เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้าแจ้งความต่อ บก.ปอท (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) กรณีแพลตฟอร์มต่างประเทศชื่อดังอย่าง Facebook, Twitter และ Instagram ไม่ให้ความร่วมมือในการปิดกั้นการเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ที่ผิดกฎหมายเกินกำหนด 15 วัน ตามคำสั่งศาลไทย
ก่อนหน้านี้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้มีการส่งหนังสือแจ้งไปยัง Facebook, Twitter, Instagram และ YouTube ให้ปิดกั้นการเข้าถึงลิงก์และการกระทำที่ผิดกฎหมายต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นจำนวน 1,024 รายการ ประกอบด้วย เรื่องการหมิ่นสถาบัน, ลามก, การพนัน, ยาเสพติด และลิขสิทธิ์ โดยฝั่ง YouTube นั้นได้ปิดกั้นครบทั้งหมดตามที่แจ้งไปแล้ว ส่วนอีก 3 แพลตฟอร์มที่เหลือมีการปิดกั้นไปแล้วบางส่วน แต่ยังไม่ครบทั้งหมด ดังนี้
- Facebook : แจ้งให้ปิดการเข้าถึงเนื้อหาตามคำสั่งศาล 661 URL ปิดแล้ว 225 คงเหลือ 436 รายการ
- Twitter : แจ้งให้ปิดการเข้าถึงเนื้อหาตามคำสั่งศาล 69 URL ปิดแล้ว 5 คงเหลือ 64 รายการ
- Instagram : แจ้งให้ปิดการเข้าถึงเนื้อหาตามคำสั่งศาล 1 URL คงเหลือ 1 รายการ
- YouTube : แจ้งให้ปิดการเข้าถึงเนื้อหาตามคำสั่งศาล 289 URL ปิดแล้วทั้งหมด
เมื่อวานนี้นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า มีการแจ้งให้ปิดกั้นเพิ่มเติมเข้าไปอีกรวม 3,097 รายการ (ไม่ได้ระบุว่าเป็นแพลตฟอร์มใดบ้าง) ซึ่งการที่ทั้ง 3 แพลตฟอร์มไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลนั้นส่งผลให้มีความผิดตามมาตรา 27 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ (พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์) โดยกำหนดเอาไว้ว่า มีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาทต่อ URL และปรับรายวันไม่เกิน 5,000 บาท จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมยังมีการแจ้งความต่อผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียอีกเป็นจำนวน 5 ราย กรณีพาดพิงหมิ่นสถาบันหลักของประเทศ ยุยง ปลุกปั่น ทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง ในช่วงการชุมนุมทางการเมืองระหว่างวันที่ 19-20 กันยายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ได้กล่าวว่า ตนยอมรับว่า ผู้ใช้งาน 3 จาก 5 ราย ที่ถูกแจ้งความถือเป็นแกนนำผู้ชุมนุม แต่ก็ยืนยันว่า ตนเคารพสิทธิของประชาชน ปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ และไม่ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น แต่หากใครกระทำความผิด ก็จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายทันที
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยที่ได้มีการดำเนินการตามกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กับแพลตฟอร์มต่างประเทศอย่างจริงจัง ซึ่งเรื่องนี้จะจบอย่างไรก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ
ที่มา : พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ | กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เราจะอยุ่กันแบบนี้จิงๆเหรอเคยถามตัวเองกันบ้างปะ ประเทศนี้ระบบมันดุผิดๆเพี้ยนๆไปมากแล้วนะ
ริดรอนสิทธิ ยังเรียกว่าเป็น ประชาธิปไตย ได้มั้ยน้อ เบื่อ
ประชาธิปไตยในมุมมองของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทั้งที่ควรจะเหมือนกัน พอให้บอกนิยามก็มั่วซะส่วนใหญ่ สิทธิของฉันอย่างนั้นอย่างนี้ ฉันมีสิทธิ ห้ามละเมิดหรือริดรอนสิทธิฉัน ไม่ได้สนใจสิทธิของคนอื่นเลย 😅
อีกหน่อย คงไปไล่จับสำนักพิมพ์สมุดลายไทย ที่คนซื้อสมุดไปเขียนด่ารัฐบาล
การหมิ่นประหมาท หรือบู้ลี่บุคคลอื่น ไม่ว่าจะหมิ่นใครก็ตามมันก็ไม่ควรทำอยู่แล้วปะ สำหรับสังคมไทย
อย่างกรณี Apple,Google แบน fortnite
เขาโดนเพราะเขาไม่ทำตามข้อตกลง
