินาทีตอนที่หน้าจอดับอยู่ จะเป็นทางลัดเข้าสู่โหมดกล้องถ่ายรูปเลย
- กดปุ่มเพิ่มเสียงค้างไว้ 2 วินาทีตอนที่หน้าจอดับอยู่ จะเป็นทางลัดเข้าสู่ QuickMemo+
งานออกแบบพื้นผิวภายนอกของ LG G3 นั้นเป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนตที่ถูกทำให้เหมือนโลหะขัดลาย(Brushed Metal) โดย LG เรียกการออกแบบแบบนี้ว่า “ Metallic Skin” เปรียบเทียบกับฝั่ง Samsung ที่เอาพลาสติกมาทำให้เหมือนหนังเรียกว่า Faux Leather ดังนั้นของ LG ก็เหมือนกับ Faux Metal นั่นเองครับ นอกจากงานออกแบบ Metallic Skin แล้วในส่วนของคุณภาพงานประกอบเองก็อยู่ในระดับดีมาก ทั้งที่ฝาหลังนั้นสามารถถอดออกมาได้แต่พอประกบกับตัวเครื่องแล้วแนบสนิทไม่กรอบแกรบ ดูคล้ายเป็นงาน Unibody เลยครับ ส่วนฝาหลังเองถึงจะดูเงาแต่ผิวสัมผัสไม่มันและไม่ติดคราบรอยนิ้วมือด้วย ทำให้ดูคงสภาพสะอาดไร้ความมันบนผิวหลังชัดเจน ตรงนี้ชอบมากเพราะผมเป็นคนมีเหงื่อออกที่มือเยอะ จับอะไรก็เป็นคราบไปซะหมด
เราลองมาดูรอบตัวเครื่องว่ามีอะไรบ้าง เริ่มกันที่ด้านบนของตัวเครื่องมีพอร์ต Infrared ใช้คู่กับแอพ QuickRemote เพื่อทำตัว LG G3 เป็นรีโมทควบคุมทีวี, เครื่องเสียง และ Set Top box ต่างๆ ได้ ข้างๆพอร์ต Infrared จะเป็นไมค์สำหรับตัดเสียงรบกวนระะหว่างการสนทนาครับ ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมค์สนทนา และพอร์ต MicroUSB สำหรับเสียบสายเพื่อชาร์จและโอนข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ สำหรับด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่องจะโล่งๆไม่มีปุ่มอะไร
ด้านหลังประกอบด้วย กล้องหลักขนาด 13 ล้านพิกเซลที่มาพร้อมกับระบบ OIS+ ป้องกันภาพสั่นไหวได้อย่างดีเยี่ยม ด้านซ้ายของกล้องเป็น Laser Autofocus ที่เอาไว้ยิงแสงเลเซอร์เพื่อจับระยะของวัตถุและช่วยในการโฟกัสภาพ ด้านขวาของกล้องเป็น Dual-LED Flash แบบทูโทน ถัดลงมาเป็น Slot สำหรับเสียบ SIM แบบ MicroSIM และ Slot ของ MicroSD card ที่อยู่ทับด้านบนอีกที ส่วนด้านล่างจะเป็นลำโพงสำหรับเสียงเรียกเข้าและเสียงเตือนกำลังขับ 1W ที่ให้เสียงได้ดังและชัดเจนกว่าลำโพงทั่วไป แต่ถ้าจะให้เทียบกับลำโพง Boomsound ของ HTC One M8 หรือลำโพง S-Force Surround ของ Sony Xperia Z2 นั้นยังถือว่าคนละชั้นกัน เพราะทั้งสองรุ่นที่กล่าวมาเป็นลำโพงคู่สเตอริโอที่วางอยู่ด้านหน้าเครื่องเลย พอแกะฝาหลังก็จะเห็น Battery ขนาด 3,000 mAh ที่เพียงพอต่อการใช้งานในหนึ่งพอดีครับ
สรุปงานออกแบบของ LG G3 นั้นถือว่าปรับปรุงข้อเสียจาก LG G2 มาหลายจุดเลยทีเดียว ทั้งเรื่อง Metallic Skin และการออกแบบปุ่มให้แนบไปกับฝาหลังยิ่งกว่าเดิม แถมฝาหลังก็ไม่จับรอยนิ้วมือหรือคราบเหงื่อให้ดูสกปรกอีกด้วย ดูภาพรวมแล้วเหมาะสมกับการเป็นมือถือพรีเมียม แต่ยังไม่สุดเพราะยังเป็นเพียงพลาสติกที่ทำให้ดูเหมือนโลหะเท่านั้น พอจับแล้วยังไงก็ยังพลาสติกเหมือนเดิม
หน้าจอ 2K QHD ที่ให้ภาพชัดและคมเวอร์ (Over-sharpened)
LG G3 นั้นมาพร้อมกับหน้าจอ True-HD IPS+ ขนาด 5.5 นิ้วที่มีความละเอียดระดับ Quad HD 2560 x 1440 พิกเซลหรือที่หลายคนเรียกว่าหน้าจอ 2K นั่นเอง โดยหน้าจอแบบนี้จะให้ความละเอียดมากว่า Full HD ถึง 2 เท่า คิดเป็นความหนาแน่นพิกเซลได้มากถึง 534 ppi ซึ่งทาง LG เคลมในงานเปิดตัวว่า ตาเราคนเราสามารถแยกแยะความละเอียดได้ถึงระดับนี้เลยแหละ แต่ผมลองมองเทียบกันระหว่าง HD กับ Full HD นั้นสามารถแยกออกได้ แต่ถ้าเป็น Full HD กับ Quad HD แล้วแยกไม่ออกเหมือนกันครับ
จากการใช้งานทั่วไปพบว่าหน้าจอ QHD ของ LG G3 นั้นให้ภาพที่คมชัดสวยงาม มุมมองกว้างหายห่วง โดยเฉพาะเวลาที่บริโภคไฟล์มีเดียประเภทต่างๆ ไม่ว่าเป็นจะเป็นภาพถ่ายหรือวิดีโอโดยเฉพาะการดู Youtube นั้นให้ประสบการณ์ที่น่าประทับใจเลยทีเดียว แต่หน้าจอของ LG G3 นั้นยังมีการแสดงผลแปลกๆ ในการดูเว็บที่มีตัวหนังสือเยอะๆ โดยจะเห็นได้ชัดว่า บริเวณขอบของตัวหนังสือนั้นมีสีขาวบริเวณรอบๆตัวหนังสือชัดเจนมาก และการดูภาพในบางสีนั้นจะเห็นเป็นเส้นแนวดิ่งชัดเจนอีกเหมือนกัน ซึ่งปัญหาตรงนี้ก็ ได้รับการยืนยันจากผู้ใช้หลายคน ทั้งบ้านเราและต่างประเทศ แต่ผมคิดว่านี่ไม่น่าจะใช่ปัญหาระดับ Hardware แต่เป็นปัญหาที่ Software มากกว่า เข้าใจว่า LG ตั้งใจเร่งความคมของภาพเพื่อโชว์ศักยภาพหน้าจอมากเกินไปจนมันโอเวอร์ นี่จึงเป็นที่มาของ “หน้าจอคมเวอร์” ภาษาอังกฤษเรียกว่า “ Over-sharpened display” ก็ต้องรอดูว่า LG จะได้ยินปัญหานี้แล้วเอาไปแก้ไขหรือไม่ หรืออาจจะคิดว่านี่เป็น Feature ที่ตั้งใจใส่เข้ามาในมือถือรุ่นนี้ก็เป็นได้
