หลังจากที่ LG ได้ลองผิดลองถูกกับ Android Wear มาแล้วรุ่นนึงอย่าง G Watch ซึ่งก็ได้กระแสตอบรับกลับมาที่ไม่ค่อยดีเท่าไร ซึ่งทาง LG ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ นำเสียงตอบรับนั้นกลับไปพัฒนาจนกลายออกมาเป็น Android Wear ตัวที่สองของค่ายในชื่อว่า G Watch R

โดย G Watch R เนื้อแท้ด้านในแทบจะยกฮาร์ดแวร์จากตัวเก่ามาใส่ไว้ในตัวใหม่ เพียงแต่ปรับปรุงในจุดด้อยและเพิ่มเติมในสิ่งที่ยังขาดหายไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน้าจอที่รุ่นแรกถือว่าสอบตกเมื่อนำเอาไปใช้ในกลางแจ้ง เรื่องรูปลักษณ์ที่ดูไม่ทันสมัย และที่สำคัญที่สุด G Watch รุ่นแรกยังขาดเซ็นเซอร์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ซึ่งถือเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรงมากสุด เพราะกระแสของผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ 

G Watch R ได้มีการยกโฉมใหม่จากหน้าปัดทรงสี่เหลี่ยมมาเป็นหน้าปัดทรงกลม และมีการเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ทำหน้าจอแสดงผลจาก IPS มาเป็น P-OLED (เป็นตัวเดียวกันกับที่ใช้ใน LG G Flex) ทำให้ G Watch R สู้แสงได้ดีกว่ารุ่นก่อนและยังทำให้มุมมองของหน้าจอกว้างขึ้นและชัดขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นแรก แต่ที่น่าเสียดายที่ G Watch R ยังขาดเซ็นเซอร์วัดแสง ทำให้หน้าจอไม่สามารถปรับแสงสว่างโดยอัตโนมัติตามสภาวะแวดล้อมได้

หน้าจอแสดงผลของ G Watch R มีความกว้างอยู่ที่ 1.3 นิ้ว ความละเอียด 320 x 320 พิกเซล ส่วนตัวเรือนใช้สแตนเลสในการขึ้นเฟรมนาฬิกา ส่วนสายทำมาจากหนังลูกวัว (calf skin leather)

ด้านหลังรูตรงกลางคือเซ็นเซอร์วัดการเต้นของหัวใจ ส่วนรูปด้านขวาเป็นแท่นชาร์จไฟ โดยแทนชาร์จจะมีแม่เหล็กไว้ค่อยดูดยึดเกาะไม่ให้ G Watch R ลื่นหรือไถลหลุดออกจากพอร์ตเวลาชาร์จ

สเปกของ G Watch R

  • หน่วยประมวลผล 1.2GHz Qualcomm Snapdragon 400
  • หน้าจอกว้าง 1.3 นิ้วแบบ P-OLED ความละเอียด 320 x 320 พิกเซล
  • หน่วยความจำภายใน 4GB 
  • RAM 512 MB 
  • แบตเตอร์รี่ 410mAh
  • เซ็นเซอร์ 9 ทิศทาง (Gyro/ Accelerometer/ Compass), Barometer, PPG (สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ)
  • ระบบปฏิบัติการ Android Wear 

  • มีสีเดียวคือสีดำ
  • อื่นๆ กันน้ำกันฝุ่น (IP67)

สรุป

G Watch R ถือเป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่น่าจำตามองตัวนึง ซึ่งเมื่อเทียบกับคูแข่งแล้วถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยง ไม่ว่าจะเป็น Moto360 นาฬิกาอัจฉริยะที่มีหน้าปัดเป็นทรงกลมเช่นเดียวกัน แต่ยังขี้อายที่จะเปิดตัวถึงแม้เปิดโฉมหน้ามานานหลายเดือนแล้ว หรือแม้กระทั่ง Samsung Gear S ผู้ที่เพรียบพร้อมไปซะทุกอย่างแต่เสียอย่างเดียวที่ระบบผูกกับซัมซุงมากเกินไปจนไม่สามารถนำมาใช้กับมือถือค่ายอื่นได้ ซึ่งแต่ละตัวมีข้อดีข้อเสียที่ต่างกันไว้ว่างๆ จะมาสรุปให้ฟังอีกที

ส่วนราคาและวันจัดจำหน่ายยังไม่ระบุ แต่ก็ได้ยินแว่วๆ มาจาก LG ว่าจะขายภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ก่อนจะลาปิดท้ายด้วยวิดีโอพรีวิวจาก Android Central

Play video

ที่มา Android Central