เช่นเดียวกับทั้งสามแพลตฟอร์มที่โดน พวกเขายอมรับข้อตกลง และกฎหมายไทย แต่ไม่ทำตามทั้งหมด อีกฝ่ายก็มีสิทธฟ้องได้ ตามที่ตกลงกันไว้
วันนี้เรายังมีกฎหมายเกี่ยวกับ เรื่องการหมิ่นสถาบัน, ลามก, การพนัน, ยาเสพติด, ลิขสิทธิ์ และรวมไปถึงการหมิ่นประหมาทสำหรับบุคคลทั่วไป เราก็ยังคงต้องเครารพกฎหมายอยู่
ถ้าแพลตฟอร์มจะอ้างเรื่องเสรี ก็ตงต้องผลักดันให้มีการยกเลิกกฎกมายเหล่านี้ก่อน
ลองคิดดู สังคมจะเป็นอย่างไร หากว่าเราสามารถหมิ่นประหมาท หรือบู้ลี้คนอื่นได้อย่างเสรี ไม่ผิดกฎหมาย
ใช่ครับหลักการพื้นฐาน ตามกฎหมายอาญา หมิ่นประมาท เป็นเรื่องที่ไม่ได้สนใจว่าจะพูดด้วยถ้อยคำจริงหรือเท็จ แต่ถ้าบุคคลที่กล่าวถึงหรือประการใดๆที่ทำให้เข้าใจได้ว่ากล่าวถึงบุคคลนั้น ย่อมมีความผิดเสมอ กฎหมายอาญาเน้นตีความเคร่งครัดตามตัวอักษร แต่ขอตั้งข้อสังเกตด้วย quote ของคุณนะครับ
"วันนี้เรายังมีกฎหมายเกี่ยวกับ เรื่องการหมิ่นสถาบัน, ลามก, การพนัน, ยาเสพติด, ลิขสิทธิ์ และรวมไปถึงการหมิ่นประหมาทสำหรับบุคคลทั่วไป เราก็ยังคงต้องเครารพกฎหมายอยู่"
คุณน่าจะเข้าใจผิดการประเด็นเรื่องหมิ่นสถาบันนะครับซึ่งอยู่ในกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ มาตรานี้มีปัญหาการใช้ การตีความ ปัจจุบัน มาตรานี้ใช้ไม่เป็นตามหลักการตีความกฎหมายอาญาซึ่งเป็นการตีความอย่างเคร่งครัด ถ้าการประชาชนตั้งคำถามกับสถาบันไม่ว่าจะเรื่องอะไรไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นอาฆาตมาดร้าย เพราะสถาบันเป็นหนึ่งในองค์กรรัฐ ย่อมสามารถูกประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างสุจริตได้ หากมีความไม่เหมาะสม หรือมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น ตามหลักการประชาธิปไตย
– หมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา กับ หมิ่นอาฆาตมาดร้ายสถาบัน คนละมาตรา หลักการในการใช้ไม่เหมือนกัน ปัจจุบันมีผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา ๑๑๒ ไปแล้วหลายคนครับ อาจจะมาจากการถูกกลั่นแกล้ง หรือใช้กำจัดผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง เพราะการตีความเกินกรอบกฎหมายกำหนดไว้ เปิดตาเปิดใจครับศึกษาเบื้องลึก ไม่มีประเทศไหนยอมรับการหมิ่นประมาทหรือ Bully คนอื่นให้มันถูกกฎหมายหรอก เน้นย้ำการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันด้วยสุจริตชนไม่ใช่การหมิ่นประมาท
ทุกอย่างต้องดำเนินภายใต้กฎหมายของประเทศนั้นๆ ไม่เช่นนั้นก็ไม่สมควรจะอยู่ และควรจากไป
ใช่ครับต้องดำเนินการตามกฏหมายของประเทศนั้นๆ แต่กฏหมายที่เอื้อให้ฝ่ายใดฝ่ายนึงโดยตรงมันไม่สมควรมีอยู่ครับ
กล้าพูดว่าเอาจริงทุกคนที่ทำผิดกฏหมาย
ไปเอาผิดนายกก่อนมั้ยครับ
พูดจาดูถูกหมิ่น ด่า คนทั่วไปยังโดนฟ้องปรับหัวโต
แล้วพวกนี้ด่าสถาบัน ปุกปั่นล้มการปกครองคุณยังจะให้ปล่อยไม่ทำอะไรหรอ
เอะอะก็พล่ามเสรีภาพบ้าบอๆ ก็แค่หาคำมาอ้างให้ตัวเองทำอะไรตามใจโดยไม่อยากโดนทำโทษนั่นเอง สิทธิเสรีภาพคุณมีเต็มที่ตราบไดที่ยังไม่ล่วงละเมิดสิทธิ์ของคนอื่นด้วย อย่าพล่ามแต่สิทธิ์ของตัวเอง
เก่งจริงประกาศปิด Facebook Twitter Instagram Youtube ไปให้หมดเลยครับ
แล้วบังคับให้คนกลับไปเล่น Pantip.com Kapook.com กันเหมือนสมัยก่อน ดูว่ารัฐบาลจะอยู่ได้กี่วัน?
กูละเบื่อพวกสิลิ่มจัง คิดว่าตัวเองฉลาด เป็นแบบนี้ทุกึนเหยีดคนอื่น แต่มองว่าพวกพ้องตัวเองดี ฉลาด เวรแท้ๆพวกนี้…
การว่าหรือให้ร้ายสถาบัน ก็เหมือนการละเมิดสิทธิ์ของคนทั่วไปนั่นแหละ เพียงแต่สถาบันไม่สามารถฟ้องประชาชนได้เหมือนที่ประชาชนฟ้องกันเอง ประชาธิปไตยแบบใหนกันล่ะที่ละเมิดสิทธิ์คนอื่นได้
@lawyer99
โทษทีเราพิมพ์ไม่เคลียเอง
เราไม่ได้เน้นที่ประเด็นบทลงโทษทางกฎหมายของคนโพสนะ
เราเน้นที่ประเด็นขอการประฏิบัตามกฎหมายของแพลตฟอร์มนะ
คืออะไร ?
ทำเลวๆก็ปิดไว้ โลกรู้แต่กะลาแลนด์ห้ามรู้เด็ดขาด
ดีแล้วทำอะไรบ้าง โพสหมิ่น ข่าวปลอมเยอะมาก ข้อมูลผิดๆ เต็มไปหมด
ตำรวจที่ถ่ายรูปด้วยทำไมทำหน้าแบบ "กูล่ะเบื่อ" แบบนั้นล่ะ