สิ่งหนึ่งที่หน้าจอของ LG G3 นั้นยังทำได้ไม่ดีนักในความเห็นส่วนตัวของผมคือเรื่องสีสันและ Contrast โดยจากการใช้งานพบว่า สีสันที่ได้จากหน้าจอของ LG G3 ไม่สดเลยและดูออกจืดๆไปนิด อีกทั้ง Contrast ของภาพบางทีก็น้อยจนดูภาพมันมืดๆทึมๆยังไงพิกล เทียบกับหน้าจอ Super AMOLED ของ Samsung Galaxy Tab S ที่ผมเพิ่งจะรีวิวไปนั้นถือว่าสีสันและ Contrast ต่างกันมากเลยทีเดียว ตรงนี้อาจจะแล้วแต่รสนิยมทางสายตาของแต่ละคนด้วยนะครับ อย่างไรก็ตาม LG ก็อนุญาตให้เราสามารถปรับค่า Color และ Contrast ได้เอง ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
Tips
การปรับ Color และ Contrast ของหน้าจอ สามารถทำได้โดยเข้าไปที่ Settings -> Accessibility -> Color adjustment โดยถ้าเราเปิด Color adjustment ให้เป็น On เราจะสามารถเลื่อนรูปวงแหวนที่อยู่บนหน้าจอ เพื่อปรับสีสันและ Contrast ได้เอง ผมปรับไว้ที่ตำแหน่งตามรูปด้านล่างครับ
ไม่ใช่ LG G3 เท่านั้นที่มีหน้าจอความละเอียดระดับนี้ในตลาด Oppo Find 7 เป็นมือถืออีกรุ่นที่ใช้หน้าจอความละเอียด 2K QHD และจากการ รีวิวเปรียบเทียบ LG G3 กับ Oppo Find 7 ของคุณ HD_Mania ต้องบอกว่าหน้าจอของ Oppo นั้นดูสวยกว่า LG อยู่เหมือนกัน
ว่ากันด้วยเรื่อง Software …
ในส่วนของซอฟท์แวร์นั้น LG G3 มาพร้อมกับ Android 4.4.2 KitKat ซึ่งสามารถอัพเกรดเป็น Android L ได้ในอนาคตอย่างแน่นอน LG นั้นมีระบบ UI ที่เป็นของตัวเองอยู่แล้วชื่อว่า Optimus UI ที่ใช้มาอย่างช้านาน ซึ่งโดยส่วนตัวเคยลองใช้ LG Optimus UI ต้องบอกว่ามันยังขาดๆเกินๆ อยู่หลายเรื่อง แต่ใน LG G3 นั้นมีการยกเครื่อง UI ใหม่ทั้งหมด โดยมีเปลี่ยนการไอคอนและ element ต่างๆบนหน้าจอให้ดู flat มากขึ้นตามเทรนด์ยุคนี้ และสีที่เลือกใช้ก็เป็นสีพาสเทลดูสบายตา
Home Screen ของ LG G3 การใช้งานไม่ต่างจาก Home Screen มาตรฐานของ Android สักเท่าไหร่ โดยที่พิเศษหน่อยคือ หน้าจอซ้ายสุดเรียกว่า Smart Bulettin ที่จะแสดงข้อมูลอยู่ 2 อย่างคือ ข้อมูล LG Health ที่เป็นแอพออกกำลังกายที่มากับ LG G3 แบบเดียวกับ S Health ของ Samsung นั่นเอง และข้อมูลอีกอย่างคือ Smart Tips ที่แนะนำเทคนิคการใช้งาน LG G3 เบื้องต้น ส่วนอีก 2 หน้าที่เหลือเป็นหน้า Home Screen ธรรมดาที่เอาไว้วาง Widget และ App shortcut ต่างๆ
Tips
การปิด Smart Bulletin เมื่อไม่ต้องการใช้งานแล้ว สามารถทำได้โดยเข้าไปที่ Settings -> Home screen แล้วกดสวิทช์เป็น Off ตรงหัวข้อ Smart Bulletin ครับ
มาต่อกันเรื่องการเพิ่ม Widget หรือ App ลงบนหน้าจอสามารถทำได้โดยการแตะค้างบนที่ว่างบนหน้าจอแล้วจะเป็นตามรูปด้านล่าง
การเพิ่มหรือลด Widget และ App บนหน้าจอก็ทำได้ง่ายๆ โดยการจับลากจากถาดรวมด้านล่างแล้วเอาไปแปะบนตำแหน่งของหน้าจอที่เราต้องการได้เลยครับ นอกจากนั้นก็ยังสามารถเปลี่ยน Wallpaper ได้จากหน้านี้อีกด้วย ทั้งภาพจาก Gallery, Live wallpapers หรือ Multi-photo ที่เอารูปมาต่อกันแล้วรูปจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตอนที่เราเลื่อนซ้ายเลื่อนขวาบนหน้า Homescreen นะครับ
Smart Notice เป็นส่วนการแจ้งเตือนเหตุการณ์ต่างๆที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ โดยจะเป็นแผ่นพับอยู่ข้างล่าง Widget พยากรณ์อากาศ ซึ่งข้อมูลที่จะนำมาแสดงนั้นสามารถปรับแต่งได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ได้แก่
- การแนะนำให้เราสร้าง Contact ใหม่สำหรับเบอร์โทรศัพท์ที่เรามีการติดต่ออยู่บ่อยครั้ง
- แจ้งเตือนให้โทรกลับเบอร์ที่เรากดตัดสายและเคยส่งข้อความไปบอกว่ายังไม่ว่าง
- แจ้งเตือนวันเกิดของ Contact ที่เราเคยบันทึกวันเกิดเอาไว้
- แจ้งเตือนตอนแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า 30% พร้อมให้เรากดเปิดโหมดประหยัดพลังงาน (Battery Saver) ได้
- แจ้งเตือนให้ลบไฟล์แคชและไฟล์ขยะต่างๆที่อยู่ในเครื่อง
- แจ้งเตือนข้อมูลจาก Smart Bulletin ทั้ง Smart Tips และ LG Health
LG Smart World เราสามารถ download Theme และ Font ใหม่ๆได้ผ่านทาง LG Smart World ซึ่งเป็นที่รวบรวม Theme ของ Home screen และ Keyboard รวมถึง Font น่ารักๆแบบต่างๆ ให้เรานำมาปรับใช้กับมือถือของเราได้ตามสะดวก
Knock Code และ KnockOn ความสามารถที่เป็นลายเซ็นต์มือถือ LG ในยุคหลัง ตั้งแต่ LG G2 เป็นต้นมา Knock Code นั้นเป็นวิธีการในการปลดล็อคหน้าจอ โดยให้เราสามารถกำหนดการเคาะหน้าจอเป็นรูปแบบตามช่องสี่เหลี่ยม 4 ช่องที่กำหนดไว้ให้ ซึ่งเราสามารถเคาะเป็นรูปแบบที่เราต้องการได้ตั้งแต่ 2-8 ครั้ง รวมเป็นรูปแบบที่เป็นไปได้ทั้งหมด 86,367 รูปแบบ ถ้าเคาะตรงตามรูปแบบที่กำหนดไว้ก็จะปลดล็อคหน้าจอเข้าไป Homescreen ให้เลย ส่วน KnockOn นั้นเป็นการเคาะ 2 ครั้งเพื่อเปิดและปิดหน้าจอ โดยการเคาะบนที่ว่างของ Home screen หรือถ้าใช้งาน App อื่นอยู่ก็สามารถเคาะ 2 ครั้งบน Status bar เพื่อปิดหน้าจอได้เหมือนกัน
Dual Window ความสามารถใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน LG G3 คือ การแบ่งครึ่งหน้าจอเปิด App สองอันใช้งานพร้อมกันได้ ซึ่งก็เหมือนกับ Multi Window ที่มีอยู่ในสมาร์ทโฟนของ Samsung นั่นเอง โดยการใช้งานก็ไม่ได้ต่างจาก Multi Window สักเท่าไหร่ เริ่มด้วยการกดปุ่ม Back ค้างไว้ จะมีหน้าจอ Dual Window เปิดขึ้นมาให้เราเลือก App ที่จะเปิดครึ่งบนและครึ่งล่างของหน้าจอตามลำดับ พอเปิด App แล้วเราก็สามารถใช้งานได้ทันที นอกจากนั้นเรายังสามารถปรับขนาดการแสดงผลของแต่ละ App ได้ และยังเลือกสลับตำแหน่ง App. เปลี่ยน App, ขยายเต็มจอ และปิด App ที่ไม่ใช้แล้วได้เช่นกัน
QSlide คือความสามารถในการเปิด App ขึ้นมาเป็น window บนหน้าจอ เพื่อทำงานแบบ Multitasking โดย QSlide อนุญาตให้เราเปิด App ได้ไม่เกิน 2 App พร้อมกัน วิธีการเปิดก็แค่ปัดเอา Notification bar ลงมา แล้วเลือกเปิด App จากส่วนของ QSlide ได้เลยครับ ตอนนี้ App ที่รองรับ QSilde มีเพียง 8 App พื้นฐาน คือ Videos, Internet, Phone, Messaging, Calendar, Email, File Manager และ Calculator
QuickMemo นั้นเป็น App สำหรับจดโน๊ตเพื่อคนที่ชอบขีดๆเขียนๆ หรืออยากจะทำ screenshot แล้วจดโน๊ตลงไปบนรูปหน้าจอขณะนั้นก็ได้
Home touch buttons เราสามารถปรับเปลี่ยนปุ่ม Softkey ได้ที่อยู่ด้านล่างชองหน้าจอได้เอง โดยเข้าไปที่ Settings -> Home touch buttons ซึ่งเราจะเพิ่มหรือลดปุ่มก็ได้ โดยมีให้เลือก 7 ปุ่มด้วยกันคือ Back, Home, Recent apps, Notifications, QuickMemo+, Qslide และ Dual Window นอกจากนั้นก็สามารถเปลี่ยนสีพื้นหลังของแถบปุ่มนี้ได้ด้วย สุดท้ายเราสามารถเลือกซ่อนปุ่ม Softkeys ทั้งหมดในกรณีที่มีการเปิดใช้ App บาง App ได้ ซึ่งตรงนี้มีประโยชน์มากสำหรับ App เกมส์ทั้งหลายที่ต้องการการแสดงผลแบบเต็มหน้าจอ โดยเมื่อปุ่มถูกซ่อนไปแล้ว เราสามารถเรียกกลับมาได้โดยการเอานิ้วปัดจากขอบจอด้านล่างขึ้นมา แล้วปุ่มก็จะกลับมา
Smart Keyboard
หนึ่งในความสามารถที่เป็นจุดขายของ LG G3 ที่ทาง LG หยิบยกขึ้นมาพูดถึงในงานเปิดตัวด้วย โดย Smart Keyboard จะเพิ่มลูกเล่นเข้าไปใน LG Keyboard ให้ฉลาดขึ้น ได้แก่
- การเลื่อน Cursor แก้คำผิดด้วย Space bar ซึ่งโดยทั่วไปเวลาเราพิมพ์ผิดแล้วอยากจะแก้คำผิด เราต้องเอานิ้วไปแตะในกล่องข้อความที่เราพิมพ์ไปแล้วให้ตรงกับบริเวณคำที่เราต้องการจะแก้ แต่ส่วนใหญ่เมื่อแตะไปแล้วมักจะไม่ตรงตำแหน่ง ต้องแตะซ้ำกันหลายรอบ เราสมารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยการกดปุ่ม Space bar ค้างไว้แล้วเลื่อนนิ้วไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อเลื่อน Cursor ในกล่องข้อความได้เลย
- การปัดนิ้วขึ่นเพื่อเลือกคำตามที่ Keyboard แนะนำ โดยการปัดขึ้นทางฝั่งซ้ายจะเป็นการเลือกคำแนะนำทางด้านซ้าย และการปัดขึ้นทางด้านขวาจะเป็นการเลือกคำแนะนำทางด้านขวา
- Path input คือการลากนิ้วไปบน Keyboard เพื่อพิมพ์คำที่ต้องการ จริงๆแล้วมันก็คือ Swype นั่นเองครับ โดนตอนนี้รองรับเพียงแค่ภาษาอังกฤษอย่างเดียว ภาษาไทยยังไม่ได้
- แยก Keyboard เป็นสองฝั่งเพื่อพิมพ์สองมือในแนวนอน ด้วยเอานิ้วสองนิ้วดึง Keyboard แยกจากกัน ตรงนี้ก็สะดวกดีเพราะหน้าจอ 5.5 นิ้วถือว่าใหญ่พอสมควรในแนวนอน การพิมพ์สองมือจึงเป็นสิ่งจำเป็น
- ปรับ Layout ของ Keyboard สำหรับการใช้งานมือเดียวหรือมือเล็ก โดยให้ลากนิ้วจากขอบจอไปทางซ้ายหรือทางขวา แล้วแต่ถนัดมือไหนนะครับ ตรงนี้ลองเล่นแล้วลำบากนิดๆ ลากไม่ค่อยจะติดสักไหร่
จริงๆ ตอนงานเปิดตัวมีความสามารถหนึ่งของ Smart Keyboard ที่ถูกพูดถึงคือ การที่แป้นตัวอักษรบน Keyboard สามารถปรับขนาดได้เอง ตามการคาดคะเนตัวอักษรถัดไป แนวคิดแบบเดียวกับ ManMan Keyboard เลยครับ แต่ปรากฎว่าพอวางจำหน่ายจริงแล้วไม่เห็นมีให้ใช้แฮะ หรือว่าผมหาไม่เจอเองก็ไม่รู้นะครับ
EasyHome
หน้าจอ Home screen ที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการใช้อะไรมากมาย เน้นใช้งานโทรศัพท์กับ App เพียงไม่กี่อย่าง ยึดความง่ายเป็นหลัก อย่างเช่น ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ที่อาจจะคุ้นเคยกับการใช้งานลักษณะที่เป็น Featurephone มากกว่า Smartphone ซึ่งจริงๆ แล้ว EasyHome ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะครับ การเปิดใช้ EasyHome ทำได้โดยเข้าไปที่ Settings -> Home screen -> Select Home แล้วเลือก “EasyHome” จะได้หน้าตาเป็นแบบรูปด้านบน (ขออนุญาตเปลี่ยนภาษาเครื่องเป็นภาษาไทยด้วยเพื่อให้เข้ากับการใช้งาน)
EasyHome จะมีอยู่ 2 หน้าจอ หน้าจอหลักจะเป็นแป้นโทรศัพท์ กดเบอร์โทรออกได้เลย นอกจากนั้นก็จะมีการแสดงข้อมูลพยากรณ์อากาศ, นาฬิกา, วันที่ปัจจุบัน และ Shortcut สำหรับการเข้าถึง App พื้นฐาน ได้แก่ นาฬิกาปลุก, อินเตอร์เน็ต, ข้อความ, กล้องถ่ายรูป, สมุดรายชื่อ และแกลเลอรี่ เรายังสามารถเข้าดู App ทั้งหมดและเลือก App ที่ใช้บ่อยๆ มาแปะไว้ได้ 1 อัน โดยผมเลือกเป็น Line นะครับ ส่วนหน้าที่ 2 ก็เหมือนการเอา App มาเรียงต่อกัน เลือกได้ตามใจโดยการกด “เพิ่ม” ถ้าต้องการลบ Shortcut ที่กล่องไหนก็ให้แตะหน้าจอค้างไว้ แล้วก็เลือก “ลบ” ออกได้เลยครับ ง่ายๆแค่นี้แหละ และเมื่อเปิด EasyHome ขึ้นมา Font ของระบบก็ถูกขยายให้ใหญ่อีกด้วย คราวนี้ต่อให้เป็นพ่อแม่หรือปู่ย่าตามยายใช้ก็ไม่หวั่น
กล้องหลังและกล้องหน้า…
กล้องหลัง ของ LG G3 นั้นถ่ายภาพนิ่งได้ที่ความละเอียดสูงสุด 13 ล้านพิกเซลสัดส่วนแบบ 4:3 และสามารถถ่ายแบบมุมกว้าง (wide) ได้ที่ความละเอียด 10 ล้านพิกเซลสัดส่วนเป็น 16:9 ซึ่ง LG ตั้งให้ถ่ายที่ 10 ล้านพิกเซลเป็น Default ครับ ถ้าอยากถ่าย 13 ล้านต้องไปเลือกเอาเองใน Settings ของกล้อง ส่วนคุณภาพของภาพถ่ายนั้นอาจจะไม่ดีที่สุดแต่ก็อยู่ในระดับ Top ของสมาร์ทโฟนปัจจุบัน สำหรับรีวิวการถ่ายภาพของ LG G3 เทียบกับเรือธงอีกหลายๆรุ่น เว็บเรามีรีวิวในตำนานของคุณ HD_Mania อยู่แล้ว เชิญเข้าไปทัศนาได้ที่ ทดสอบกล้องมือถือ 9 ตัวดังในตลาด จัดเต็มละเอียดยิบ พร้อมจัดอันดับใครคือเบอร์หนึ่งในเวลานี้!! ส่วนเรามาว่ากันต่อกับรีวิวถ่ายภาพแบบบ้านๆ โดย LG G3 มี mode ถ่ายรูปให้เล่นไม่เยอะเท่าไหร่นัก สมกับสโลแกน “Simple Is The New Smart” จริงๆ ดังนี้
- Auto : เป็น default mode เน้นถ่ายง่ายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก
- Magic focus : ถ่ายแบบโฟกัสหลายๆระยะ แล้วค่อยมาเลือกจุดโฟกัสที่ต้องการทีหลัง โหมดนี้จะใช้เวลาถ่ายประมาณ 2-3 วินาที
- Panorama : ถ่ายภาพพาโนรามา
- Dual : ถ่ายรูปแบบใช้กล้องหลังและกล้องหน้าพร้อมกัน โดยภาพจากกล้องหน้าจะอยู่ในกรอบเล็กๆ ที่เราสามารถเลือกกรอบสวยๆได้ แต่เราไม่สามารถแตะจุดโฟกัสได้เองใน mode นี้นะครับ ต้องให้กล้อง focus ให้อย่างเดียว
กล้องของ LG G3 นั้นมาพร้อมกับระบบ OIS+ ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก OIS ของ LG G2 ทำให้ป้องกันการสั่นไหวได้ดีกว่าเดิม ถ้าใครจำโฆษณาที่เจ้าของไก่เอากล้องไปติดหัวไก่แล้วถ่ายวิดีโอได้ อันนั้นนั่นแหละ นอกจากนั้นยังพร้อมกับ Dual-LED flash 2 สีตามสมัยนิยมอีกด้วย แต่จุดขายเรื่องการถ่ายภาพจริงๆของ LG G3 คือ Laser Autofocus ซึ่งเป็นการยิงแสงเลเซอร์ออกมาเพื่อช่วยในการโฟกัสวัตถุที่อยู่บนภาพโดยเฉพาะ และต้องบอกว่าจุดนี้ทำให้ LG G3 โฟกัสได้เร็วมากและสามารถกดถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็ว จากการใช้งานมาผมรู้สึกว่า การถ่ายภาพบน LG G3 นี่มีความสุขจริงๆ มันโฟกัสเร็ว ชัตเตอร์เร็ว ถ่ายมันส์มากๆครับ ลองมาดูตัวอย่างภาพถ่ายกัน ส่วนอัลบั้มเต็มกด link เข้าไปดูกันที่ Google Plus ครับ
ภาพกลางวัน
ภาพกลางคืน
ภาพมาโคร
สำหรับการถ่ายวิดีโอสามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K UHD 3840 x 2160P และ framerate ที่ 30 fps ภาพวิดีโอที่ได้ถือว่าชัดเจนดีมาก เพราะความละเอียดระดับ 4K นี่หน้าจอคอมผมก็ยังละเอียดไม่ถึง แต่เวลาดูก็รู้สึกว่ามันชัดกว่า 1080p จริงๆนะ ตัวอย่างวิดีโออยู่ด้านล่างครับ การถ่ายวิดีโอสามารถ Pause กลางทางแล้วถ่ายต่อได้ไม่จำเป็นต้องกด stop เพื่อบันทึกวิดีโอแล้วเริ่มถ่ายเป็น clip ใหม่
กล้องหน้า เป็นแบบ Auto focus Fixed focus ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ถึงความละเอียดจะดูน้อยกว่ามือถือคู่แข่งบางยี่ห้อ แต่คุณภาพของภาพถ่ายก็ถือว่าทำได้เหมาะสำหรับการถ่ายรูป Selfie เลยครับ โดย Beauty mode จะถูกเปิดไว้ตลอดเวลา และสามารถปรับระดับความเนียนได้ถึง 8 ระดับ นอกจากนั้นก็สามารถแตะจุดวัดแสงบนหน้าจอได้ด้วย เหมาะสำหรับคนชอบถ่าย Selfie อวดคนอื่นนะครับ ตัวอย่างภาพถ่ายครับ
ประสิทธิภาพและความอึด …
จากการวัดประสิทธิภาพของตัวเครื่องด้วย App ยอดนิยมอย่าง Antutu และ Quadrant ได้ผลออกมาดังภาพ
จากผลคะแนนที่ได้ออกมาจากทั้ง 2 App ต้องบอกว่าประสิทธิภาพของ LG G3 นั้นถ้ากันที่ตัวเลขถือว่าน้อยกว่าคู่แข่งพอสมควรเลยทีเดียว สาเหตุที่เป็นอย่างนี้อาจจะมาจากหน้าจอความละเอียดสูงที่ต้องใช้พลังในการประมวลผลมากกว่า และ LG อาจจะมีการใส่กลไกบางอย่างเข้าไปเพื่อป้องกันไม่ให้ CPU มีความร้อนมากจนเกินไปก็เป็นได้ แต่ถึงแม้ตัวเลขจะออกมาอย่างนี้ การใช้งานจริงนั้นต้องบอกว่ารวดเร็ว ลื่นไหล สมกับเป็นมือถือเรือธง เรื่องการเล่นเกมส์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เล่นได้สบายมาก Asphalt 8 จิ๊บๆ ส่วนที่ถึงจะกระตุกนิดหน่อยแต่ก็น่ารำคาญคือ LG UI Launcher ที่มีอาการสะดุดบ่อยครั้ง น่าจะเป็นเพราะ UI มีการบริโภคทรัพยากรเครื่องพอสมควร สังเกตว่า เวลาใช้งานไปนานๆ ตัว UI Launcher จะถูดปิดทิ้ง พอกดปุ่ม Home ก็จะต้องเสียเวลา Load ขึ้นมาใหม่ทุกครั้ง ปัญหาตรงนี้แก้ไขได้โดยใช้ Launcher อื่น เช่น Google Now Launcher, Nova Launcher หรือ Apex Launcher
มาในส่วนของแบตเตอรี่ 3,000 mAh นั้น ต้องบอกว่าประทับใจเพราะสามารถใช้งาน 1 วันได้แบบสบายๆ ผมถอดสายชาร์จตอน 8 โมงเช้า มีการใช้งานทั้งวัน โดยเป็นการใช้งานทั่วไปคือ Social, ถ่ายรูป และ ฟังเพลง พอกลับถึงบ้านก็ยังมีแบตก็ยังเหลืออยู่ 11% ชาร์จได้พอดิบพอดี แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งรุ่นอื่นที่เป็นเรือธงด้วยกันก็อาจจะแพ้ไปนิดหน่อยครับ
สรุปข้อดีและข้อเสีย…
ข้อดี
| ข้อเสีย
|
บทส่งท้าย…
LG G3 เป็นมือถือเรือธงตัวหนึ่งในตลาดที่มีความน่าสนใจในหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องหน้าจอความละเอียดสูง, งานออกแบบสวยงาม และหน้าจอใหญ่แต่ขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่มากเพราะขอบหน้าจอที่บางตามสไตล์ของ LG ส่วนกล้องหลังที่มาพร้อม OIS+, Dual-LED Flash และ Laser AF นั้นถือว่าเพียบพร้อม เป็นมือถือที่ถ่ายรูปสนุกเพราะโฟกัสได้ไวและแม่นยำ เทียบกับราคา 20,990 บาทต่อสเปกและประสิทธิภาพโดยรวมจากการใช้งาน ต้องบอกว่าราคานั้นเหมาะสมดีแล้ว แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง Oppo Find 7 ก็คงต้องบอกว่าแพงกว่าเค้าเยอะเหมือนกัน แต่ชื่อชั้น LG กับ Oppo นั้นก็ต่างกันด้วย สำหรับท่านที่มองหามือถือ Flagship สักตัวหนึ่ง LG G3 เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมาก
ส่วนปัญหาเรื่อง หน้าจอคมเวอร์ หรือ Over-sharpened ที่เจอกันนั้น ได้แต่หวังว่า LG จะมองว่านี่คือปัญหาไม่ใช่ Feature เพราะมีหลายๆคนไม่ชอบหรือถึงกับรับไม่ได้ไปเลยก็มี ตรงนี้น่าจะแก้ไขได้ด้วย Software นะครับ
จบแล้วครับสำหรับรีวิว LG G3 หนึ่งในมือถือเรือธงที่น่าสนใขระดับต้นๆของตลาดในตอนนี้ แล้วคราวหน้ามาพบกันใหม่ครับ
เพิ่งขายไปผมลองมาทั้งเครื่องไทยและเครื่องนอก
ขอบอกครับว่าเครื่องนอกลื่นไหลกว่านิดนุงเพราะได้แรม3กิ๊ก
เสียดายเครื่องไทยไม่นำตัว3กิ๊กมาขายไม่งั้นยอดขายน่าจะดีกว่านี้นะ…
คือผมกำลังคิดจะซื้อเครื่องเกาหลีใช้อยู่ครับที่แรม 3 กิ๊ก อยากทราบว่ารหัสเครื่องอะไรครับ ถือโอกาสถามท่านอื่นๆ ด้วยนะครับคือผมเห็นว่ามีหลายรหัสมากเลยเวลาซื้อกลัวสับสน เช่น F-400L, F-400S, F400K, F-460 อ๋อแล้วก็มีใครทราบรหัสของ Cat.6 ไหมครับ (ผมอยู่ประเทศจีน คิดว่าจะซื้อในเถาเป่าครับ)
แนะนำนะครับให้ซื้อเครื่องอินเตอระหัสD855 เครื่องเกาหลีจะเป็นระหัสF
ส่วนCat6ตอนนี้เท่าที่รู้มามีขายเฉพาะในเกาหลีครับ ซื่งเครืองระหัสFหรือCat6ที่ขายในเกาหลีจะติดเสาอากาศมาด้วย
ซื้อเครื่องระหัสD855ดีกว่าครับอย่างพวกเครื่องมาเลเซีย โซนเอเชียเหมือนกันแต่ได้แรม3กิ๊กรอม32กิ๊ก
เมนูและการอัพเดดอะไรต่างๆเหมือนบ้านเราหมดครับ
ขอบคุณมากครับเพิ่งรู้ว่าเครื่องแรม 3 กิ๊กยังมีของที่อื่นนอกจากเกาหลีด้วย สอบถามเพิ่มอีกนิดนึงครับ คือตอนนี้ผมดูในเถาเป่า ราคาเป็นแบบนี้ครับมีให้เลือกซื้อหลายรุ่น
1.เครื่องฮ่องกงแรม 3 กิ๊ก 35XX หยวน
2.เครื่องเกาหลีแรม 3 กิ๊ก 3100 หยวน
3.เครื่องเกาหลี Cat.6 3780 หยวน
จะเห็นว่าราคาไม่ค่อยต่างกันมากทำให้ผมอยากได้ Cat.6 อ่ะ คิดว่ายังไงดีอ่ะครับ แล้วถ้าซื้อ Cat.6 มาแล้วพวกการอัพเดทเนี่ยจะมีเหมือนรุ่นอินเตอร์ไหมครับ แล้วมีเมนูภาษาไทยไหมขอคำแนะนำเพิ่มหน่อยได้ไหมครับ
เรื่องเมนูภาษาไทยไม่แน่ใจครับ
แต่ที่แน่ๆต้องติดแอบของเกาหลีมาเยอะแน่นอนครับ…
เรื่องเมนูภาษาไทย ถ้าเป็นเครื่อง region เดียวกับเราเช่น มาเลเซียหรือสิงคโปร์จะมีด้วยครับ ส่วนเครืองฮ่องกงกับเกาหลีไม่น่ามี
สเปคขนาดนี้ UI ยังกระตุกอีก
หน่วงจนรู้สึกหงุดหงิดเลยครับ ความไหลลื่น เอส 5 ดีกว่ามากครับ
G3 UI กระตุกจริง แต่ S5 ก็ไม่ได้ดีกว่ามากนะครับ กดปุ่ม Home ออกมาแต่ละที นอ 2-3 วินาทีตลอด การ Scroll หน้าของ S5 ก็ไม่ลื่นไหลเลย ยังไงผมก็ว่า UI ของ Samsung เป็นอันดับโหล่ครับ
Xiaomi อันดับ 1
HTC อันดับ 2
SONY อันดับ 3
นอกนั้นเสมอกันหมดคือ ไปอยู่ที่โหล่ด้วยกันให้หมดน่ะครับ เพราะใช้งานจริงแล้ว ดีแป๊ปเดียว
กระตุกจริงๆ นั่นแหล่ะครับ มันหน่วงๆ สงสัยเพราะจอคมเกิน ผมเพิ่งขาย Note 3 มาลองๆ เล่นตัวนี้ดู กะว่าจะเล่นซักพักละปล่อย #รอโน๊ต 4 อิอิ
— ลบเม้นครับ เนทกระตุกมันโพสซ้ำ — T^T
ui กระตุกน่าจะมีส่วนจากแรมนะถ้ารุ่น 3gb ไม่น่าจะเป็น แต่ถ้าใช้รุ่น 2 แล้วมีปัญหานี้บอกตรงๆเลยผมคนนึงละที่ไม่เอา
ปล. นี่แหละจอ QHd ที่่ทุกคนอยากได้แล้วมาซัดกับแรม 2 ผลก็เป็นอย่างที่เห็นของมีประโยชน์น้อย + ยังไม่ถึงเวลาแต่อยากได้กัน
G2 ทำตลาดมาดี
G3 เอา RAM 2G มาขาย
หลายคนเลยขอบาย
แล้วจะขายได้เท่าไหร่เอย…
UI กระตุกจริงครับ ผมคิดว่าที่มันกระตุกน่าจะเกิดจากการประมวลผลภาพบนหน้าจอ หรือเรียกง่ายๆก็คือการ sharpen ภาพบนหน้าจอนั่นแหละครับ เลยทำให้ benchmark คะแนนลดลงไปอีกด้วย (เดานะครับ)
ผมคนนึงละที่ไม่ชอบหน้าจอ QHd ขอแค่ Full HD ก็พอแล้ว ถ้ามองแบบไม่เพ่งนะผมว่ายังไงก็มองไม่ออก แล้วคนใช้มือถือกี่คนที่จะเพ่งตลอดเวลา เอามาเปลือง cpu กับ แบตเปล่าๆ อืนๆ ผมว่าตัวนี้ถ้าแรมเป็น 3 กิ๊กคงใช้ได้ยาวๆเลย
ใช้ได้สองสัปดาห์ ชอบมากแต่ต้องขายออกไปเพราะแบตไม่ทนเหมือนจีทู ผมยังมองว่าจีทูมันทำไว้ดีมากจริงๆ
RAM 2G เจอ UI ของ LGG2 ก็กระตุกมาแล้ว พอเป็น LGG3 คงไม่แปลกอะไรที่จะกระตุกเหมือนเดิม ถ้าได้ RAM 3G น่าจะดีมากครับ
ผมลองเทียบกับจอ Find7 จอ Find7 ละเอียดกว่านะ G3 ดูตรงตัวอักษรยังเห็นเม็ดพิกเซลเล็กอยู่เลย แต่ Find7 นี้เนียนมองไม่เห็น อาจจะเป็นที่ sharpen ก็เป็นไปได้
แบตยังคงมีปัญหาน่ะอัพเดทล่าสุดแล้ว ผมใช้บน AIS พอออกไปต่างจังหวัด เครื่องร้อนมาก แบตหมดไวโคตร สำหรับอาการกระตุก ก็ยังมีน่ะ ถึงจะมีวิธีแก้ก็ไม่ตอบโจทย์คงต้องรอ firmware version ใหม่ หรือ patch
G 3 LTE CAT 6 SNAP 805 แรง สม ความละเอียดหน้าจอหน่อยครับ ฝรั่งชื่นชม
รอดู Note 4 ใช้ SNAP 805 เหมือนกัน
ส่วนปีหน้า คงเป็นปีของ SNAP 810 – 64BIT แซ่บๆ
จากที่ลองเล่นของเพื่อน รู้สึกได้ว่า LG G3 ไม่ไหลลื่นเมื่อเทียบกับ LG G2 เลยครับ
ออกแนวมีกระตุกเป็นบางครั้งด้วย ไม่รู้ว่าเพราะเรื่องหน้าจอ Pixel ที่เยอะด้วยหรือปล่าวจึงทำให้ดูไม่สมูทนัก
กล้องหน้า G3 นั้นเป็น autofocus อย่างนี้ก็ถ่ายให้เกิด depth ได้สิครับ ถ่ายวีดีโอ ก็สามารถ เอาของเข้าใกล้จอแล้วกล้องจะหา focus เองใช่มั้ยครับ
มีรุ่นอื่นอีกมั้ยที่ กล้องหน้า autofocus อีก ผมเพิ่งรู้นะนี่ เพราะเห็นแต่เล่น pixel เยอะๆกัน
เป็น Fixed focus ครับ แก้ไขแล้ว ขออำภัย แต่สามารถแตะจุดอื่นๆบนหน้าจอเพื่อวัดแสงได้ครับ
แหม ไอ้เราก็นึกว่า ตกข่าวขั้นรุนแรง 5555
ถ้ามีจริงนี่จะดีมากๆเลย brand ไหนก็ได้ มาทำเร็วๆๆๆ
Find7 กล้องหน้า auto focus ครับ
แต่เฉพาะถ่ายรูปนะ
วิดีโอ ลองแล้ว ไม่ได้ครับ
หืม G3 UI กระตุกด้วยเหลอครับเนี่ย
Cat6 มีภาษาไทยนะคะ เพิ่งถอยมาวันนี้เพราะเครื่องศูนย์ตกน้ำ รับ 4G บ้านเราได้ปกติ
เครื่องนอก แรม 3 ไม่จำเป็นต้องถึงขั้น Cat6 ก็ไหลลื่่นสมูทกว่าเครื่องศูนย์บ้านเรามากค่ะ
Cat.6 รหัส F460 ใช่ไหมครับ ที่ว่ามีเมนูภาษาไทยด้วย, แล้วการใช้งานเทียบกับเครื่องแรม 3 กิ๊กแล้วเป็นไงบ้างครับ ผมคิดว่าจะซื้อ Cat.6 อ่ะครับเพราะว่าในเวปเถาเป่า D855 แรม 3 กิ๊ก กัับ Cat.6 ราคาต่างกันแค่พันกว่าบาทเอง
โว๊ะ!!!!!!!!
เปิด ดูแบบ 4k กระตุกมากๆๆ นี่มือถือมันนำหน้าคอมเราไปแล้ว!!!!
ตอนมือถือบ้า 300dpi อืมดีแฮะ
พอเริ่มเข้าสู่ยุค 400dpi อืมชักเลอะเทอะ
พอเข้าสู่ยุค 500dpi ก็ไร้สาระสิ้นเชิง
ตาคนแยกไม่ออก ก็หลอกด้วย sharpen แทน ใว้หลอกเด็ก(ไม่วายมีคนเชื่ออีก)
มือถือผมพูดมานานแล้วว่า ขอจอ 300dpi พอ ขอเล่นเกมได้ภาพเท่า PS3
กล้องหลัง 6-8 mp พอ ขอนอยซ์เนียนๆ เท่ากล้องคอมแพคมิดเรนจ์
ทำได้ไหม คำตอบคือยังทำไม่ได้ซักรุ่น
บ้าจอ 2K บ้ากล้อง 10+mp ถ่าย VDO 4K เลอะเทอะ แม่แต่เว็บไทยบางเว็บยังมาสอนคนให้
ซื้อมือถือควรซื้อเผื่ออนาคต(ยังดีไม่ใช่เว็บนี้ ไม่อยากเอ่ยชื่อ) แนะนำปัญญาอ่อนแบบนี้ก็ยังมี
ผมพูดเพราะเคยหมดกับโฮมเธียเตอร์ไปหลายหมื่นเพราะ คนขายบอกให้ซื้อเผื่ออนาคต
ทุกวันนี้ถอดทิ้งเป็นอนุสาวรีย์เตือนใจว่าอย่าโง่อีก (ถอดทิ้งเพราะไม่รองรับฟอร์แมตปัจจุบัน)
ถ้ามือถือเรือธง(ค่ายไหนก็เหอะ)ยังมาบ้า dpi อีก ผมคงเล่นมือถือรุ่นกลางแทน
เอาพลัง CPU เก็บใว้ใช้รัน UI ลื่นๆ รันเกมกราฟฟิคโหดๆ ไม่ก็เซฟแบตอย่างมีสาระดีกว่ามั้ย
อย่าคิดว่าตัวเองฉลาดแล้วคนอื่นโง่เลยครับ คนเรามันชอบไม่เหมือนกัน ชอบรุ่นไหนก็ซื้อไปเถอะ
มันอาจจะพอสำหรับคุณ แต่อีกหลายคนไม่ยังไม่พอ
พอ สำหรับผมคือ จุดที่ผมยังแยกออก
ไร้สาระ สำหรับผมคือตัวเองก็แยกไม่ออก แต่โดนสื่อชี้นำซ้ำๆจนอุปทานไปเองว่าแยกออก
ผมเห็นด้วยนะ ถ้าซีพียูมันแรงขึ้นแต่หน้าจอควา่มละเอียดเท่าเดิม มันก็จะเร็วกว่าเดิม แบตก็ไม่สูบ ผมคิดถูกมั้ย แล้วไปผลิตหน้าจอให้มันคมชัดกว่าเดิมดีกว่ามาเพิ่มความละเอียด อาจเพราะมันเห็นต่างได้ด้วยตัวเลขเค้าก็เลยทำกันเพื่อการตลาด
ผมมอง Full Hd กับ Hd ออกนะ แต่ดู Find7 กับ 7a มันก้ไม่ต่างกัน ส่วนเรื่องกล้องไม่ซีเรียส อยากได้ลำโพงเทพๆมากกว่า
ผมเห็นด้วยนะครับ ความเหมาะสมของโทรศัพท์มือถือมันอยู่ตรงไหน จริงๆแล้วหน้าจอระดับ Full HD ก็ถือว่าสุดยอดมากแล้ว ทำสีให้ดีๆก็เพียงพอ ละเอียดไปก็เปลืองแบต เปลือง CPU เครื่อง ส่วนกล้อง เราใช้แค่ถ่ายลง Social ทั่วไป 8 ล้านก็เหลือเฟือแล้ว ทำให้ขนาดจุดใหญ่ๆ Dynamic Range ดีๆ Noise เนียนๆก็เพียงพอ กินหน่วยความจำน้อยกว่าด้วย
แต่ VDO 4k ผมว่ามันคมชัดกว่า Full HD เห็นๆเลยนะครับ เวลาไปเปิดกับจอ 4K แล้วเรื่องจอ ผมแยกความต่างได้สบายระหว่าง Full HD กับ QHD ของ Find 7a กับ Find 7 นะครับ แต่เฉพาะเวลาเข้าเวป อ่านตัวหนังสือเล็กๆนะครับ มันแยกได้จริงๆ แต่ถามว่าจำเป็นมั้ย ผมว่าไม่จำเป็น แค่ Full HD ก็ดีเพียงพอแล้ว
เรื่องเทคโนโลยี ผมว่ามันก็เป็นไปตามกลไกตลาดแหละครับ ผู้บริโภคสนใจตัวเลข ผู้ผลิตอยากขายเยอะๆก็ต้องทำตาม ส่วนตัวผม ผมชอบนะ อย่าเรียกว่าหลอกเลยครับ ความพอใจคนเรามันไม่เท่ากันครับ
สนับสนุนเรื่องความละเอียดหน้าจอครับ
ยกตัวอย่างเช่น G3 นี่แหละ
ถ้าสเป็คเหมือนกันทุกอย่าง แต่มีความละเอียดหน้าจอ
QHD 2560×1440 กับ Full HD 1920×1080
ผมเลือก Full HD 1920×1080
แยกออกมั้ย ถ้า A/B test มาเพ่งแยกออก แต่ถ้าเวลาใช้งานจริงแยกออกรึเปล่า
มีนัยสำคัญต่อชีวิตจริงรึเปล่าอีกเรื่องนึงครับ
ผมเองก็บอกเลยว่าเป็น geek คนนึง เล่นทุกอย่างทั้งคอม เครื่องเสียง 2ch โฮมเธียร์เตอร์
กล้องถ่ายรูป หมดตังกับเรื่องนี้ไปรวมๆราคาเท่ารถเก๋งคันนึง และเคยกระอักกับ DVD Player มาแล้ว
จนได้บทสรุปชีวิตว่าจงเสพเทคโนโลยีของวันนี้ อย่าสะเหร่อเสพเทคโนโลยีอนาคต
TV 4K ทุกวันนี้ราคาเท่าไหร่ มีกี่บ้านที่มี นอกจากกล้อง มีฟอร์แมตหนังโรงหรือบรอดแคสต์
อะไรรองรับบ้าง ปีนี้อาจซื้อได้ในราคาห้าหมื่น ปีหน้าอาจซื้อได้ในราคาหมื่นต้นๆ
จำเป็นหรือที่ต้องซื้อเผื่ออนาคต
เรื่องกล้องจะเทพงู้นงี้งั้นบลาๆๆอะไร ทั้งภาพนิ่งทั้ง VDO มันดีเท่ากล้องคอมแพคมิดเรนจ์
พิกเซลน้อยๆหรือยัง (ไม่เคยหวังว่าจะดีเท่ากล้อง Four-third หรือ APS-C เลยนะ)
สำหรับมือถือ ผมยังคิดว่าจอ 400 dpi นั้นเกินพอครับ เก็บพลัง APU ใว้รันกราฟฟิคโหด หรือเซฟแบตดีกว่า
มือถือคืออุปกรณ์ที่หยิบมาใช้ทันทีทันใด ไม่ใช่เครื่องเสียง 2ch ที่นั่งจิบเบียร์ละเมียดฟังความงดงามของ
ซาวน์เสตจ หรือไดนามิคเฮดโทนอย่างใจเย็นครับ
ตอนนี้จับลง Nova launcher แล้วดีขึ้นเลย ใครใช้อยู่ลองดู เครื่องศูนย์ แรม 2G คับ
ผมว่ามันหน่วงๆส่วนหนึ่งมาจาก animation การเปิดแอปต่างๆ ทาง lg ทำมาไม่ค่อยสมูท พอใช้ nova ปรับเป็น blink ดูลื่นดีขึ้นเยอะเลย
สนใจ+ชอบนะรุ่นนี้แต่อ่านแล้วรอก่อนดีกว่า รอดู LG G3 A ไม่รู้จะทำขายนอกประเทศป่าว
ตกลงมีดีแค่กล้องหรอเนี้ย
300ppi แยกออกไม่ออกแล้วแต่คนครับ มันเป็นแค่ทฤษฎีที่แอปเปิ้ลตั้งขึ้นมา เมื่อมองที่ระยะ 13 นิ้ว ซึ่งแต่ละคนก็มีกำลังเพ่งไม่เท่ากัน ยิ่งวัตถุส่องสว่างเท่าไหร่ก็ยิ่ง มองได้เล็กขึ้น บางคนก็จำฝังใจเหลือเกินว่าต้อง 300 ppi คนที่เค้าตาดีกว่าเค้าแยกออกครับ
300 กับ 400 dpi แยกออกมั้ย แยกออกครับ ถ้านั่งเพ่งพินิจ
400 กับ 500 dpi ถ้าไม่แอบอัด sharpen ผมแยกไม่ออกครับ และซื่อสัตย์กับตาตัวเอง
ไม่โดนโฆษนาชี้นำจนอุปทานตาม
และถ้ามีคนแยกออก ผมยอมรับครับ แต่คำถามคือจำเป็นหรือไม่"กับการเป็นมือถือ"
ถ้าได้ใช้จริงๆแล้วจะติดใจครับ ครั้งหนึ่งคนเคยมองว่าจอ Retina เกินความจำเป็น พอมาแปบหนึ่งมีจอ Full HD ก็บอกเกินความจำเป็นอีก ตอนนี้ผมใช้ Find7 อยู่ต้องบอกชอบมาก ดูอะไรในจอนี้ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้มองจอ LCD แต่เหมือนมองอะไรที่มันดีกว่านั้น กลับมามอง Note3 แล้วรู้สึกจอมันหยาบจัง ถามว่าจำเป็นไหมผมก็ตอบว่าตอนนี้ยังไม่จำเป็น แต่อนาคตไม่แน่อาจจะได้เห็นจอ 4k ก็เป็นไปได้ สุดท้ายนี้ก็นานาจิตตังครับ แต่ผมไม่ได้อุปทานไปเองแน่ แต่มันเกิดจากความชิน
จอ tab s เทียบกับ full hd ผมว่าก็แยกออกนะ
ขนาดจอใหญ่มันย่อมเห็นง่ายกว่าอยู่แล้วครับ
แนะนำใครใช้ LG G3 กระตุกลองทำตามลิงค์นะครับ http://androidteen.com/fix-lag-lg-g3/ และ ปิดคู่มือในหน้า Home รับรองลื่นหัวแตกครับ หวังว่าคงแก้ไขได้นะครับผมใช้มาตอนนี้มีความสุขกับเครื่องนี้ครับผมส่วนตัวใช้ทำงานซะส่วนใหญ่
ขอบคุณครับ 🙂
เอ่าเห้ยไปซื้อ find7 มา เพราะไม่รู้ว่า G3 ถอดแบตได้
//เซ็งกับการถอดแบตไม่ได้ของZ1 จะไป Samsung ก็เบื่อ
เสียดายตอนซื้อfind7 ไม่รู้ว่า Vivo ออกรุ่น XShot มาspec เตะ find7 แทบปลิว
ตรงไหนของ xshot เตะ find 7 ได้? สเปคก็เท่ากันหมด ต่างกันแค่ความละเอียดจอ กล้อง find 7 นี้จัดอยู่ในตัว top ของกล้องมือถือทั้งหมดด้วยซ้ำ vivo เป็นยังไงยังไม่มีใครบอกได้
อีกอย่างเรื่องหน้าตาอันนี้แล้วแต่คนนะครับ แต่ผมเห็นว่าถ้าเทียบกับ find 7 แล้ว vivo ดู lo มาก
แต่ถ้าจะเทียบกับ find 7a ก็อีกเรื่องเพราะ find 7a จะสเปคตำกว่า vivo อยู่นิดหน่อย
จับตัวจริงมากแล้ว ก็สวยดีนะ
รอรุ่นที่ย่อขนาดแต่ความแรงเท่าเดิมก่อน
ทำกล้องให้มันดีเท่ากล้องคอมแพคก่อนดีกว่าไหม DSLR เลยยิ่งดี
จอละเอียดมากเกิน ก็เปลืองแบต+กระตุกอีก เปลืองกำลัง CPU รอวันระเบิด
เอาจริงๆ แค่ 1080p dpi สัก 300 ก็พอแล้ว
ไปเอาดีด้าน แบตอนุภาคซิลิกอนนาโนรูพรุน ด้วยก็ดีนะ อึดกว่าเดิมตั้ง 3 เท่า ชาจเต็ม 10 นาที
500dpi เวลาเปิดหน้าต่างเล็กๆหลายอันยังอ่านได้สบาย 🙂 เหมาะกับคนที่ต้องใช้งานหลายแอพพร้อมๆกัน แต่ไม่อยากแบก tablet ไปด้วย
เห็นด้วยสุดๆเลยครับ G3 มาเสียหมา เพราะจอ 4K นี่แหละ เสียดาย CPU GPU ที่แรงขึ้น เอามาใช้เสียประโยชน์
2K ครับ ^^"
สอบถามหน่อยค่ะ เพิ่งได้ D855 ram3gb มาประมาณสองอาทิตย์ เครื่องค้างบ่อยมาก จะค้างแทบทุกครั้งที่ชาร์ตแบต factory reset มาห้ารอบก็เป็นๆหายๆ ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้างคะ ใช้ sd card sandisk 32gb เกี่ยวมั้ยคะ ขอคำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
สอบถาม ครับ เครื่องผมอายุ 1 ขวบ ทัชสกรีน ไม่ได้ ครับ ทำไง ดี ครับ จะดทรก็ไม่ได้ จะปิดเครื่องก็กลัวจะเปิิดไม่ได้ เพราะใช้รหัสล็อคเครื่อง ใช้ไลน์ คุยงานก็ไม่ได้ ชีวิตลำบาก มากครับ
082 5179545 ได้โปรด ด้วย ครับ